ASTVผู้จัดการรายวัน – “เอสเอ็มอีแบงก์” เร่งขยายทุน โดยเปิดรับฝากเงินจากลูกค้ารายย่อย ระบุให้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษจูงใจแข่งขันกับแบงก์พาณิชย์ คาดพร้อมบริการภายใน Q3 ขณะที่ความคืบหน้าเพิ่มเพดานเงินกู้เป็น 500 ลบ.ต่อราย อยู่ระหว่างวางระบบเสนอบอร์ด ระบุเคาะภายในสิ้นเดือน
นางปรียาพันธุ์ ปิยะอนันต์ รองกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เผยว่า ธนาคารเตรียมจะระดมทุน โดยรับเปิดบัญชีฝากเงินจากลูกค้ารายย่อย เพื่อเพิ่มรายได้ และนำมาใช้บริหารด้านการเงิน
สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่จะให้นั้นจะเป็นอัตราพิเศษไม่ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไปแน่นอน ประกอบกับมีความน่าเชื่อถือเพราะเป็นสถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้แก่ลูกค้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ธนาคารเตรียมความพร้อม เพื่อแก้ข้อจำกัดต่างๆ เช่น มีสาขาน้อยมาก โดยปัจจุบันมีสาขาแค่ 95 แห่ง และยังไม่มีตู้เอทีเอ็ม
ทั้งนี้ รายละเอียดต่างๆ จะสรุป และเสนอความเห็นชอบจากคณะกรรมการธนาคาร หากผ่านการพิจารณาจะเริ่มดำเนินการทันที คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 เบื้องต้นจะเน้นฐานลูกค้าธนาคารก่อน ประมาณ 1 หมื่นราย
นอกจากจะระดมทุนจากเงินฝากลูกค้ารายย่อยแล้ว เอสเอ็มอีแบงก์จะประสานกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ที่มีเงินทุนหรือมีเงินงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้และมีจุดประสงค์ต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีแบงก์จะประสานหน่วยงานเหล่านี้ให้นำเงินมาฝาก หรือให้เอสเอ็มอีแบงก์บริหารเงิน ภายใต้เงื่อนไขเพื่อนำไปสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ พร้อมกับให้คำปรึกษาทางการเงิน แผนการทำธุรกิจ และสร้างเครือข่ายด้านธุรกิจให้เอสเอ็มอี นอกจากนั้น จะขอให้รัฐบาลเพิ่มทุนให้ 5,000 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าการขยายวงเงินกู้เป็น 500 ล้านบาทต่อรายนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างวางระบบและกฎเกณฑ์การพิจารณาปล่อยสินเชื่อ ซึ่งจะเสนอต่อคณะกรรมการธนาคาร และเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนนี้ (ส.ค.)
นางปรียาพันธุ์ ระบุต่อว่า ยอดการอนุมัติสินเชื่อช่วง 6 เดือนแรกของปี จำนวน 17,000 ล้านบาท และครึ่งปีหลังตั้งเป้ากว่าอีก 17,000 ล้านบาท ส่วนหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ลดไปประมาณ 2% จากร้อยละ 51% เหลือ 49% โดยตั้งเป้าว่าสิ้นปีจะเหลือประมาณ 40%
นางปรียาพันธุ์ ปิยะอนันต์ รองกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เผยว่า ธนาคารเตรียมจะระดมทุน โดยรับเปิดบัญชีฝากเงินจากลูกค้ารายย่อย เพื่อเพิ่มรายได้ และนำมาใช้บริหารด้านการเงิน
สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่จะให้นั้นจะเป็นอัตราพิเศษไม่ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไปแน่นอน ประกอบกับมีความน่าเชื่อถือเพราะเป็นสถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้แก่ลูกค้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ธนาคารเตรียมความพร้อม เพื่อแก้ข้อจำกัดต่างๆ เช่น มีสาขาน้อยมาก โดยปัจจุบันมีสาขาแค่ 95 แห่ง และยังไม่มีตู้เอทีเอ็ม
ทั้งนี้ รายละเอียดต่างๆ จะสรุป และเสนอความเห็นชอบจากคณะกรรมการธนาคาร หากผ่านการพิจารณาจะเริ่มดำเนินการทันที คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 เบื้องต้นจะเน้นฐานลูกค้าธนาคารก่อน ประมาณ 1 หมื่นราย
นอกจากจะระดมทุนจากเงินฝากลูกค้ารายย่อยแล้ว เอสเอ็มอีแบงก์จะประสานกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ที่มีเงินทุนหรือมีเงินงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้และมีจุดประสงค์ต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีแบงก์จะประสานหน่วยงานเหล่านี้ให้นำเงินมาฝาก หรือให้เอสเอ็มอีแบงก์บริหารเงิน ภายใต้เงื่อนไขเพื่อนำไปสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ พร้อมกับให้คำปรึกษาทางการเงิน แผนการทำธุรกิจ และสร้างเครือข่ายด้านธุรกิจให้เอสเอ็มอี นอกจากนั้น จะขอให้รัฐบาลเพิ่มทุนให้ 5,000 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าการขยายวงเงินกู้เป็น 500 ล้านบาทต่อรายนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างวางระบบและกฎเกณฑ์การพิจารณาปล่อยสินเชื่อ ซึ่งจะเสนอต่อคณะกรรมการธนาคาร และเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนนี้ (ส.ค.)
นางปรียาพันธุ์ ระบุต่อว่า ยอดการอนุมัติสินเชื่อช่วง 6 เดือนแรกของปี จำนวน 17,000 ล้านบาท และครึ่งปีหลังตั้งเป้ากว่าอีก 17,000 ล้านบาท ส่วนหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ลดไปประมาณ 2% จากร้อยละ 51% เหลือ 49% โดยตั้งเป้าว่าสิ้นปีจะเหลือประมาณ 40%
