xs
xsm
sm
md
lg

ทอท.อนุมัติคิงเพาเวอร์แบ่งจ่ายค่าเช่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-บอร์ดทอท.อนุมัติคิงเพาเวอร์แบ่งจ่ายค่าเช่าพื้นที่ส่วนเกินย้อนหลัง ส่วนดิวตี้ฟรี 989 ล้านบาท 2 งวด เห็นใจเศรษฐกิจไม่ดี”ปิยะพันธ์”ยันไม่เจรจาลดค่าปรับให้แทกส์ ชี้คิดตามสัญญากำหนดไม่มีมั่วตัวเลข แทกส์หมดสิทธืร่วมประมูลรถเข็นกระเป๋าเหตุประวัติไม่ดี เดินหน้าฟ้องเรียกค่าปรับหากไม่จ่ายตามกำหนดพร้อมเห็นชอบมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ลำเลียงกระเป๋าแก้ปัญหาของหาย สั่งเจรจาบริษัท Outsource รับโทษร่วมพนักงาน ขณะที่การบินไทยคุย 5 เดือนแรกลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่ใช่ น้ำมันเชื้อเพลิงการบินลงได้ถึง 18.9% คิดเป็นมูลค่า 8,170 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้10,840 ล้านบาท

นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ (30 ก.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบผลการเจรจาค่าเช่าพื้นที่ส่วนเกินจากสัญญากับกลุ่มคิงเพาเวอร์ ซึ่งได้รับสัมปทานเป็นผู้บริหารพื้นที่ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยได้ข้อสรุปค่าเช่าย้อนหลังกับบริษัท บริษัทคิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรี จำกัด
ซึ่งสัญญากำหนดพื้นที่ 5,000 ตร.ม.แต่ใช้จริง 11,000 ตร.ม.ค่าเช่าย้อนหลังนับจากเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิวันที่ 28 ก.ย. 2549 วงเงิน 989 ล้านบาท โดยบริษัทอ้างภาวะเศรษยฐกิจไม่ดีจึง ขอแบ่งจ่าย2 งวด วันที่ 30 ส.ค.52 วงเงิน 514 ล้านบาท และวันที่ 31 ต.ค. 52 วงเงิน 475 ล้านบาท
ส่วนเรื่องพื้นที่ร้านค้าเชิงพาณิชย์ ผลการเจรจากับบริษัท คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ ยังไม่ยุติโดยสัญญากำหนดพื้นที่ 20,000ตร.ม.แต่ใช้จริง 22,000 ตร.ม.ในช่วงเปิดสนามบินแต่ต่อมาทอท.ได้มีการเรียกคืนพื้นที่ใช้เกินบางส่วนกลับมาใช้ประโยชน์ด้านความปลอดภัย ทำให้เหลือพื้นที่ใช้จริง 18,000ตร.ม.ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างคำนวนค่าเช่าที่จะเรียกเก็บย้อนหลังจากพื้นที่ใช้เกินและระยะเวลาที่ใช้
***ยันไม่เจรจาลดค่าปรับแทกส์
นายปิยะพันธ์กล่าวถึงข้อพิพาทระหว่างทอท.กับบริษัท ไทยแอร์พอร์ต กราวน์ เซอร์วิสเซส จำกัด (แทกส์) โดยยืนยันว่า จะไม่มีการเจรจาเพื่อลดค่าปรับที่ทอท.เรียกไป2,000 ล้านบาท เนื่องจากค่าปรับคำนวนมาจากฐานค่าปรับที่กำหนดไว้ชัดเจนในสัญญากรณีรถเข็นกระเป๋าขาดจะถูกปรับอย่างไร ซึ่งรถเข็นกระเป๋าหายไป 6,000 กว่าคัน คิดเป็นเงินค่าปรับที่2,000 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่าค่าปรับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับมูลค่าสัญญา500 กว่าล้านบาท แต่สัญญานี้ แทกส์ก็ยอมรับมาตั้งแต่ต้น ไม่สามารถแก้ไขได้และหากทอท.ยอมเจรจาลดค่าปรับ อาจจะมีปัญหาเข้าข่ายการเอื้อประโยชน์เพราะทอท.ถือหุ้นในแทกส์ประมาณ 28.5%
และแทกส์จะไม่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมประมูลเป็นผู้จัดการรถเข็นกระเป๋าภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิแน่นอน เพราะถือว่ามีประวัติไม่ดี แต่จะไม่กระทบต่อสัญญางานอื่นๆ ที่แทกส์มีอยู่กับทอท.ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเอกชนคู่สัญญา อย่างไรก็ตาม กรณีที่แทกส์ฟ้องศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราวนั้น ได้รับรายงานว่าศาลยกคำร้องแล้วส่วนทอท.อยู่ระหว่างการเรียกค่าปรับซึ่ง วันที่ 15 ส.ค. 52 นี้จะพ้นระยะเวลาหากแทกส์ยังไม่จ่ายค่าปรับก็จะต้องนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการของศาลต่อไป ซึ่งค่าปรับจะลดลงหรือไม่อย่างไรอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล
***เพิ่มมาตรการในพื้นที่ลำเลียงกระเป๋า
นายปิยะพันธ์กล่าวว่า บอร์ดทอท.เห็นชอบแผนเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณสายพานลำเลียงกระเป๋า (Sorting Area) สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อแก้ปัญหากระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารสูญหาย โดยเน้นจุดล่อแหลมที่พบการกระทำผิดคือช่วงจากสายพานลำเลียงไปยังเครื่องบิน มี 3 มาตรการ 1. มาตรการทั่วไป กำหนดเป็นพื้นที่หวงเพิ่มความเข้มงวดในด้านความปลอดภัย กำหนดช่องทางเข้า-ออกเฉพาะ ,เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวณ , ควบคุมพฤติกรรมการของผู้ปฎิบัติงานของบริษัท บางกอกไฟล์ทเซอร์วิสเซส (บีเอฟเอส) และการบินไทย จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็น Outsource เป็นผู้ให้บริการในพื้นที่ดังกล่าว
2. มาตรการเสริม จัดชุดเฉพาะกิจในช่วงเวลาเที่ยวบินหนาแน่น ,เพิ่มแสงสว่างในพื้นที่, กำหนดเวลาเข้าออกของรถดอลลี่เข้าพื้นที่ก่อนเวลาไม่เกิน 30 นาที เพื่อลดการคับคั่งในพื้นที่ และ 3. มาตรการเพิ่มเติมในอนาคต ติดกล้อง CCTV เพิ่มขึ้นอีก 327 จุด จากที่มีอยู่แล้ว 165 ตัว ,กำหนดมาตรการผู้ปฎิบัติงานในพื้นที่ให้สวมเสื้อที่ไม่มีกระเป๋าและมีเสื้อกั๊กสะท้อนแสงติดสัญญาลักษณ์ต้นสังกัดที่ชัดเจน
นายปิยะพันธ์กล่าวว่า บอร์ดให้นโยบายเพิ่มเติมในกรณีบทลงโทษของผู้ปฏิบัติงานและบริษัทคู่สัญญาควรร่วมรับผิดชอบด้วย เช่น การทบทวนสัญญาหรือยกเลิกสัญญากรณีเกิดเหตุการณ์ซ้ำซาก เนื่องจากหากผู้ปฎิบัติงานของบริษัทนั้นๆ ทำผิด ก็ควรให้ต้นสังกัดรับผิดชอบ และปัญหาที่เกิดขึ้น ทอท.ก็ต้องเสียหาย

****สุวรรณภูมิกวาดล้างแท็กซี่ป้ายดำ-ไกด์ผี
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลระบบการขนส่งสาธารณะและการให้บริการผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯเมื่อวันที่ 29 ก.ค.52 ได้รับทราบผลการประเมินการตามแผนปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำและไกด์ผี ที่มาให้บริการโดยผิดกฎหมาย ณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขั้นปฎิบัติการระยะที่ 1 และเห็นชอบการปฎิบัติการตามแผนปฎิบัติการฯ ขั้นปฎิบัติการระยะที่ 2 โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้แก่ ขบ. และ สภ.ราชาเทวะ ตั้งจุดตรวจเพื่อดำเนินการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจังตั้งแต่ 31 ก.ค. 2552 นี้ ซึ่งในช่วง10 วันแรกจะเป็นการตักเตือนและประชาสัมพันธ์ให้รับทราบก่อนและจะดำเนินการจับกุมและกวดขันตามกฎหมายอย่างจริงจัง ตั้งแต่ 9 ส.ค. เป็นต้นไป ทั้งนี้ในการปฎิบัติการระยะที่ 1 ซึ่งได้ ดำเนินการประชาสัมพันธ์ จัดทำป้ายเตือน ปิดประกาศและได้มีการตั้งจุดตรวจ ณ ชานชาลาอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 4 โดยได้เริ่มตั้งแต่ 24 มิ.ย.52ได้มีการตักเตือนผู้กระทำความผิดไปแล้วรวมทั้งสิ้น 494 ราย

****การบินไทยคุย 5 เดือนลดค่าใช้จ่ายกว่า 8,170 ล้านบาท
เรืออากาศโทนรหัช พลอยใหญ่ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายปฏิบัติการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานคณะทำงานด้านการลดค่าใช้จ่าย เปิดเผยว่า.นช่วง 5 เดือนแรกของปี 2552 ตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานในส่วนที่ไม่ใช่น้ำมันเชื้อเพลิงการบินลงได้ประมาณ 8,100 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ18.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่าเช่าเครื่องบิน เครื่องยนต์และอะไหล่ ค่าใช้จ่ายของนักบินและลูกเรือ ค่าใช้จ่ายในการตลาด การขายและโฆษณา ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการบิน (ไม่รวม น้ำมันเชื้อเพลิง) และค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร
ทั้งนี้เป็นการดำเนินการดังกล่าวนั้นเป็นไปตามแผนฟื้นฟูธุรกิจระยะเร่งด่วน ที่มีมาตรการลดค่าใช้จ่าย โดยได้กำหนดเป้าหมายของการลดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน ในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับค่าน้ำมันเชื้อเพลิงการบิน (Non – fuel Expense) ของปี 2552 ลงจำนวน 10,840 ล้านบาท เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายของปีก่อน ด้วยการปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ปรับลดค่าใช้จ่ายบุคลากรปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
กำลังโหลดความคิดเห็น