ก.ต.เห็นชอบบัญชีสับเปลี่ยนผู้พิพากษาอาวุโส 19 ตำแหน่ง และแต่งตั้งผู้พิพากษาอาวุโส 12 ตำแหน่ง “สบโชค สุขารมณ์” องค์คณะคดีหวยบนดิน นั่งรองประธานศาลฎีกา ขณะที่ “รุ่งโรจน์ รื่นเริงวงศ์” เจ้าของสำนวนหวย ไปเป็นผู้พิพากษาอาวุโสศาลอุทธรณ์ เช่นเดียวกับ “เกรียงชัย จึงจตุรพิธ” องค์คณะทุจริตที่ดินรัชดาฯ ไปเป็นผู้พิพากษาอาวุโส ศาลเยาวชน ส่วน “สุนัย-อุดม" ก.ต.รับกลับเป็นผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอุทธรณ์ภาค 6 - ศาลภาค 1
วันนี้ (6 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก ว่า ในการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมี นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน พิจารณาวาระแต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษาประจำปี 2552 โดยที่ประชุม ก.ต.มีมติเห็นชอบอนุมัติบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายตามที่ นายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมเสนอบัญชีรายชื่อสับเปลี่ยนผู้พิพากษาอาวุโส 19 ตำแหน่ง และแต่งตั้งผู้พิพากษาอาวุโส 12 ตำแหน่ง
การสับเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญ อาทิ นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา ซึ่งเป็นองค์คณะคดีโครงการออกสลากเลขท้ายพิเศษ 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) และคดีทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์)เป็นรองประธานศาลฎีกา แทน นายรุ่งโรจน์ รื่นเริงวงศ์ รองประธานศาลฎีกาคนที่ 6 ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีหวยบนดิน ที่จะเกษียณอายุจะไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสศาลอุทธรณ์
นอกจากนี้ ยังได้แต่งตั้ง นายพงศ์เทพ ศิริพงศ์ติกานนท์ ประธานศาลอุทธรณ์ เป็นประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา แทน นายเกรียงชัย จึงจตุรพิธ ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฯ ซึ่งเป็นองค์คณะคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ มูลค่า 772 ล้านบาทเศษ ที่เกษียณจะไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และแต่งตั้ง นายชาลี ทัพวิมล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ซึ่งเป็นองค์คณะผู้พิพากษาคดีทุจริตจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท ที่เกษียณไปเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา, แต่งตั้ง นายสุรภพ ปัทมะสุคนธ์ ผู้พิพากษาหัวคณะในศาลฎีกา ซึ่งเป็นองค์คณะทุจริตจัดซื้อกล้ายาง ที่เกษียณ ไปเป็น ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ทั้งนี้ มีผลในวันที่ 1 ต.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายรุ่งโรจน์ ที่ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีหวยบนดิน และ นายเกรียงชัย องค์คณะคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯ เมื่อไม่ขอดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ดังนั้น เมื่อคำสั่งโยกย้ายมีผลในวันที่ 1 ต.ค.นี้แล้ว ผู้พิพากษาทั้งสองจะไม่สามารถทำหน้าที่พิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้อีก เพราะตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง พ.ศ.2542 กำหนดให้องค์คณะต้องเลือกจากผู้พิพากษาศาลฎีกา ดังนั้น หลังวันที่ 1 ต.ค.หากคดีที่ดินรัชดาฯ และคดีหวยบนดินยังไม่ตัดสิน ศาลฎีกาต้องเรียกประชุมใหญ่เพื่อเลือกผู้พิพากษามาเป็นองค์คณะแทนบุคคลทั้งสองใน 2 คดีดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนี้ การสับเปลี่ยนโยกย้ายตำแหน่งดังกล่าวแล้ว ก.ต.ยังมีมติเห็นชอบให้ นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และอดีตเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ โอนกลับมาเป็นผู้พิพากษาอาวุโสศาลอุทธรณ์ภาค 6 และเห็นชอบให้นายอุดม เฟื่องฟุ้ง อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นผู้พิพากษาอาวุโสประจำสำนักงานอธิบดีศาลภาค 1 ด้วย
ทั้งนี้ ก.ต.มีกำหนดพิจารณาบัญชีโยกย้ายผู้พิพากษาระดับผู้พิพากษาศาลฎีกา, ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา, ประธานศาลอุทธรณ์และประธานศาลอุทธรณ์ภาค อีกในวันที่ 11 ส.ค.นี้
วันนี้ (6 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก ว่า ในการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมี นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน พิจารณาวาระแต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษาประจำปี 2552 โดยที่ประชุม ก.ต.มีมติเห็นชอบอนุมัติบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายตามที่ นายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมเสนอบัญชีรายชื่อสับเปลี่ยนผู้พิพากษาอาวุโส 19 ตำแหน่ง และแต่งตั้งผู้พิพากษาอาวุโส 12 ตำแหน่ง
การสับเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญ อาทิ นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา ซึ่งเป็นองค์คณะคดีโครงการออกสลากเลขท้ายพิเศษ 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) และคดีทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์)เป็นรองประธานศาลฎีกา แทน นายรุ่งโรจน์ รื่นเริงวงศ์ รองประธานศาลฎีกาคนที่ 6 ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีหวยบนดิน ที่จะเกษียณอายุจะไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสศาลอุทธรณ์
นอกจากนี้ ยังได้แต่งตั้ง นายพงศ์เทพ ศิริพงศ์ติกานนท์ ประธานศาลอุทธรณ์ เป็นประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา แทน นายเกรียงชัย จึงจตุรพิธ ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฯ ซึ่งเป็นองค์คณะคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ มูลค่า 772 ล้านบาทเศษ ที่เกษียณจะไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และแต่งตั้ง นายชาลี ทัพวิมล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ซึ่งเป็นองค์คณะผู้พิพากษาคดีทุจริตจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท ที่เกษียณไปเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา, แต่งตั้ง นายสุรภพ ปัทมะสุคนธ์ ผู้พิพากษาหัวคณะในศาลฎีกา ซึ่งเป็นองค์คณะทุจริตจัดซื้อกล้ายาง ที่เกษียณ ไปเป็น ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ทั้งนี้ มีผลในวันที่ 1 ต.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายรุ่งโรจน์ ที่ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีหวยบนดิน และ นายเกรียงชัย องค์คณะคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯ เมื่อไม่ขอดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ดังนั้น เมื่อคำสั่งโยกย้ายมีผลในวันที่ 1 ต.ค.นี้แล้ว ผู้พิพากษาทั้งสองจะไม่สามารถทำหน้าที่พิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้อีก เพราะตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง พ.ศ.2542 กำหนดให้องค์คณะต้องเลือกจากผู้พิพากษาศาลฎีกา ดังนั้น หลังวันที่ 1 ต.ค.หากคดีที่ดินรัชดาฯ และคดีหวยบนดินยังไม่ตัดสิน ศาลฎีกาต้องเรียกประชุมใหญ่เพื่อเลือกผู้พิพากษามาเป็นองค์คณะแทนบุคคลทั้งสองใน 2 คดีดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนี้ การสับเปลี่ยนโยกย้ายตำแหน่งดังกล่าวแล้ว ก.ต.ยังมีมติเห็นชอบให้ นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และอดีตเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ โอนกลับมาเป็นผู้พิพากษาอาวุโสศาลอุทธรณ์ภาค 6 และเห็นชอบให้นายอุดม เฟื่องฟุ้ง อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นผู้พิพากษาอาวุโสประจำสำนักงานอธิบดีศาลภาค 1 ด้วย
ทั้งนี้ ก.ต.มีกำหนดพิจารณาบัญชีโยกย้ายผู้พิพากษาระดับผู้พิพากษาศาลฎีกา, ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา, ประธานศาลอุทธรณ์และประธานศาลอุทธรณ์ภาค อีกในวันที่ 11 ส.ค.นี้
