“ดีเอสไอ” ส่งสายลับแฝงตัวองค์กรยาเสพติด จนจับเครือญาติขุนส่า 3 ราย เปิดตู้เซฟพบเงินสดอัดแน่นเต็มกระเป๋า ผลเข้าตรวจค้นใน 4 จังหวัด ยึดทรัพย์ได้กว่า 100 ล้าน ขณะที่หน่วยงานดีอีเอคอยป้อนข้อมูลนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ เพื่อให้ดีเอสไอนำข้อมูลทั้งหมดมาต่อเป็นจิ๊กซอว์เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายระดับโลกตามไล่ล่าจับนักค้ายารายใหญ่ต่อไป ด้านผู้ต้องหารับมีโรงงานผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน ติดกับ อ.พบพระ จ.ตาก ด้วย
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และนายแอนดริว เคลลัม (Mr.Andrew Kellum) เจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (DEA) ประจำกรุงเทพฯ ร่วมกันแถลงข่าวการกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายใน จ.นครสวรรค์ เชียงราย เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ โดยดีเอสไอได้ยึดทรัพย์กว่า 100 ล้านบาท และจับกุมเครือข่ายขุนส่าได้เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีนายพีรยุทธ์ แพศย์ศกล นายชาญณรงค์ มูเซอ หรือเกษมทัศน์ และนายวิชาญ สุถิพรรณ์ เครือญาติของขุนส่า ราชายาเสพติดรายใหญ่ โดยในการแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ได้เปิดตู้เซฟจากบ้านของผู้ต้องหาพบว่าภายในมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่บรรจุธนบัตรใบละ 1,000 บาทไว้เต็มกระเป๋า นอกจากนี้ยังพบทรัพย์สินเป็นนาฬิกาข้อมือ เครื่องประดับ และรถยนต์ยี่ห้อหรูอีกหลายคัน รวมถึงอาวุธปืนลูกซองยาว 2 กระบอก
นายพีระพันธุ์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นความสำเร็จหลังรัฐบาลประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติดเพียง 2 วัน แสดงให้เห็นว่าการปราบปรามยาเสพติดไม่จำเป็นต้องใช้วิธีรุนแรง หรือที่เรียกว่าฆ่าตัดตอน ซึ่งนโยบายของรัฐบาลมุ่งเน้นถึงความฉียบขาดในการทำงาน
ด้านนายแอนดริว กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้เคยถูกดำเนินคดีในสหรัฐฯ ภายหลังได้รับการปล่อยตัวและเนรเทศ เขาก็ยังกลับมาประกอบธุรกิจของครอบครัวอีก จนกระทั่งถูกดีเอสไอจับกุม อย่างไรก็ตาม ดีอีเอจะให้การสนับสนุนทางการของไทยในการปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาดต่อไป
พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอได้รับการร้องขอจากดีอีเอ ให้ทำการสืบสวนองค์กรอาชญากรรมที่กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และฟอกเงิน โดยสมาชิกขององค์กรตั้งโรงงานผลิตยาเสพติดในประเทศพม่า ใกล้ชายแดนไทย เพื่อผลิตยาเสพติดประเภทเฮโรอีน ยาบ้า และยาไอซ์ มีกองกำลังทหารว้าแดงให้ความคุ้มครองและลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จีน ลาว กัมพูชา เวียดนาม แล้วส่งต่อยังประเทศฟิลิปปินส์ แคนาดา และสหรัฐอเมริกา โดยองค์กรดังกล่าวมีประวัติเป็นเครือญาติของขุนส่า ราชายาเสพติดรายใหญ่ของโลก ดีเอสไอจึงส่งสายลับเข้าแฝงตัวในองค์กรค้ายาเสพติด พบว่าสมาชิกขององค์กรนี้ คือ นายวิชาญ สุถิพรรณ์ และนายชาญณรงค์ มูเซอ ซึ่งเป็นเครือญาติของขุนส่า โดยบิดาของนายวิชาญและนายชาญณรงค์ เคยถูกจับกุมข้อหายาเสพติดเมื่อ19 ปีที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ระหว่างพักการลงโทษ
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวอีกว่า ส่วนนายชัยณรงค์เคยมีประวัติถูกจับกุมและดำเนินคดีที่สหรัฐฯ ข้อหานำเฮโรอีนเข้าสหรัฐฯ และเพิ่งพ้นโทษมากระทำผิดซ้ำอีก นอกจากนี้สายลับที่เข้าไปแฝงตัวอยู่ในองค์กร เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่า สมาชิกคนสำคัญ คือ นายพีรยุทธ์ แพศย์ศกล อยู่ในระดับผู้ผลิตและนักค้ารายใหญ่ โดยสมาชิกทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายชาญณรงค์ นายพีรยุทธ์ และนายวิชาญ ร่วมกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหลายครั้ง และได้นำข้อมูลจากการสืบสวน ไปประสานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน นอกจากนี้ ยังได้ประสานข้อมูลที่เชื่อมโยงไปยังนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในเรือนจำจากกรมราชทัณฑ์
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวต่อว่า จากการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานมีหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหากับพวก ได้สมคมกันค้ายาเสพติดและฟอกเงินจึงนำหมายจับเข้าจับกุมนายพีรยุทธ์ แพศย์ศกล ได้ที่บ้านเลขที่ 216 ม.8 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย ในชั้นการจับกุมนายพีรยุทธ์ ให้การรับสารภาพว่า ได้จำหน่ายเฮโรอีน และยาไอซ์ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน โดยจำหน่ายยาเสพติดน้ำหนักรวมกว่า 750 กิโลกรัม สำหรับนายชาญณรงค์ มูเซอ หรือเกษมทัศ จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 270 ม.5 หมู่บ้านสินธนา ต.สันพระเนตร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และจับกุมนายวิชาญ สุถิพรรณ์ ได้ที่บ้านเลขที่ 183/2 ซอยปลูกจิตต์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร และอายัดรวมทรัพย์สิน เป็นจำนวนเงิน 117,566,905 บาท
ผู้สื่อข่าวถามถึงหลักฐานสำคญที่ระบุถึงการเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ดีเอสไอตรวจสอบพบบันทึกการสนทนาและเอกสารต่างๆ ซึ่งการแฝงตัวเข้ารวบรวมหลักฐานทำให้ได้หลักฐานเป็นภาพและเสียงจำนวนมาก อีกทั้งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามีโรงงานผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน ติดกับ อ.พบพระ จ.ตาก นอกจากนี้ผู้ต้องยังให้การระบุถึงบัญชีการจ่ายเงินผลประโยชน์ให้กับกลุ่มบุคคลต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการจับกุมผู้ต้องหาคดีโรงงานผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านคงหยุดผลิตเพียงชั่วขณะ จากนั้นก็จะกลับมาดำเนินการต่อไป ดีเอสไอจึงประสานให้ป.ป.ส.ขอความร่วมมือไปยังประเทศพม่า เพื่อกวาดล้างจับกุม
“ดีอีเอเข้ามาช่วยเหลือเรื่องฐานข้อมูลนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ จากนั้นดีเอสไอจะนำมาข้อมูลทั้งหมดมาต่อเป็นจิ๊กซอว์เพื่อให้เห็นภาพรวมเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายระดับโลก และจับกุมเฉพาะผู้กระทำผิดในประเทศไทย คดีนี้ดีเอสไอมั่นใจในพยานหลักฐาน ที่ผ่านมาคดีสมคบค้ายาเสพติดมีทั้งที่ศาลตัดสินลงโทษและยกฟ้อง แต่เชื่อมั่นว่าคดีนี้จะทำให้ผู้ค้าถูกลงโทษโดยไม่จำเป็นต้องมีของกลางยาเสพติดเป็นหลักฐานในคดี” พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าว และว่าในช่วงบ่ายวันนี้ (20 มี.ค.) ดีเอสไอจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายไปขอฝากขังต่อศาล