ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - รมว.ต่างประเทศ นำคณะเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิก โอไอซี rihv,สื่อมวลชนจากประเทศมุสลิมลงพื้นที่สีแดงจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสัมผัสข้อเท็จจริง รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล
วานนี้(9 ส.ค.) ที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง หน้าค่ายสิรินธร ตำบลขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่4 นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) ให้การต้อนรับ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ในการนำคณะเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกองค์การประชุมอิสลาม (โอไอซี) จำนวน 42 คนและคณะสื่อมวลชนจากประเทศมุสลิม จำนวน 13 คน ในโอกาสที่มาเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างวันที่9- 10 สิงหาคมนี้ เพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยในด้านการแก้ไขปัญหาสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ บทบาทของชาวไทยมุสลิมในสังคมไทย เสรีภาพในการนับถือศาสนาในประเทศไทยเพื่อนำไปสู่การส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องและทัศนคติที่ดีต่อประเทศไทย
นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การนำคณะเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศสมาชิกองค์กรการประชุมอิสลาม และสื่อมวลชนจากประเทศมุสลิม ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้เพื่อให้รับทราบแนวทางการทำงานในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ และแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล โดยการนำของนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งการนำคณะบุคคลต่างๆ ลงพื้นที่มารับทราบข้อเท็จจริงนั้นเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาซึ่งกระทำการอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ไม่มีอะไรปิดบัง
นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้ทุกคนเห็นว่ารัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่น ที่จะแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมเสมอภาค และต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแท้จริง ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้น เมื่อทุกฝ่ายเข้ามาสัมผัสก็จะเกิดความเชื่อมั่น และนำข้อมูลที่ได้รับไปบอกต่อแก่ประชาคมโลกได้ ซึ่งหลังจากที่ตนเองได้มีโอกาสเดินทางไปยังกลุ่มประเทศโลกมุสลิมตลอดจนการเข้าร่วมประชุมกับกลุ่มประเทศสมาชิกองค์กรการประชุมอิสลาม ทำให้ทราบว่าทุกประเทศมีความเข้าใจถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
"ผมยังได้มีโอกาสเดินทางไปกรุงไครโร ประเทศอียิปต์ และเข้าพบกับท่านอิหม่ามซึ่งเป็นประมุขสูงทางด้านศาสนาอิสลามได้ให้แนวความคิดว่าใครก็ตามที่เป็นพลเมืองของประเทศไทยต้องมีหน้าที่ในการได้รับสิทธิเสรีภาพและขณะเดียวกันต้องมีหน้าที่ในการจรรโลงสังคม และทุกคนต้องมีหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศนั้นๆ ต้องทำประโยชน์ให้กับสังคม ซึ่งการดำเนินชีวิตในสังคมที่มีความหลากหลาย สามารถอยู่ร่วมกันกันโดยสันติวิธี ต้องสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้น ซึ่งการใช้ความรุนแรงนั้นไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างแน่นอน แต่ทุกคนต้องร่วมมือกันในการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นมาในพื้นที่โดยเร็ว"
วานนี้(9 ส.ค.) ที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง หน้าค่ายสิรินธร ตำบลขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่4 นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) ให้การต้อนรับ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ในการนำคณะเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกองค์การประชุมอิสลาม (โอไอซี) จำนวน 42 คนและคณะสื่อมวลชนจากประเทศมุสลิม จำนวน 13 คน ในโอกาสที่มาเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างวันที่9- 10 สิงหาคมนี้ เพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยในด้านการแก้ไขปัญหาสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ บทบาทของชาวไทยมุสลิมในสังคมไทย เสรีภาพในการนับถือศาสนาในประเทศไทยเพื่อนำไปสู่การส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องและทัศนคติที่ดีต่อประเทศไทย
นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การนำคณะเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศสมาชิกองค์กรการประชุมอิสลาม และสื่อมวลชนจากประเทศมุสลิม ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้เพื่อให้รับทราบแนวทางการทำงานในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ และแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล โดยการนำของนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งการนำคณะบุคคลต่างๆ ลงพื้นที่มารับทราบข้อเท็จจริงนั้นเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาซึ่งกระทำการอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ไม่มีอะไรปิดบัง
นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้ทุกคนเห็นว่ารัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่น ที่จะแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมเสมอภาค และต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแท้จริง ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้น เมื่อทุกฝ่ายเข้ามาสัมผัสก็จะเกิดความเชื่อมั่น และนำข้อมูลที่ได้รับไปบอกต่อแก่ประชาคมโลกได้ ซึ่งหลังจากที่ตนเองได้มีโอกาสเดินทางไปยังกลุ่มประเทศโลกมุสลิมตลอดจนการเข้าร่วมประชุมกับกลุ่มประเทศสมาชิกองค์กรการประชุมอิสลาม ทำให้ทราบว่าทุกประเทศมีความเข้าใจถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
"ผมยังได้มีโอกาสเดินทางไปกรุงไครโร ประเทศอียิปต์ และเข้าพบกับท่านอิหม่ามซึ่งเป็นประมุขสูงทางด้านศาสนาอิสลามได้ให้แนวความคิดว่าใครก็ตามที่เป็นพลเมืองของประเทศไทยต้องมีหน้าที่ในการได้รับสิทธิเสรีภาพและขณะเดียวกันต้องมีหน้าที่ในการจรรโลงสังคม และทุกคนต้องมีหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศนั้นๆ ต้องทำประโยชน์ให้กับสังคม ซึ่งการดำเนินชีวิตในสังคมที่มีความหลากหลาย สามารถอยู่ร่วมกันกันโดยสันติวิธี ต้องสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้น ซึ่งการใช้ความรุนแรงนั้นไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างแน่นอน แต่ทุกคนต้องร่วมมือกันในการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นมาในพื้นที่โดยเร็ว"
