ศาลฎีกานักการเมือง นัดพิพากษาคดี "ทักษิณ – หญิงอ้อ" ทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดา 17 ก.ย.นี้ อัยการเตรียมประชุมจัดทำคำแถลงปิดคดียื่นศาล ส่วนทนายจำเลยส่อเค้าไม่ยื่นคำแถลงสู้ ยันทีมทนายทำดีที่สุดแล้ว
วันนี้( 22 ส.ค.)เวลา 09.30 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายทองหล่อ โฉมงาม ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เจ้าของสำนวนทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกมูลค่า 772 ล้านบาทเศษ พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยานจำเลยนัดสุดท้ายใน คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2550 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นคู่สมรสเจ้าพนักงานเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียการทำสัญญากับรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และ 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 4 , 100 และ 122
โดยวันนี้ ศาลได้มีคำสั่งให้เบิกตัวนายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นนักโทษคดีละเมิดอำนาจศาลกรณีถุงเงิน 2 ล้านบาท จากเรือนจำมาไต่สวน ตามบัญชีเดิมพยานจำเลย แต่นายพิชิฏ ได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 20 ส.ค.51 อ้างว่าประเด็นที่จะเบิกความนั้นนายพิชิฏ ผู้ร้องได้ส่งเอกสารทั้งหมดไว้ต่อศาลแล้ว จึงไม่ประสงค์จะมาเบิกความ
องค์คณะผู้พิพากษา พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามคำร้องแสดงว่าผู้ร้องไม่มีข้อเท็จจริงที่เพิ่มเติมอีก กรณีจึงไม่จำต้องไต่สวนพยานปากนี้ และมีคำสั่งให้งดไต่สวนพยานปากนี้ ดังนั้นพยานจำเลยทั้งสองที่ยังไม่ได้ไต่สวนจึงเหลือเพียงตัวจำเลยทั้งสองซึ่งหลบหนีไปไม่มาศาลเท่านั้น จึงถือได้ว่าหมดพยานจำเลยทั้งสองแล้วและเห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยทั้งสองที่ได้ไต่สวนมานั้นเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว จึงไม่เรียกพยานหลักฐานมาไต่สวนเพิ่มเติมอีก ให้ยกเลิกวันนัดที่ได้นัดไว้ คดีเสร็จสิ้นการไต่สวน จึงนัดฟังคำพิพากษา วันที่ 17 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
ทั้งนี้หากคู่ความฝ่ายใดประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรให้ยื่นมาภายในวันที่ 10 ก.ย.นี้ มิฉะนั้นจะถือว่าไม่ติดใจแถลงการณ์ปิดคดี
ภายหลัง นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ หัวหน้าคณะทำงานรับผิดชอบคดี กล่าวว่า ในวันที่ 26 ส.ค. คณะทำงานอัยการจะประชุมเพื่อร่างคำแถลงปิดคดี แล้วจะเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด ก่อนยื่นต่อศาล ซึ่งอัยการมั่นใจในพยานหลักฐานที่ปรากฎในสำนวนสอบสวนของ คตส. ที่อัยการนำเสนอต่อศาลไปแล้วทั้งหมด
ด้านนายอเนก คำชุ่ม ทนายความจำเลย กล่าวว่า ระยะเวลา 2-3 เดือน ที่ตนเอง นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ และทีมงาน ได้เข้ามารับผิดชอบคดีนี้แทน นายพิชิฎ ชื่นบาน ซึ่งได้รวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดในชั้นคตส.และชั้นศาลไว้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นความดีความชอบของนายพิชิฎ และต้องขอขอบคุณ นายพิชิฏ จากใจจริงของเพื่อน วันนี้ถือว่าเราทำได้ดีที่สุดแค่นี้ และพอใจกับพยานหลักฐานต่างๆได้เสนอศาลไปทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถาม ทีมทนายความจะยื่นคำแถลงปิดคดีแทน พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน หรือไม่ นายอเนก กล่าวว่าเดิมทีพวกตนหารือกันว่าจะไม่ยื่นแถลงการณ์ใดๆ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถอนทีมทนายแล้ว แต่เมื่อทางศาลยังให้เราปฏิบัติหน้าที่อยู่ เราก็ทำตาม ส่วนจะยื่นแถลงปิดคดีหรือไม่นั้นคงยังไม่สามารถตอบได้เพราะยังมีเวลาตัดสินใจถึงวันที่ 10 ก.ย.นี้ ซึ่งก่อนอื่นทีมทนายคงต้องสรุปสำนวนทั้งหมดแจ้งต่อศาลตามหน้าที่ของทนายความ
เมื่อถามว่าหากไม่แถลงปิดคดีจะทำให้ฝ่ายจำเลยเสียเปรียบหรือไม่ นายอเนก กล่าวว่า ไม่เกี่ยว การแถลงหรือไม่แถลงปิดคดีไม่ได้ทำให้รูปคดีเสียไป ถ้ารูปคดีจะเสียไปมันขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานในสำนวนทั้งหมด
ซักต่อว่ามั่นใจว่าจะชนะคดีหรือไม่ นายอเนก กล่าวว่า ทุกคนชอบถามทนายเรื่อยว่าต้องการชนะคดีไหม มั่นใจแค่ไหน ตนคงไม่ตอบหรอก เพราะมันอยู่ในใจเราเอง แต่จำไว้อย่างหนึ่งว่าทนายอย่างพวกตนคือทนายความอาชีพ ทำทุกอย่างตรงไปตรงมาจากข้อเท็จจริงทั้งหมด การที่ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ไม่มาให้การชั้นศาลด้วยตัวเอง คงไม่ใช่ข้อเสียเปรียบ เพราะจริงๆแล้วการพิจารณาคดีต่างๆจำเลยไม่ต้องเบิกความก็ได้ ยิ่งคดีอาญาศาลจะฟังพยานหลักฐานโจทก์และต้องสืบให้ได้ว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด ส่วนคำให้การของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ยื่นในชั้น ของคตส.และชั้นศาลก็มีกว่าร้อยหน้า ส่วนเนื้อหาไม่ใช่อันเดียวกันทั้งหมดแต่มีการเพิ่มเติมจากสิ่งที่ขาดตกบกพร่องไป และมีการโต้แย้งว่ากระบวนการสอบสวนของ คตส.ไม่ถูกต้องอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังที่ทีมทนายได้ฟังกระบวนการพิจารณาคดีในการนัดไต่สวนพยานจำเลยครั้งสุดท้ายแล้ว นายอเนก ได้เดินทางไปยังเรือนจำพิเศษกรุเทพ เพื่อไปแจ้งคำสั่งศาลให้นายพิชิฎ ทราบ