xs
xsm
sm
md
lg

UNลดคาดการณ์ศก.โลกปี2009 ชี้ติดลบ2.6%-คนว่างงาน50ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยูเอ็นประมาณการว่า ในสถานการณ์เลวร้ายสุดจะหดตัว 0.5 เปอร์เซ็นต์ มาเป็นติดลบถึง 2.6 เปอร์เซ็นต์
เอเจนซี- สหประชาชาติปรับลดการคาดการณ์อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจโลกปี 2009 เมื่อวันพุธ(27) จากที่เคยประมาณการว่าในสถานการณ์เลวร้ายสุดจะหดตัว 0.5 เปอร์เซ็นต์ มาเป็นติดลบถึง 2.6 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งระบุว่าวิกฤตทางการเงินที่ยังคงดิ่งลึก จะส่งผลให้มีคนตกงานสูงกว่า 50 ล้านคนภายในสองปีข้างหน้า

การปรับลดคราวนี้ เป็นการทบทวนปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยตอนช่วงกลางปี สำหรับรายงาน "สถานการณ์และการคาดการณ์เศรษฐกิจโลก 2009" (World Economic Situation and Prospects 2009) ที่เผยแพร่ไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และจัดทำโดยสำนักกิจการเศรษฐกิจและสังคมของสหประชาชาติ (U.N. Department of Economic and Social Affairs - DESA)

"ภาวะสินเชื่อตึงตัวทั่วโลก ยังคงบีบคั้นภาคเศรษฐกิจแท้จริงในทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง" รายงานทบทวนล่าสุดของดีอีเอสเอนี้ระบุ

รายงานยังคาดว่า เมื่อถึงปี 2010 ผลิตภัณฑ์มวลรวมทั่วโลก (World Gross Product - WPG) อาจฟื้นตัวเล็กน้อย แต่ก็เตือนว่ามีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเพียงแค่ฟื้นตัวอย่างช้าๆ เท่านั้น

"หากตลาดการเงินยังไม่พ้นจากภาวะวิกฤตในเร็วๆ นี้ และแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐยังไม่แสดงผล เศรษฐกิจก็จะถดถอยต่อไปในประเทศส่วนใหญ่ โดยที่เศรษฐกิจโลกจะชะงักงันในระดับที่ประชากรจะมีภาวะความเป็นอยู่ต่ำลงกว่าเดิมไปจนถึงปี 2010" รายงานดังกล่าวระบุ

ทั้งนี้ ดีอีเอสเอยังคาดการณ์ว่าภายในสองปีข้างหน้าจะมีคนตกงานถึง 50 ล้านคน และว่าตัวเลขนี้ "อาจเพิ่มเป็นสองเท่าตัวได้โดยง่ายหากสถานการณ์ยังคงเลวร้ายลง"

ส่วนปริมาณการค้าโลกจะลดลง 11 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ซึ่งเป็นการลดลงต่อปีสูงสุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถตกต่ำครั้งใหญ่ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 ทว่ารายงานก็ชี้ว่าหากมีการประสานงานกันมากขึ้นเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ครั้งนี้ การฟื้นตัวก็อาจจะเกิดเร็วขึ้นได้

"ในขณะนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ เป็นไปแบบไม่สมดุลอย่างมาก โดย 80 เปอร์เซ็นต์ของการกระตุ้นเศรษฐกิจมุ่งอยู่ที่ประเทศพัฒนาแล้ว ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ขาดกำลังด้านงบประมาณที่จะสร้างความมั่นคงในเชิงสังคมและรับมือกับผลสืบเนื่องจากวิกฤตการณ์"

ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาชั้นนำ 20 ประเทศ (จี20) ได้ประชุมและตกลงกันที่จะจัดสรรเงินรวมประมาณ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตการณ์การเงินครั้งเลวร้ายที่สุดนี้

ทว่าสำหรับในปี 2009 นี้ ในโลกมีเพียง 7 ประเทศที่คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อจำนวนประชากร จะเติบโตสูงขึ้นในอัตรา 3 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า ได้แก่ บังคลาเทศ จีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก คิวบา อินเดีย อิรัก และอุซเบกิสถาน

รายงานบอกว่า วิกฤตในภาคการเงินครั้งนี้ได้ส่งผลให้พวกนักลงทุนดึงเงินลงทุนออกจากประเทศตลาดเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ เพื่อปรับบัญชีงบดุลของพวกเขาเองให้ดูดีขึ้น นอกจากนั้นก็ยังทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินในภาคธุรกิจสูงขึ้น ส่วนการค้าโลกก็ทรุดดิ่ง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำ และเงินรายได้ที่ส่งกลับประเทศของคนงานที่ไปทำงานในต่างแดนก็ลดน้อยลง

ประเทศกำลังพัฒนายังกำลังถูกกระทบหนักจากการพังครืนของส่วนสำคัญๆ ในระบบการเงินโลกอีกด้วย ซึ่งก็ทำให้ภาครัฐต้องทุ่มเงินงบประมาณเข้าไปกอบกู้ช่วยชีวิตกิจการธนาคารและอุตสาหกรรมหนักทั้งหลาย

นอกจากนั้น ประเทศกำลังพัฒนายังได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจของประเทศพึ่งพาการส่งออกวัตถุดิบและสินค้าด้านพลังงานเป็นหลัก แต่ประเทศอุตสาหกรรมไม่ต้องการใช้สินค้ากลุ่มนี้มากนักในเวลานี้

อนึ่ง รายงานดังกล่าวยังคาดว่า รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรโลกจะลดลง 3.7 เปอร์เซ็นต์ในปี 2009 ส่วนภาวะการว่างงานจะเลวร้ายในช่วงปี 2009-2010 และอาจต้องใช้เวลาสี่หรือห้าปีกว่าที่อัตราการว่างงานจะกลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับเดียวกับก่อนเกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ

และนั่นหมายความว่าภาวะความยากจนก็จะเลวร้ายลงตามไปด้วยเช่นกัน โดยจะมีประชากร 73-105 ล้านคนที่ยังคงอยู่ในภาวะยากจน หรือถลำเข้าสู่ภาวะยากจน และภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบนี้สูงสุดก็คือเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กำลังโหลดความคิดเห็น