ASTVผู้จัดการรายวัน-ไทยบริติชฯ ตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจการให้บริการด้านเอกสารป้องกันการปลอมแปลงปีนี้ใกล้เคียงปีที่แล้ว 936 ล้านบาท แม้ว่าครึ่งปีแรกยอดขายหด 8% เนื่องจากธนาคารต่างชาติเข้มการให้บัตรเครดิต แต่เชื่อปลายปีนี้จะดีขึ้น มั่นใจปีหน้ารายได้จากต่างประเทศโตพรวด 15% เนื่องจากมีงานใหญ่ทั้งฟุตบอลโลกและเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยบริติชซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการเอกสารปลอดการปลอมแปลงทุกประเภท เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ใกล้เคียงปีที่แล้วหรือประมาณ 936 ล้านบาท แม้ว่าครึ่งปีแรกจะได้รับผลกระทบธนาคารต่างชาติที่ชะลอการปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิตลง แต่ธนาคารพาณิชย์ไทยยังเดินหน้าบุกตลาดบัตรเครดิต รวมทั้งยังมีการให้บริการบัตรเดบิต บัตรเครดิตที่ติดรูป ทำให้รายได้ปรับลดลงไม่มาก แต่เชื่อว่าปลายปีจะมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลทำให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ขณะที่ห้างสรรพสินค้าก็จะมีการออกโปรโมชั่นต่างๆ ในการทำคูปอง ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทได้เน้นการบุกตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น หลังจากได้เปิดตัวทำแสตมป์เฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 100 ปีแห่งราชวงศ์ภูฏาน ทำให้ลูกค้าต่างชาติให้ความสนใจว่าจ้างบริษัทผลิตแสตมป์และสินค้าป้องกันการปลอมแปลงอื่นๆ มากขึ้นทั้งในยุโรป เอเชีย และอาฟริกา โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้จากต่างประเทศประมาณ 7-8 % มาจากการเจาะตลาดแสตมป์ บัตรพลาสติก ฉลากสินค้าป้องกันการปลอมแปลง เช่น ยา และน้ำมันเครื่อง และปีถัดไปน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 15% ของรายได้รวม เนื่องจากปี 2553 จะมีการจัดงานใหญ่ เช่น การพิมพ์ไปรษณียบัตรเกี่ยวกับฟุตบอลโลกหรือแสตมป์ฟุตบอลโลก เป็นต้น ขณะเดียวกันก็มองว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้มีออเดอร์เข้ามา
นายบรรณกล่าวว่า ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก บริษัทมียอดขายสุทธิ 446 ล้านบาท ลดลง 31 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 40 ล้านบาท ลดลง 3 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยยอมรับว่าทุกหมวดธุรกิจได้พยายามลดต้นทุน ทำให้บริษัทต้องมองหาโอกาสทางธุรกิจเพื่อรองรับตรงจุดนี้ เช่น การทำรับจ้างทำงานในส่วนที่ภาคธุรกิจ OUTSOURCE เช่น การให้บริการทำข้อมูลและจัดส่งข้อมูลเอกสาร โดยบริษัทได้ร่วมกับ เดต้าโพสต์ พีทีอี ลิมิเต็ด สิงคโปร์ ตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อรุกตลาดให้บริการด้านการจัดการสิ่งพิมพ์ (Data Security Printing & Mailing) เพื่อเจาะตลาดในประเทศ รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
"ผลประกอบการครึ่งปีแรกมีรายได้ตกลงเพียง 7-8% เนื่องจากการใช้จ่ายของประชาชนทำให้ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิต แต่กำไรลดลงแค่ 3% เพราะบริษัทมีการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ลงมา และปีก่อนนี้มีฟุตบอลยูโรทำให้มีรายได้เข้ามามาก แต่ปีนี้ไม่งานหรือกิจกรรมใหญ่ๆ เข้ามา ซึ่งรายได้ของบริษัทจะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่จะต้องการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของลูกทั้งธนาคารพาณิชย์ ร้านค้าห้างร้าน เป็นต้น"นายบรรณกล่าว
นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยบริติชซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการเอกสารปลอดการปลอมแปลงทุกประเภท เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ใกล้เคียงปีที่แล้วหรือประมาณ 936 ล้านบาท แม้ว่าครึ่งปีแรกจะได้รับผลกระทบธนาคารต่างชาติที่ชะลอการปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิตลง แต่ธนาคารพาณิชย์ไทยยังเดินหน้าบุกตลาดบัตรเครดิต รวมทั้งยังมีการให้บริการบัตรเดบิต บัตรเครดิตที่ติดรูป ทำให้รายได้ปรับลดลงไม่มาก แต่เชื่อว่าปลายปีจะมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลทำให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ขณะที่ห้างสรรพสินค้าก็จะมีการออกโปรโมชั่นต่างๆ ในการทำคูปอง ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทได้เน้นการบุกตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น หลังจากได้เปิดตัวทำแสตมป์เฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 100 ปีแห่งราชวงศ์ภูฏาน ทำให้ลูกค้าต่างชาติให้ความสนใจว่าจ้างบริษัทผลิตแสตมป์และสินค้าป้องกันการปลอมแปลงอื่นๆ มากขึ้นทั้งในยุโรป เอเชีย และอาฟริกา โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้จากต่างประเทศประมาณ 7-8 % มาจากการเจาะตลาดแสตมป์ บัตรพลาสติก ฉลากสินค้าป้องกันการปลอมแปลง เช่น ยา และน้ำมันเครื่อง และปีถัดไปน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 15% ของรายได้รวม เนื่องจากปี 2553 จะมีการจัดงานใหญ่ เช่น การพิมพ์ไปรษณียบัตรเกี่ยวกับฟุตบอลโลกหรือแสตมป์ฟุตบอลโลก เป็นต้น ขณะเดียวกันก็มองว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้มีออเดอร์เข้ามา
นายบรรณกล่าวว่า ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก บริษัทมียอดขายสุทธิ 446 ล้านบาท ลดลง 31 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 40 ล้านบาท ลดลง 3 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยยอมรับว่าทุกหมวดธุรกิจได้พยายามลดต้นทุน ทำให้บริษัทต้องมองหาโอกาสทางธุรกิจเพื่อรองรับตรงจุดนี้ เช่น การทำรับจ้างทำงานในส่วนที่ภาคธุรกิจ OUTSOURCE เช่น การให้บริการทำข้อมูลและจัดส่งข้อมูลเอกสาร โดยบริษัทได้ร่วมกับ เดต้าโพสต์ พีทีอี ลิมิเต็ด สิงคโปร์ ตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อรุกตลาดให้บริการด้านการจัดการสิ่งพิมพ์ (Data Security Printing & Mailing) เพื่อเจาะตลาดในประเทศ รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
"ผลประกอบการครึ่งปีแรกมีรายได้ตกลงเพียง 7-8% เนื่องจากการใช้จ่ายของประชาชนทำให้ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิต แต่กำไรลดลงแค่ 3% เพราะบริษัทมีการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ลงมา และปีก่อนนี้มีฟุตบอลยูโรทำให้มีรายได้เข้ามามาก แต่ปีนี้ไม่งานหรือกิจกรรมใหญ่ๆ เข้ามา ซึ่งรายได้ของบริษัทจะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่จะต้องการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของลูกทั้งธนาคารพาณิชย์ ร้านค้าห้างร้าน เป็นต้น"นายบรรณกล่าว
