“อัศวิน ขวัญเมือง” ฝากถาม “ทวี สอดส่อง” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไม่รู้จัก “วรวุฒิ” ทีมยิง “สนธิ” ได้อย่างไร ย้ำหลักฐานยึดรถบ้านแม่ยาย “วรวุฒิ” เป็นรถของกลางคดียาเสพติด ชื่อ “ชาญณรงค์ มูเซอ” ผู้ต้องหาคดีค้าเฮโรอีน ที่ ดีเอสไอ จับกุมเมื่อ 20 มีนาคม ถามย้ำ ใช่รถของเขาดีเอสไอ หรือไม่ หากไม่ใช่จะขายทอดตลาด เตือน “วรวุฒิ และ จ่าปัญญา” ที่กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้มาหาอัศวิน ได้รับความเป็นธรรมแน่นอน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง
วันนี้ (11 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะชุดคลี่คลายคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยภายหลังเรียกประชุมชุดสืบสวนที่ลงพื้นที่ว่า ตามที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ได้สั่งการให้สืบสวนจนออกหมายจับ ส.อ.สมชาย บุนนาค ผู้ร่วมก่อการในครั้งนี้ โดยเช้าวันนี้กำลังตำรวจอีกชุด นำโดย พ.ต.อ.วีรศักดิ์ มีณะวนิชย์ รอง ผบก.จต.ได้ไปค้นบ้านแม่ยายของ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดยพบรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต เซฟิร่า สีบรอนซ์ตะกั่ว ติดเลขทะเทียน ศว 8051 กทม.แต่จากการตรวจสอบพบเป็นทะเบียนปลอม เมื่อตรวจสอบพบหมายเลขทะเบียนที่แท้จริง คือ กษ 3737 เชียงใหม่ ผู้ครอบครองชื่อ นายชาญณรงค์ มูเซอ ผู้ต้องหาคดีค้าเฮโรอีน ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จับกุมได้เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พร้อมเฮโรอีน 780 กรัม อายัดทรัพย์มูลค่า 117 ล้านบาท โดย ดีเอสไอ จับได้ หลังจากมีการประสานจากดีอีเอของสหรัฐอเมริกา สำหรับนายชาญณรงค์ นั้น เคยถูกจับที่สหรัฐฯแล้วพ้นโทษออกมา กลับมาค้ายาในไทยอีก ก่อนถูกจับกุม และยึดรถคันนี้เป็นของกลางในคดี ซึ่งตรงนี้ต้องไปถามดีเอสไอ เอาเอง
“ผมไม่ทราบว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้ไปเกี่ยวข้องกับการเอารถของกลางดีเอสไอ มาใช้ได้อย่างไร ทั้งที่ดีเอสไอ ก็บอกว่า ผู้ต้องหารายนี้ไม่ได้ไปช่วยราชการที่ดีเอสไอ ผมก็ยังงงๆ อยู่เหมือนกัน หรือเขาไปลักรถมาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ อันนี้ผมไม่ทราบเหมือนกัน ต้องลองถามดีเอสไอ ว่า เขาได้ไปร้องทุกข์ว่าของกลางหายไปหรือเปล่าต้องไปถามดู” พล.ต.ท.อัศวิน กล่าว
เมื่อถามว่า รถคันนี้เชื่อมโยงกับคดียิง นายสนธิ หรือไม่ ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า เราตามหาตัว ส.ต.ท.วรวุฒิ รู้ว่าบ้านอยู่ที่นี่จึงไปหา จนพบรถ ตรวจสอบทะเบียนนี้ไม่มีในสารบบ ตรวจสอบตัวถังจึงพบเป็นทะเบียนปลอม
ถามว่า จากการตรวจค้นวันนี้ได้อะไรเป็นประโยชน์ ต่อจิ๊กซอว์สาวถึงใครได้บ้าง พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ก็มีโอกาส ยังมีชุดที่ไปต่างจังหวัด กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่องอยู่ ก็ขอสงวนไว้ก่อน เราไม่ทราบว่ามันจะดำเนินการได้ถึงไหนเพียงไร ซึ่งจริงๆ รถคันนี้เราไม่หรอกว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
ถามว่า รถคันนี้เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาคนอื่นหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าว ขณะนี้ยังไม่พบความเกี่ยวข้อง แต่ต้องตรวจสอบ ขณะเดียวกันต้องถามดีเอสไอ ว่าใช่รถของเขาหรือไม่ ถ้าใช่ก็ทำหนังสือมาขอรับคืน เราไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม
“เป็นเรื่องของเขาแล้ว ต้องถามว่า รถนี่จะเอาหรือเปล่า ไม่เอา เราก็เก็บไว้ เราเช็กแล้วว่าเป็นรถของกลางในคดีของเขา จะถามไปยังหัวหน้าชุดจับกุม นายชาญณรงค์ ของดีเอสไอ ว่า จะเอารถคืนหรือไม่ คงต้องถามไปยังอธิบดีของเขา ซึ่งคงจะบอกได้ ถ้าเขาไม่ตอบ หรือตอบว่าไม่ใช่ เราจะได้เอาไปขายทอดตลาด เราขายได้ รถตรวจยึดไม่มีเจ้าของ แต่ในเอกสารผู้ครอบครองคือนายชาญณรงค์ ส่วนระเบียบการเบิกรถของกลางไปใช้ต้องไปถามดีเอสไอ ผมไม่กล้าตอบแทน ตอบไม่ได้ ไม่อยากก้าวล่วง” ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวด้วยว่า จนขณะนี้ยังไม่กล้าตอบว่าคดีนี้นอกจากตำรวจ ทหารแล้วยังมีพลเรือนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ยังไม่มีความชัดเจนตรงนี้ ถ้าพยานหลักฐานยังไม่สามารถนำมาสู่การออกหมายจับได้ ก็ไม่อยากพูดว่าเป็นใคร ยืนยันว่ายังทำคดีต่อเนื่องไม่หยุด เรียกประชุมชุดสืบสวนวันเว้นวัน ส่วนชุดใหญ่ของ พล.ต.อ.ธานี ประชุมสัปดาห์ละครั้ง ขณะนี้คืบหน้าไปเยอะ การค้นก็หวังว่าจะพบตัว หรือหลักฐานนำไปสู่ตัว ซึ่งตนขอให้ ส.ต.ท.วรวุฒิ และ จ.ส.อ.ปัญญา สิงเหรา ทหารหน่วยรบพิเศษ ที่กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้มาหาอัศวิน ได้รับความเป็นธรรมแน่นอน
“วรวุฒิ ที่หายไปกับภรรยา ทราบว่า ไม่ได้เอาหมากระเป๋าที่เลี้ยงไว้ไปด้วย ตอนนี้หมากระเป๋าที่ฝากเขามันคิดถึงอยู่ ถ้าคิดถึงหมาให้มามอบตัว มาเถอะไม่ต้องห่วงให้ความเป็นธรรม จะติดต่อผ่านสื่อมวลชนผ่านใครมาก็ได้ มาสู้กับความจริง” ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าว
ดีเอสไออ้างขอตรวจสอบก่อน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีตำรวจยึดรถยนต์ซึ่งเป็นรถของกลางของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้จากบ้านแม่ภรรยาของ ส.ต.ท.วรวุฒิว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ารถยนต์ที่ตำรวจยึดมาตรวจสอบนั้นเป็นรถยนต์ที่นำใช้ก่อเหตุหรือไม่ ส่วนกรณีที่ ส.ต.ท.วรวุฒินำรถของกลางในคดียาเสพติดไปใช้นั้น ถือเป็นเรื่องปกติที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จะอนุมัติให้หน่วยราชการนำรถยนต์ของกลางไปใช้ได้ แต่การนำรถยนต์ของกลางไปใช้ในภารกิจส่วนตัวนั้น จะต้องสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ว่าอนุมัติไปได้อย่างไร
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้ตรวจสอบที่มาของรถยนต์หมายเลขทะเบียน กษ 3737 เชียงใหม่ ที่ตำรวจยึดมาจากบ้านแม่ภรรยาของ ส.ต.ท.วรวุฒิ พบว่าเป็นรถยนต์ของกลางในคดียาเสพติดรายใหญ่ ที่ดีเอสไอยึดเงินสดได้กว่า 100 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า สำนักคดีใดทำเรื่องไปขอยืมใช้รถยนต์ของกลางจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และผู้บัญชาการสำนักคดีใดเป็นผู้อนุมัติให้ ส.ต.ท.วรวุฒินำรถยนต์ของกลางคันดังกล่าวไปใช้ในภารกิจใด
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดียิงนายสนธิ หลังจากศาลออกหมายจับ ส.ต.ท.วรวุฒิ ทางดีเอสไอ ก็ออกมาปฎิเสธว่า ไม่เคยมาช่วยราชการที่ดีเอสไอ ตามที่เป็นข่าว แต่อาจจะขอตัวมาช่วยงานในบางคดีเท่านั้น นอกจากนั้น หลักฐานการใช้โทรศัพท์ของกลุ่มคนร้าย หลังก่อเหตุ ที่มีการติดต่อกับ บิ๊กดีเอสไอ หลายครั้ง ทาง ดีเอสไอ ก็ออกมาปฎิเสธเช่นกัน ส่วนการหลบหนีของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากดีเอสไอ ในการนำเข้ามอบตัว โดยอ้างว่า ไม่รู้ และไม่ทราบ จนกระทั่ง มีการยึดรถของกลางคดียาเสพติด ที่ ส.ต.ท.วรวุฒิ นำไปใช้งานและฝากไว้ที่บ้านแม่ยาย ก่อนหลบหนีดังกล่าว