ASTVผู้จัดการรายวัน-“โสภณ”ตั้งคณะทำงานพิเศษ แก้ปัญหาไกด์ผี-แท็กซี่เถื่อน สุวรรณภูมิหลัง”นายกฯ”ติงในครม. รวมถึงปัญหาเจ้าหน้าที่ทุจริต เอาเปรียบนักท่องเที่ยว กาชับทอท.-การบินไทยเข้มงวดปัญหา กระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารสูญหาย ด้านสุวรรณภูมิดีเดย์ 9 ส.ค.2552ร่วมมือตำรวจจับจริงไกด์ผี-แท็กซี่เถื่อน
จากการที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมาให้เร่งดำเนินการกับแก๊งมาเฟียในสนามบินสุวรรณภูมินั้น นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้เข้มงวดมากขึ้น ภายหลังจากที่มีประชาชนร้องเรียนเข้ามามากเกี่ยวกับ ปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำ ไกด์ผี และปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่กับนักท่องเที่ยว ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ตั้งคณะทำงานชุดพิเศษขึ้นมา 1 ชุด เข้าไปตรวจสอบและได้สั่งการให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ละส่วนไปดำเนินการแก้ไขแล้ว
“ครม.ก็ติงมาให้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะเป็นหน้าตาของประเทศ โดยปัญหาใดที่ติดขัดไม่สามารถแก้ไขได้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็รับปากว่าจะเข้ามาช่วยหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาให้เสร็จ”นายโสภณ กล่าว
ส่วนปัญหาการกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารถูกกรีดได้รับความเสียหายและถูกขโมยสิ่งของด้วยนั้น นายโสภณ ขณะนี้ กระทรวงคมนาคมได้สั่งการไปยังบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ร่วมกันตรวจสอบ โดยเฉพาะขั้นตอนในการลำเลียงกระเป๋าสัมภาระ ที่พบว่ายังมีจุดเสี่ยงหลายจุด นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือกับสายการบินให้มีส่วนร่วมในการติดตามและดูแลปัญหาดังกล่าวด้วย
โดยก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลระบบการขนส่งสาธารณะและการให้บริการผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีนายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เป็นประธาน ได้ออกมาตรการการป้องกันและปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำและไกด์ผี ที่มาให้บริการโดยผิดกฎหมาย แล้ว โดยได้ออกปฎิบัติการระยะที่ 1 และ 2 โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ขบ. และสภ.ราชาเทวะ ตั้งจุดตรวจเพื่อดำเนินการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจังตั้งแต่ 31 ก.ค. 2552 ซึ่งในช่วง 10 วันแรก จะเป็นการตักเตือนและประชาสัมพันธ์ให้รับทราบก่อนและจะดำเนินการจับกุมและกวดขันตามกฎหมายอย่างจริงจัง ตั้งแต่ 9 ส.ค.2552 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ในการปฎิบัติการระยะที่ 1 ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ขบ. , สถานีตำรวจภูธรราชาเทวะ ,เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) ดำเนินการประชาสัมพันธ์ จัดทำป้ายเตือน ปิดประกาศและได้มีการตั้งจุดตรวจ ณ ชานชาลาอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 4 โดยได้เริ่มตั้งแต่ 24 มิ.ย.52 ได้มีการตักเตือนผู้กระทำความผิดไปแล้วรวมทั้งสิ้น 494 ราย
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการทอท. ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต เป็นประธานเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2552 ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้เพิ่มมาตรการด้านรักษาความปลอดภัยบริเวณสายพานลำเลียงกระเป๋า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อแก้ปัญหา ประกอบด้วย มาตรการทั่วไปให้พื้นที่สายพานลำเลียงกระเป๋า( Sorting Area) เป็นพื้นที่หวงห้ามให้มีความเข้มงวดในด้านความปลอดภัยการเข้า-ออกและควบคุมพฤติกรรมการของผู้ปฎิบัติงานอย่างเข้มงวด, มาตรการเสริมให้จัดชุดเฉพาะกิจดูแลทั้งในเวลาราชการและช่วงที่มีเที่ยวบินหนาแน่น และกำหนดเวลารถขนสัมภาระเข้ามาในพื้นที่ได้เพียง 30 นาที และมาตรการเพิ่มเติมติดกล้องวงจรปิด (CCTV) เพิ่มขึ้นอีก 327 จุดรวมทั้งให้ผู้ปฏิบัติงานสวมเสื้อที่มี่กระเป๋าและมีเสื้อกั๊กสะท้อนแสงที่สัญลักษณ์ต้นสังกัดที่ชัดเจนด้วย
จากการที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมาให้เร่งดำเนินการกับแก๊งมาเฟียในสนามบินสุวรรณภูมินั้น นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้เข้มงวดมากขึ้น ภายหลังจากที่มีประชาชนร้องเรียนเข้ามามากเกี่ยวกับ ปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำ ไกด์ผี และปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่กับนักท่องเที่ยว ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ตั้งคณะทำงานชุดพิเศษขึ้นมา 1 ชุด เข้าไปตรวจสอบและได้สั่งการให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ละส่วนไปดำเนินการแก้ไขแล้ว
“ครม.ก็ติงมาให้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะเป็นหน้าตาของประเทศ โดยปัญหาใดที่ติดขัดไม่สามารถแก้ไขได้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็รับปากว่าจะเข้ามาช่วยหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาให้เสร็จ”นายโสภณ กล่าว
ส่วนปัญหาการกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารถูกกรีดได้รับความเสียหายและถูกขโมยสิ่งของด้วยนั้น นายโสภณ ขณะนี้ กระทรวงคมนาคมได้สั่งการไปยังบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ร่วมกันตรวจสอบ โดยเฉพาะขั้นตอนในการลำเลียงกระเป๋าสัมภาระ ที่พบว่ายังมีจุดเสี่ยงหลายจุด นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือกับสายการบินให้มีส่วนร่วมในการติดตามและดูแลปัญหาดังกล่าวด้วย
โดยก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลระบบการขนส่งสาธารณะและการให้บริการผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีนายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เป็นประธาน ได้ออกมาตรการการป้องกันและปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำและไกด์ผี ที่มาให้บริการโดยผิดกฎหมาย แล้ว โดยได้ออกปฎิบัติการระยะที่ 1 และ 2 โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ขบ. และสภ.ราชาเทวะ ตั้งจุดตรวจเพื่อดำเนินการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจังตั้งแต่ 31 ก.ค. 2552 ซึ่งในช่วง 10 วันแรก จะเป็นการตักเตือนและประชาสัมพันธ์ให้รับทราบก่อนและจะดำเนินการจับกุมและกวดขันตามกฎหมายอย่างจริงจัง ตั้งแต่ 9 ส.ค.2552 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ในการปฎิบัติการระยะที่ 1 ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ขบ. , สถานีตำรวจภูธรราชาเทวะ ,เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) ดำเนินการประชาสัมพันธ์ จัดทำป้ายเตือน ปิดประกาศและได้มีการตั้งจุดตรวจ ณ ชานชาลาอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 4 โดยได้เริ่มตั้งแต่ 24 มิ.ย.52 ได้มีการตักเตือนผู้กระทำความผิดไปแล้วรวมทั้งสิ้น 494 ราย
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการทอท. ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต เป็นประธานเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2552 ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้เพิ่มมาตรการด้านรักษาความปลอดภัยบริเวณสายพานลำเลียงกระเป๋า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อแก้ปัญหา ประกอบด้วย มาตรการทั่วไปให้พื้นที่สายพานลำเลียงกระเป๋า( Sorting Area) เป็นพื้นที่หวงห้ามให้มีความเข้มงวดในด้านความปลอดภัยการเข้า-ออกและควบคุมพฤติกรรมการของผู้ปฎิบัติงานอย่างเข้มงวด, มาตรการเสริมให้จัดชุดเฉพาะกิจดูแลทั้งในเวลาราชการและช่วงที่มีเที่ยวบินหนาแน่น และกำหนดเวลารถขนสัมภาระเข้ามาในพื้นที่ได้เพียง 30 นาที และมาตรการเพิ่มเติมติดกล้องวงจรปิด (CCTV) เพิ่มขึ้นอีก 327 จุดรวมทั้งให้ผู้ปฏิบัติงานสวมเสื้อที่มี่กระเป๋าและมีเสื้อกั๊กสะท้อนแสงที่สัญลักษณ์ต้นสังกัดที่ชัดเจนด้วย
