เอสเอ็มอีแบงก์ เผยมติ ครม. ล่าสุดให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ปรับเปลี่ยนวิธีกู้ยืมใหม่ จากเดิมกู้ตรงที่เอสเอ็มอีแบงก์ เปลี่ยนเป็นให้ผู้สนใจกู้ไปยื่นเรื่องกับ 4 สมาคม ก่อนยื่นเรื่องให้ทางธนาคารพิจารณาต่อไป ชี้ผู้ที่ขอกู้ก่อนหน้านี้ทางแบงก์พร้อมดำเนินการต่อไปให้เรื่องแล้วเสร็จเร็วที่สุด ฟุ้งขณะนี้แบงก์ปล่อยสินเชื่อในโครงการนี้ไปเกือบ 2,000 ล้านบาท
นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางคณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาเมื่อ 21 กรกฎาคม 2552 โดยให้มีการลงมติขยายเวลาโครงการสินเชื่อช่วยธุรกิจท่องเที่ยวออกไปถึง 30 ก.ย.2553 นี้ และเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนวิธีการยื่นกู้ใหม่ จากเดิมยื่นกู้ตรงที่ เอสเอ็มอีแบงก์ เปลี่ยนเป็นให้ผู้สนใจกู้ไปยื่นเรื่องกับ 4 สมาคม เพื่อพิจารณากลั่นกรองรายละเอียดและคุณสมบัติก่อน จากนั้นสมาคมจึงส่งเรื่องให้ธนาคารต่อไป
ทั้งนี้เมื่อมติครม.ออกมาใหม่ ธนาคารจึงต้องมีการปรับวิธีการทำงาน สินเชื่อ smePOWER เพื่อธุรกิจท่องเที่ยว ให้เป็นไปตามมติ ครม. ซึ่งถือเป็นกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ
“สำหรับผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อ smePOWER เพื่อธุรกิจท่องเที่ยวกับเอสเอ็มอีแบงก์มาก่อนหน้าหน้านี้จนถึงในวันที่ 31 ก.ค. 2552 ธนาคารจะพิจารณาและเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด แต่สำหรับผู้ขอกู้รายใหม่คงยื่นเรื่องพร้อมเอกสารต่อคณะทำงานกลั่นกรองรายสาขากลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อพิจารณารายละเอียดและคุณสมบัติฯ แล้ว จึงจะมีการส่งเรื่องมาให้ธนาคารพิจารณาสินเชื่อตามขั้นตอนต่อไป” กรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์กล่าว
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาธนาคารได้ตอบสนองนโยบายอย่างเต็มที่ มีการอนุมัติสินเชื่อโครงการนี้ไปเกือบ 2,000 ล้านบาท ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากผู้กู้และผู้ค้ำประกันติดขัดเรื่องคุณสมบัติและเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ รวมทั้งบางส่วนขาดใบอนุญาตประกอบกิจการ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ทางสมาคมก็ไม่ออกหนังสือรับรองให้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารพร้อมประสานงานรับเรื่องจากสมาคมทั้ง 4 แห่งอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้โครงการนี้สัมฤทธิผลต่อไป นอกจากการปรับเปลี่ยนดำเนินการดังกล่าวข้างต้นแล้ว ครม. ยังมีมติให้ขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือจากเดิมกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 ก.ค. 2552 ขยายออกไปจนถึง 30 ก.ย. 2553 ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางคณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาเมื่อ 21 กรกฎาคม 2552 โดยให้มีการลงมติขยายเวลาโครงการสินเชื่อช่วยธุรกิจท่องเที่ยวออกไปถึง 30 ก.ย.2553 นี้ และเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนวิธีการยื่นกู้ใหม่ จากเดิมยื่นกู้ตรงที่ เอสเอ็มอีแบงก์ เปลี่ยนเป็นให้ผู้สนใจกู้ไปยื่นเรื่องกับ 4 สมาคม เพื่อพิจารณากลั่นกรองรายละเอียดและคุณสมบัติก่อน จากนั้นสมาคมจึงส่งเรื่องให้ธนาคารต่อไป
ทั้งนี้เมื่อมติครม.ออกมาใหม่ ธนาคารจึงต้องมีการปรับวิธีการทำงาน สินเชื่อ smePOWER เพื่อธุรกิจท่องเที่ยว ให้เป็นไปตามมติ ครม. ซึ่งถือเป็นกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ
“สำหรับผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อ smePOWER เพื่อธุรกิจท่องเที่ยวกับเอสเอ็มอีแบงก์มาก่อนหน้าหน้านี้จนถึงในวันที่ 31 ก.ค. 2552 ธนาคารจะพิจารณาและเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด แต่สำหรับผู้ขอกู้รายใหม่คงยื่นเรื่องพร้อมเอกสารต่อคณะทำงานกลั่นกรองรายสาขากลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อพิจารณารายละเอียดและคุณสมบัติฯ แล้ว จึงจะมีการส่งเรื่องมาให้ธนาคารพิจารณาสินเชื่อตามขั้นตอนต่อไป” กรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์กล่าว
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาธนาคารได้ตอบสนองนโยบายอย่างเต็มที่ มีการอนุมัติสินเชื่อโครงการนี้ไปเกือบ 2,000 ล้านบาท ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากผู้กู้และผู้ค้ำประกันติดขัดเรื่องคุณสมบัติและเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ รวมทั้งบางส่วนขาดใบอนุญาตประกอบกิจการ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ทางสมาคมก็ไม่ออกหนังสือรับรองให้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารพร้อมประสานงานรับเรื่องจากสมาคมทั้ง 4 แห่งอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้โครงการนี้สัมฤทธิผลต่อไป นอกจากการปรับเปลี่ยนดำเนินการดังกล่าวข้างต้นแล้ว ครม. ยังมีมติให้ขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือจากเดิมกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 ก.ค. 2552 ขยายออกไปจนถึง 30 ก.ย. 2553 ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ