ASTV ผู้จัดการรายวัน - คดียิง “สนธิ” เริ่มรุกคืบ “อัศวิน” ยันรถ “วรวุฒิ” นำซุกบ้านแม่ยาย ก่อนหลบหนี เป็นรถของ “นายชาญณรงค์ มูเซอ” ผู้ต้องหาคดีค้าเฮโรอีน ที่ดีเอสไอจับกุมเมื่อ 20 มีนาคม ถาม “ทวี” ไม่เคยช่วยงานนำไปใช้ได้อย่างไร ลั่นหากไม่กล้ารับคืนจะขายทอดตลาด เตือน “วรวุฒิ-จ่าปัญญา” ให้มาหาอัศวินได้รับความเป็นธรรมแน่นอน ด้าน “พีระพันธุ์” สั่ง “ทวี” ชี้แจงการใช้รถ ขณะที่ดีเอสไออ้างขอตรวจสอบก่อน
วานนี้ (11 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะชุดคลี่คลายคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยภายหลังเรียกประชุมชุดสืบสวนที่ลงพื้นที่ว่า ตามที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ได้สั่งการให้สืบสวนจนออกหมายจับ ส.อ.สมชาย บุญนาค ผู้ร่วมก่อการในครั้งนี้ โดยเช้าวันนี้กำลังตำรวจอีกชุด นำโดย พ.ต.อ.วีรศักดิ์ มีณะวนิชย์ รอง ผบก.จต.ได้ไปค้นบ้านแม่ยายของ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดยพบรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต ซาฟิร่า สีบรอนซ์ตะกั่ว ติดเลขทะเทียน ศว-8051 กทม. แต่จากการตรวจสอบพบเป็นทะเบียนปลอม เมื่อตรวจสอบพบหมายเลขทะเบียนที่แท้จริง คือ กษ3737 เชียงใหม่ ผู้ครอบครองชื่อ นายชาญณรงค์ มูเซอ ผู้ต้องหาคดีค้าเฮโรอีน ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จับกุมได้เมื่อ 20 มีนาคม พร้อมเฮโรอีน 780 กรัม อายัดทรัพย์มูลค่า 117 ล้านบาท โดยดีเอสไอจับได้หลังจากมีการประสานจากดีอีเอของสหรัฐอเมริกา สำหรับนายชาญณรงค์นั้นเคยถูกจับที่สหรัฐฯ แล้วพ้นโทษออกมา กลับมาค้ายาในไทยอีก ก่อนถูกจับกุม และยึดรถคันนี้เป็นของกลางในคดี ซึ่งตรงนี้ต้องไปถามดีเอสไอเอาเอง
“ผมไม่ทราบว่าผู้ต้องหาในคดีนี้ไปเกี่ยวข้องกับการเอารถของกลางดีเอสไอมาใช้ได้อย่างไร ทั้งที่ดีเอสไอ ก็บอกว่า ผู้ต้องหารายนี้ไม่ได้ไปช่วยราชการที่ดีเอสไอ ผมก็ยังงงๆ อยู่เหมือนกัน หรือเขาไปลักรถมาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ อันนี้ผมไม่ทราบเหมือนกัน ต้องลองถามดีเอสไอ ว่าเขาได้ไปร้องทุกข์ว่าของกลางหายไปหรือเปล่าต้องไปถามดู” พล.ต.ท.อัศวิน กล่าว
เมื่อถามว่า รถคันนี้เชื่อมโยงกับคดียิงนายสนธิหรือไม่ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า เราตามหาตัว ส.ต.ท.วรวุฒิ รู้ว่าบ้านอยู่ที่นี่จึงไปหาจนพบรถ ตรวจสอบทะเบียนนี้ไม่มีในสารบบ ตรวจสอบตัวถังจึงพบเป็นทะเบียนปลอม
ถามว่าจากการตรวจค้นวันนี้ได้อะไรเป็นประโยชน์ ต่อจิ๊กซอว์สาวถึงใครได้บ้าง พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ก็มีโอกาส ยังมีชุดที่ไปต่างจังหวัด กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่องอยู่ ก็ขอสงวนไว้ก่อน เราไม่ทราบว่ามันจะดำเนินการได้ถึงไหนเพียงไร ซึ่งจริงๆรถคันนี้เราไม่ทราบหรอกว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
“อัศวิน” ถาม “ทวี” เอารถคืนหรือไม่
ถามว่ารถคันนี้เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาคนอื่นหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบความเกี่ยวข้อง แต่ต้องตรวจสอบ ขณะเดียวกันต้องถามดีเอสไอ ว่าใช่รถของเขาหรือไม่ ถ้าใช่ก็ทำหนังสือมาขอรับคืน เราไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม
“เป็นเรื่องของเขาแล้ว ต้องถามว่ารถนี่จะเอาหรือเปล่า ไม่เอาเราก็เก็บไว้ เราเช็กแล้วว่าเป็นรถของกลางในคดีของเขา จะถามไปยังหัวหน้าชุดจับกุมนายชาญณรงค์ของดีเอสไอว่าจะเอารถคืนหรือไม่ คงต้องถามไปยังอธิบดีของเขา ซึ่งคงจะบอกได้ ถ้าเขาไม่ตอบ หรือตอบว่าไม่ใช่ เราจะได้เอาไปขายทอดตลาด เราขายได้ รถตรวจยึดไม่มีเจ้าของ แต่ในเอกสารผู้ครอบครองคือนายชาญณรงค์ ส่วนระเบียบการเบิกรถของกลางไปใช้ต้องไปถามดีเอสไอ ผมไม่กล้าตอบแทน ตอบไม่ได้ ไม่อยากก้าวล่วง” ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าว
ยันคดีเดินต่อเนื่องไม่มีหยุด
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวด้วยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่กล้าตอบว่าคดีนี้นอกจากตำรวจ ทหารแล้วยังมีพลเรือนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ยังไม่มีความชัดเจนตรงนี้ ถ้าพยานหลักฐานยังไม่สามารถนำมาสู่การออกหมายจับได้ ก็ไม่อยากพูดว่าเป็นใคร ยืนยันว่ายังทำคดีต่อเนื่องไม่หยุด เรียกประชุมชุดสืบสวนวันเว้นวัน ส่วนชุดใหญ่ของ พล.ต.อ.ธานี ประชุมสัปดาห์ละครั้ง ขณะนี้คืบหน้าไปเยอะ การค้นก็หวังว่าจะพบตัว หรือหลักฐานนำไปสู่ตัว ซึ่งตนขอให้ ส.ต.ท.วรวุฒิ และ จ.ส.อ.ปัญญา สิงเหรา ทหารหน่วยรบพิเศษ ที่กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้มาหาอัศวิน ได้รับความเป็นธรรมแน่นอน
“วรวุฒิที่หายไปกับภรรยา ทราบว่าไม่ได้เอาหมากระเป๋าที่เลี้ยงไว้ไปด้วย ตอนนี้หมากระเป๋าที่ฝากเขามันคิดถึงอยู่ ถ้าคิดถึงหมาให้มามอบตัว มาเถอะไม่ต้องห่วง ให้ความเป็นธรรม จะติดต่อผ่านสื่อมวลชนผ่านใครมาก็ได้ มาสู้กับความจริง” ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวต่อไปว่า พนักงานสอบสวนได้เร่งรวบรวมหลักฐานให้ชัดเจน เพื่อเตรียมออกหมายจับเพิ่มกับผู้ต้องหาก่อเหตุคดียิงนายสนธิ ซึ่งถ้าพยานหลักฐานแน่นหนาพอที่จะออกหมายจับใครได้ ก็จะดำเนินการต่อไป แต่ถ้ายังไม่ชัดพอก็จะยังไม่ออกหมายจับในตอนนี้ ส่วนการออกหมายจับ ส.อ.สมชาย บุญนาค พนักงานสอบสวนมีหลักฐานชัดจึงออกหมายจับเพิ่ม
ส่วนกรณีที่ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ผู้ต้องหาคดียิงนายสนธิ ได้มอบอำนาจให้ทนายความไปยื่นอุทธรณ์กรณีที่ศาลอาญาไม่รับฟ้องคดี พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. กลั่นแกล้งให้รับโทษทางอาญา ว่าไม่ต้องไปยื่นที่อื่น ให้มายื่นมาร้องกับตน ตนพร้อมให้ความเป็นธรรม ซึ่งผิดถูกว่าไปตามคดี
“วรวุฒิ” พาเมียหนี-ฝากหมาแม่ยายเลี้ยง
วันเดียวกัน เวลา 12.00 น. พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบก.น.5 พ.ต.ต.วีระพล หอมจันทร์ สว.สส.สน.บางเขน นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน เข้าตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 72/264 ซอยลาดปลาเค้า 72 แยก 12 ถนนลาดปลาเค้า แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.พร้อมยึดรถเก๋งยี่ห้อเชฟโรเลต ซาฟิร่า สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ศว-8051 กทม. พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ เปิดเผยว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของนางสมส่วน ศิริเจริญยิ่ง อายุ 48 ปี แม่ยายของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ซึ่งขณะนี้ถูก บช.ปส.อายัดไว้ตรวจสอบในคดียาเสพติด โดยจากการสอบถามนางสมส่วน บอกว่าไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ส่วนรถคันดังกล่าวนั้น ส.ต.ท.วรวุฒิ ลูกเขยได้ใช้มานานแล้ว แต่หลังจากที่เจ้าตัวถูกออกหมายจับก็เอารถคันดังกล่าวมาฝากไว้ที่บ้าน หลังจากนั้นก็เอาสุนัขมาฝากไว้ ก่อนจะพานางอุบล กองกุหลาบ ภรรยาของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ออกจากบ้านไป หลังจากนั้นทั้งสองคนก็หายตัวไป
พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าวแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่พบรถคันดังกล่าว เนื่องจากน้องสาวของนางอุบล ได้นำรถออกไปใช้ ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจยึดมาไว้ที่ สน.บางเขน ก่อน จากนั้นในวันที่ 13 ส.ค.จะให้พนักงานสอบสวนมานำรถคันดังกล่าวไปส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอย่างละเอียดอีกถึงความถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากยังไม่รู้ว่ารถคันดังกล่าวอยู่ในเหตุการณ์ยิงนายสนธิด้วยหรือไม่
“พีระพันธุ์” จี้อธิบดีดีเอสไอชี้แจง
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีตำรวจยึดรถยนต์ซึ่งเป็นรถของกลางของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้จากบ้านแม่ภรรยาของ ส.ต.ท.วรวุฒิว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ารถยนต์ที่ตำรวจยึดมาตรวจสอบนั้นเป็นรถยนต์ที่นำใช้ก่อเหตุหรือไม่ ส่วนกรณีที่ ส.ต.ท.วรวุฒินำรถของกลางในคดียาเสพติดไปใช้นั้น ถือเป็นเรื่องปกติที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จะอนุมัติให้หน่วยราชการนำรถยนต์ของกลางไปใช้ได้ แต่การนำรถยนต์ของกลางไปใช้ในภารกิจส่วนตัวนั้น จะต้องสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ว่าอนุมัติไปได้อย่างไร
ดีเอสไออ้างขอตรวจสอบก่อน
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้ตรวจสอบที่มาของรถยนต์หมายเลขทะเบียน กษ 3737 เชียงใหม่ ที่ตำรวจยึดมาจากบ้านแม่ภรรยาของ ส.ต.ท.วรวุฒิ พบว่าเป็นรถยนต์ของกลางในคดียาเสพติดรายใหญ่ ที่ดีเอสไอยึดเงินสดได้กว่า 10 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า สำนักคดีใดทำเรื่องไปขอยืมใช้รถยนต์ของกลางจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และผู้บัญชาการสำนักคดีใดเป็นผู้อนุมัติให้ ส.ต.ท.วรวุฒินำรถยนต์ของกลางคันดังกล่าวไปใช้ในภารกิจใด
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดียิงนายสนธิ หลังจากศาลออกหมายจับ ส.ต.ท.วรวุฒิ ทางดีเอสไอ ก็ออกมาปฎิเสธว่า ไม่เคยมาช่วยราชการที่ดีเอสไอตามที่เป็นข่าว แต่อาจจะขอตัวมาช่วยงานในบางคดีเท่านั้น นอกจากนั้น หลักฐานการใช้โทรศัพท์ของกลุ่มคนร้าย หลังก่อเหตุ ที่มีการติดต่อกับบิ๊กดีเอสไอหลายครั้ง ทางดีเอสไอก็ออกมาปฏิเสธเช่นกัน ส่วนการหลบหนีของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากดีเอสไอ ในการนำเข้ามอบตัว โดยอ้างว่าไม่รู้ และไม่ทราบ จนกระทั่งมีการยึดรถของกลางคดียาเสพติดที่ ส.ต.ท.วรวุฒิ นำไปใช้งานและฝากไว้ที่บ้านแม่ยาย ก่อนหลบหนีดังกล่าว
วานนี้ (11 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะชุดคลี่คลายคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยภายหลังเรียกประชุมชุดสืบสวนที่ลงพื้นที่ว่า ตามที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ได้สั่งการให้สืบสวนจนออกหมายจับ ส.อ.สมชาย บุญนาค ผู้ร่วมก่อการในครั้งนี้ โดยเช้าวันนี้กำลังตำรวจอีกชุด นำโดย พ.ต.อ.วีรศักดิ์ มีณะวนิชย์ รอง ผบก.จต.ได้ไปค้นบ้านแม่ยายของ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดยพบรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต ซาฟิร่า สีบรอนซ์ตะกั่ว ติดเลขทะเทียน ศว-8051 กทม. แต่จากการตรวจสอบพบเป็นทะเบียนปลอม เมื่อตรวจสอบพบหมายเลขทะเบียนที่แท้จริง คือ กษ3737 เชียงใหม่ ผู้ครอบครองชื่อ นายชาญณรงค์ มูเซอ ผู้ต้องหาคดีค้าเฮโรอีน ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จับกุมได้เมื่อ 20 มีนาคม พร้อมเฮโรอีน 780 กรัม อายัดทรัพย์มูลค่า 117 ล้านบาท โดยดีเอสไอจับได้หลังจากมีการประสานจากดีอีเอของสหรัฐอเมริกา สำหรับนายชาญณรงค์นั้นเคยถูกจับที่สหรัฐฯ แล้วพ้นโทษออกมา กลับมาค้ายาในไทยอีก ก่อนถูกจับกุม และยึดรถคันนี้เป็นของกลางในคดี ซึ่งตรงนี้ต้องไปถามดีเอสไอเอาเอง
“ผมไม่ทราบว่าผู้ต้องหาในคดีนี้ไปเกี่ยวข้องกับการเอารถของกลางดีเอสไอมาใช้ได้อย่างไร ทั้งที่ดีเอสไอ ก็บอกว่า ผู้ต้องหารายนี้ไม่ได้ไปช่วยราชการที่ดีเอสไอ ผมก็ยังงงๆ อยู่เหมือนกัน หรือเขาไปลักรถมาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ อันนี้ผมไม่ทราบเหมือนกัน ต้องลองถามดีเอสไอ ว่าเขาได้ไปร้องทุกข์ว่าของกลางหายไปหรือเปล่าต้องไปถามดู” พล.ต.ท.อัศวิน กล่าว
เมื่อถามว่า รถคันนี้เชื่อมโยงกับคดียิงนายสนธิหรือไม่ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า เราตามหาตัว ส.ต.ท.วรวุฒิ รู้ว่าบ้านอยู่ที่นี่จึงไปหาจนพบรถ ตรวจสอบทะเบียนนี้ไม่มีในสารบบ ตรวจสอบตัวถังจึงพบเป็นทะเบียนปลอม
ถามว่าจากการตรวจค้นวันนี้ได้อะไรเป็นประโยชน์ ต่อจิ๊กซอว์สาวถึงใครได้บ้าง พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ก็มีโอกาส ยังมีชุดที่ไปต่างจังหวัด กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่องอยู่ ก็ขอสงวนไว้ก่อน เราไม่ทราบว่ามันจะดำเนินการได้ถึงไหนเพียงไร ซึ่งจริงๆรถคันนี้เราไม่ทราบหรอกว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
“อัศวิน” ถาม “ทวี” เอารถคืนหรือไม่
ถามว่ารถคันนี้เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาคนอื่นหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบความเกี่ยวข้อง แต่ต้องตรวจสอบ ขณะเดียวกันต้องถามดีเอสไอ ว่าใช่รถของเขาหรือไม่ ถ้าใช่ก็ทำหนังสือมาขอรับคืน เราไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม
“เป็นเรื่องของเขาแล้ว ต้องถามว่ารถนี่จะเอาหรือเปล่า ไม่เอาเราก็เก็บไว้ เราเช็กแล้วว่าเป็นรถของกลางในคดีของเขา จะถามไปยังหัวหน้าชุดจับกุมนายชาญณรงค์ของดีเอสไอว่าจะเอารถคืนหรือไม่ คงต้องถามไปยังอธิบดีของเขา ซึ่งคงจะบอกได้ ถ้าเขาไม่ตอบ หรือตอบว่าไม่ใช่ เราจะได้เอาไปขายทอดตลาด เราขายได้ รถตรวจยึดไม่มีเจ้าของ แต่ในเอกสารผู้ครอบครองคือนายชาญณรงค์ ส่วนระเบียบการเบิกรถของกลางไปใช้ต้องไปถามดีเอสไอ ผมไม่กล้าตอบแทน ตอบไม่ได้ ไม่อยากก้าวล่วง” ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าว
ยันคดีเดินต่อเนื่องไม่มีหยุด
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวด้วยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่กล้าตอบว่าคดีนี้นอกจากตำรวจ ทหารแล้วยังมีพลเรือนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ยังไม่มีความชัดเจนตรงนี้ ถ้าพยานหลักฐานยังไม่สามารถนำมาสู่การออกหมายจับได้ ก็ไม่อยากพูดว่าเป็นใคร ยืนยันว่ายังทำคดีต่อเนื่องไม่หยุด เรียกประชุมชุดสืบสวนวันเว้นวัน ส่วนชุดใหญ่ของ พล.ต.อ.ธานี ประชุมสัปดาห์ละครั้ง ขณะนี้คืบหน้าไปเยอะ การค้นก็หวังว่าจะพบตัว หรือหลักฐานนำไปสู่ตัว ซึ่งตนขอให้ ส.ต.ท.วรวุฒิ และ จ.ส.อ.ปัญญา สิงเหรา ทหารหน่วยรบพิเศษ ที่กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้มาหาอัศวิน ได้รับความเป็นธรรมแน่นอน
“วรวุฒิที่หายไปกับภรรยา ทราบว่าไม่ได้เอาหมากระเป๋าที่เลี้ยงไว้ไปด้วย ตอนนี้หมากระเป๋าที่ฝากเขามันคิดถึงอยู่ ถ้าคิดถึงหมาให้มามอบตัว มาเถอะไม่ต้องห่วง ให้ความเป็นธรรม จะติดต่อผ่านสื่อมวลชนผ่านใครมาก็ได้ มาสู้กับความจริง” ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวต่อไปว่า พนักงานสอบสวนได้เร่งรวบรวมหลักฐานให้ชัดเจน เพื่อเตรียมออกหมายจับเพิ่มกับผู้ต้องหาก่อเหตุคดียิงนายสนธิ ซึ่งถ้าพยานหลักฐานแน่นหนาพอที่จะออกหมายจับใครได้ ก็จะดำเนินการต่อไป แต่ถ้ายังไม่ชัดพอก็จะยังไม่ออกหมายจับในตอนนี้ ส่วนการออกหมายจับ ส.อ.สมชาย บุญนาค พนักงานสอบสวนมีหลักฐานชัดจึงออกหมายจับเพิ่ม
ส่วนกรณีที่ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ผู้ต้องหาคดียิงนายสนธิ ได้มอบอำนาจให้ทนายความไปยื่นอุทธรณ์กรณีที่ศาลอาญาไม่รับฟ้องคดี พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. กลั่นแกล้งให้รับโทษทางอาญา ว่าไม่ต้องไปยื่นที่อื่น ให้มายื่นมาร้องกับตน ตนพร้อมให้ความเป็นธรรม ซึ่งผิดถูกว่าไปตามคดี
“วรวุฒิ” พาเมียหนี-ฝากหมาแม่ยายเลี้ยง
วันเดียวกัน เวลา 12.00 น. พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบก.น.5 พ.ต.ต.วีระพล หอมจันทร์ สว.สส.สน.บางเขน นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน เข้าตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 72/264 ซอยลาดปลาเค้า 72 แยก 12 ถนนลาดปลาเค้า แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.พร้อมยึดรถเก๋งยี่ห้อเชฟโรเลต ซาฟิร่า สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ศว-8051 กทม. พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ เปิดเผยว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของนางสมส่วน ศิริเจริญยิ่ง อายุ 48 ปี แม่ยายของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ซึ่งขณะนี้ถูก บช.ปส.อายัดไว้ตรวจสอบในคดียาเสพติด โดยจากการสอบถามนางสมส่วน บอกว่าไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ส่วนรถคันดังกล่าวนั้น ส.ต.ท.วรวุฒิ ลูกเขยได้ใช้มานานแล้ว แต่หลังจากที่เจ้าตัวถูกออกหมายจับก็เอารถคันดังกล่าวมาฝากไว้ที่บ้าน หลังจากนั้นก็เอาสุนัขมาฝากไว้ ก่อนจะพานางอุบล กองกุหลาบ ภรรยาของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ออกจากบ้านไป หลังจากนั้นทั้งสองคนก็หายตัวไป
พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าวแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่พบรถคันดังกล่าว เนื่องจากน้องสาวของนางอุบล ได้นำรถออกไปใช้ ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจยึดมาไว้ที่ สน.บางเขน ก่อน จากนั้นในวันที่ 13 ส.ค.จะให้พนักงานสอบสวนมานำรถคันดังกล่าวไปส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอย่างละเอียดอีกถึงความถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากยังไม่รู้ว่ารถคันดังกล่าวอยู่ในเหตุการณ์ยิงนายสนธิด้วยหรือไม่
“พีระพันธุ์” จี้อธิบดีดีเอสไอชี้แจง
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีตำรวจยึดรถยนต์ซึ่งเป็นรถของกลางของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้จากบ้านแม่ภรรยาของ ส.ต.ท.วรวุฒิว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ารถยนต์ที่ตำรวจยึดมาตรวจสอบนั้นเป็นรถยนต์ที่นำใช้ก่อเหตุหรือไม่ ส่วนกรณีที่ ส.ต.ท.วรวุฒินำรถของกลางในคดียาเสพติดไปใช้นั้น ถือเป็นเรื่องปกติที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จะอนุมัติให้หน่วยราชการนำรถยนต์ของกลางไปใช้ได้ แต่การนำรถยนต์ของกลางไปใช้ในภารกิจส่วนตัวนั้น จะต้องสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ว่าอนุมัติไปได้อย่างไร
ดีเอสไออ้างขอตรวจสอบก่อน
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้ตรวจสอบที่มาของรถยนต์หมายเลขทะเบียน กษ 3737 เชียงใหม่ ที่ตำรวจยึดมาจากบ้านแม่ภรรยาของ ส.ต.ท.วรวุฒิ พบว่าเป็นรถยนต์ของกลางในคดียาเสพติดรายใหญ่ ที่ดีเอสไอยึดเงินสดได้กว่า 10 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า สำนักคดีใดทำเรื่องไปขอยืมใช้รถยนต์ของกลางจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และผู้บัญชาการสำนักคดีใดเป็นผู้อนุมัติให้ ส.ต.ท.วรวุฒินำรถยนต์ของกลางคันดังกล่าวไปใช้ในภารกิจใด
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดียิงนายสนธิ หลังจากศาลออกหมายจับ ส.ต.ท.วรวุฒิ ทางดีเอสไอ ก็ออกมาปฎิเสธว่า ไม่เคยมาช่วยราชการที่ดีเอสไอตามที่เป็นข่าว แต่อาจจะขอตัวมาช่วยงานในบางคดีเท่านั้น นอกจากนั้น หลักฐานการใช้โทรศัพท์ของกลุ่มคนร้าย หลังก่อเหตุ ที่มีการติดต่อกับบิ๊กดีเอสไอหลายครั้ง ทางดีเอสไอก็ออกมาปฏิเสธเช่นกัน ส่วนการหลบหนีของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากดีเอสไอ ในการนำเข้ามอบตัว โดยอ้างว่าไม่รู้ และไม่ทราบ จนกระทั่งมีการยึดรถของกลางคดียาเสพติดที่ ส.ต.ท.วรวุฒิ นำไปใช้งานและฝากไว้ที่บ้านแม่ยาย ก่อนหลบหนีดังกล่าว