จากกรณีธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ถูกภาคเอกชนโวยว่าอนุมัติสินเชื่อล่าช้า วานนี้ (5 ส.ค.) นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ เอสเอ็มอีแบงก์ ชี้แจงว่า การทำงานของธนาคารฯ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 ก.ค. 52 ที่ให้ขยายเวลาโครงการสินเชื่อช่วยธุรกิจท่องเที่ยวออกไปถึง 30 ก.ย.53 และเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนวิธีการยื่นกู้ใหม่ จากเดิมยื่นกู้ตรงที่ เอสเอ็มอีแบงก์ เปลี่ยนเป็นให้ผู้สนใจกู้ไปยื่นเรื่องกับ 4 สมาคม เพื่อพิจารณากลั่นกรองรายละเอียดและคุณสมบัติก่อน จากนั้นสมาคมจึงส่งเรื่องให้ธนาคารต่อไป
"ธนาคารจึงต้องมีการปรับวิธีการทำงาน สินเชื่อ smePOWER เพื่อธุรกิจท่องเที่ยว ให้เป็นไปตามมติ ครม. ซึ่งถือเป็นกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ" นายโสฬสกล่าว
สำหรับผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อ smePOWER เพื่อธุรกิจท่องเที่ยวกับเอสเอ็มอีแบงก์มาก่อนหน้าหน้านี้จนถึงในวันที่ 31 ก.ค. 52 ธนาคารจะพิจารณาและเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด แต่สำหรับผู้ขอกู้รายใหม่คงยื่นเรื่องพร้อมเอกสารต่อคณะทำงานกลั่นกรองรายสาขากลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อพิจารณารายละเอียดและคุณสมบัติฯ แล้ว จึงจะมีการส่งเรื่องมาให้ธนาคารพิจารณาสินเชื่อตามขั้นตอนต่อไป
พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมาธนาคารได้ตอบสนองนโยบายอย่างเต็มที่ มีการอนุมัติสินเชื่อโครงการนี้ไปเกือบ 2,000 ล้านบาท ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากผู้กู้และผู้ค้ำประกันติดขัดเรื่องคุณสมบัติและเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ รวมทั้งบางส่วนขาดใบอนุญาตประกอบกิจการ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ทางสมาคมก็ไม่ออกหนังสือรับรองให้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารพร้อมประสานงานรับเรื่องจากสมาคมทั้ง 4 แห่งอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้โครงการนี้สัมฤทธิผลต่อไป.
"ธนาคารจึงต้องมีการปรับวิธีการทำงาน สินเชื่อ smePOWER เพื่อธุรกิจท่องเที่ยว ให้เป็นไปตามมติ ครม. ซึ่งถือเป็นกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ" นายโสฬสกล่าว
สำหรับผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อ smePOWER เพื่อธุรกิจท่องเที่ยวกับเอสเอ็มอีแบงก์มาก่อนหน้าหน้านี้จนถึงในวันที่ 31 ก.ค. 52 ธนาคารจะพิจารณาและเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด แต่สำหรับผู้ขอกู้รายใหม่คงยื่นเรื่องพร้อมเอกสารต่อคณะทำงานกลั่นกรองรายสาขากลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อพิจารณารายละเอียดและคุณสมบัติฯ แล้ว จึงจะมีการส่งเรื่องมาให้ธนาคารพิจารณาสินเชื่อตามขั้นตอนต่อไป
พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมาธนาคารได้ตอบสนองนโยบายอย่างเต็มที่ มีการอนุมัติสินเชื่อโครงการนี้ไปเกือบ 2,000 ล้านบาท ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากผู้กู้และผู้ค้ำประกันติดขัดเรื่องคุณสมบัติและเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ รวมทั้งบางส่วนขาดใบอนุญาตประกอบกิจการ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ทางสมาคมก็ไม่ออกหนังสือรับรองให้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารพร้อมประสานงานรับเรื่องจากสมาคมทั้ง 4 แห่งอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้โครงการนี้สัมฤทธิผลต่อไป.