xs
xsm
sm
md
lg

มติ กกต.ชงศาลรธน.ชี้ขาดยุบ"พลังแม้ว"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กกต.มีมติเอกฉันท์ ส่งอัยการสูงสุดยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรค"พลังแม้ว" ด้านที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ลงมติเลือก "7หัวหน้าศาลฎีกา- 2 ผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา" เป็นองค์คณะยึดทรัพย์ "แม้ว-อ้อ" นัดสั่งคดี 16 ต.ค.นี้

วานนี้ ( 2 ก.ย.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงภายหลังการประชุม กกต.ว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ 5 เสียง เห็นชอบตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณายุบพรรคพลังประชาชนเสนอ ให้ส่งเรื่องการยุบพรรคพลังประชาชน เนื่องจากนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีต ส.ส.สัดส่วน และอดีตกรรมการบริหารพรรคทุจริตเลือกตั้งจนถูกศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไปยังอัยการสูงสุดเพื่อเสนอไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยขี้ขาด ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองจะแจ้งเรื่องดังกล่าวไปยังอัยการสูงสุดพร้อมพยานหลักฐาน

ทั้งนี้ ตามขั้นตอนการพิจารณษนั้น เมื่ออัยการสูงสุดได้รับแจ้ง ก็จะใช้เวลาในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ถ้าอัยการสูงสุดเห็นสมควร ก็ให้ยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าว แต่ถ้าอัยการสูงสุดไม่เห็นด้วยกับการเสนอของนายทะเบียนพรรคการเมือง ก็จะตั้งคณะทำงานร่วมขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีผู้แทนจากนายทะเบียนพรรคการเมือง และผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จใน 30 วัน หากคณะทำงานร่วมเห็นควรให้เสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะเข้าสู่กระบวนการของอัยการสูงสุดเช่นเดิม แต่ถ้าไม่อาจหาข้อยุติเกี่ยวกับการดำเนินการยื่นคำร้องได้ ให้นายทะเบียนฯ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจยื่นคำร้องเอง

นายสุทธิพล ยังกล่าวด้วยว่า ในการประชุมเพื่อมีมติเรื่อองดังกล่าว กกต.ไม่ได้มีการนำปัญหาสถานการณ์การเมืองขณะนี้มาหารือ หรือพูดคุยว่า ถ้ามีมติแล้วจะทำให้ประชาชนออกมาชุมนุมมากขึ้น เนื่องจากการลงมติมีการนัดหมายวันเวลาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมาก็มีการเชิญ คณะอนุกรรมการชุดสอบสวนออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม และคิดว่าการที่ กกต.มีมติเช่นนี้จะไม่ทำให้กกต. ต้องเป็นเป้าทางการเมือง เพราะกกต.ได้พิจารณามาค่อนข้างนาน ยืนยันไม่ได้ใช้ 2 มาตรฐาน ซึ่งการยุบพรรคสิ้นสุดที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาด อย่างไรก็ตาม การลงมติกรณีนี้มีความแตกต่างจากการพิจารณากรณียุบพรรคชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย เพราะกรณียุบพรรคพลังประชาชน มีคำพิพากษาศาลฎีกามาประกอบด้วย ทั้งนี้ การเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น เป็นดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ ตามพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 98

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มติเอกฉันท์เสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชนครั้งนี้ค่อนข้างสร้างความประหลาดใจให้กับสื่อ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทั้งในกรณีมีมติเสนอให้มีการยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย กกต.ก็มีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 โดยนายสมชัย จึงประเส ริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย เป็นเสียงข้างน้อย ขณะที่ในการพิจารณาเสนอศาลฎีกาให้สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ ที่เป็นมูลเหตุให้มีการเสนอยุบพรรคพลังประชาชนในครั้งนี้นั้น กกต.ก็มีมติด้วยคะแนนเสียง 3 ต่อ 1 ต่อ 1 โดยเสียงข้างน้อย 1 เสียง นายสมชัย เห็นว่าการให้เงินกับกำนันในจ.เชียงราย ของนายยงยุทธไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่เป็นการให้สินบนเจ้าพนักงานที่มีความผิดตามกฎหมายอาญามากกว่า ขณะที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง เห็นว่า ขณะนั้นการสอบปากคำพยานยังไม่ครบถ้วน จึงงดออกเสียง

**ศาลตั้งคณะยึดทรัพย์"แม้ว-อ้อ"

วานนี้ (2 ก.ย.) ที่ศาลฎีกา สนามหลวง เวลา 09.30 น. นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา เรียกประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกา เพื่อลงมติเลือกองค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาคดี หมายเลขดำที่ 14/2551 ที่ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ และได้มาเนื่องจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคล และประโยชน์ส่วนรวมของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำนวน 76,621,603,061.05 บาท พร้อมดอกผล ตกเป็นของแผ่นดิน

โดยการลงมติใช้วิธีลงคะแนนลับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 13 ซึ่งผลการลงคะแนน มีผู้พิพากษาศาลฎีกา 9 คนได้รับเลือก ประกอบด้วย 1.นายไพโรจน์ วายุภาพ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา 2.นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา 3.นายบุญรอด ตันประเสริฐ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา 4.นายศิริชัย จิระบุญศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา 5.นายปัญญารัตน์ วิระยะวานิช ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา 6. ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา 7.นายประทีป เฉลิมภัทรกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา 8.นายกำพล ภู่สุดแสวง ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และ 9.นายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา

ทั้งนี้ องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 จะประชุมเลือกผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน และพิจารณาคำฟ้องของอัยการสูงสุด เพื่อมีคำสั่งต่อไป ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งในวันที่ 16 ต.ค.นี้ เวลา 10.00 น.

สำหรับรายชื่อองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 นั้น ประธานศาลฎีกา จะปิดประกาศรายชื่อไว้ที่หน้าศาลฎีกาให้คู่ความทราบ เพื่อยื่นคำร้องคัดค้านตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทาการเมือง พ.ศ.2543 ข้อ 4

ผู้สื่อรายงานว่า สำหรับนายไพโรจน์ วายุภาพ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกานั้น เป็นองค์คณะที่อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณ ทุจริต ออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ - ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต, นายบุญรอด ตันประเสริฐ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีทุจริตจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น ที่ คตส.ยื่นฟ้องนายเนวิน ชิดชอบ อดีต รมช.เกษตรฯ กับพวกรวม 44 คน และองค์คณะคดีทุจริตภาษีสรรพาสามิต, นายประทีป เฉลิมภัทรกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นองค์คณะคดีทุจริตภาษีสรรพสามิต, นายกำพล ภู่สุดแสวง ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เป็นองค์คณะคดีทุจริตปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ให้กับรัฐบาลพม่าวงเงิน 4,000 ล้านบาทที่ คตส.ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และ องค์คณะคดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) ที่ คตส. ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ กับพวกรวม 47 คน และนายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เป็นองค์คณะคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาทเศษ ที่อัยการสูงสุด ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ภริยา
กำลังโหลดความคิดเห็น