xs
xsm
sm
md
lg

เปิดทางในประเทศซื้อ”ข้าวโพด-มัน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์” ปรับเงื่อนไขขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง เปิดช่องให้ซื้อใช้ในประเทศได้ กำหนดข้าวโพด 2 แสนตัน มันสำปะหลัง 5 แสนตัน เตรียมเปิดให้ผู้สนใจยื่นเสนอราคาซื้อได้เร็วๆ นี้ “ชุติมา” เผยจำเป็นต้องปรับวิธีการใหม่ เหตุเปิดประมูลขายครั้งที่ผ่านมา มีคนผ่านเกณฑ์น้อยมาก และถูกกดราคาซื้อ
จับตาปรับเกณฑ์ซื้อใช้ในประเทศเข้าทางรายใหญ่ที่วิ่งล๊อบบี้การเมืองสำเร็จ

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงแนวทางการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลังในสต๊อกรัฐบาล หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้ปรับวิธีการระบายให้มีความหลากหลายและคล่องตัวมากขึ้น ว่า กรมฯ จะใช้แนวทางในการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่คงเหลือในสต๊อก 981,748.1 ตัน โดยแยกออกเป็น 2 แนวทาง คือ
เปิดให้ผู้ประกอบการในประเทศทั้งผู้ซื้อรายย่อย กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมและเจ้าของโกดัง ซื้อได้จำนวน 2 แสนตัน และส่วนที่เหลือจะขายเพื่อการส่งออก โดยจะเปิดให้ผู้ที่สนใจซื้อทั้งผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศ สามารถยื่นเงื่อนไขเสนอซื้อได้เลย

“จะมี 1 วันใน 1 สัปดาห์ ที่กรมฯ จะแจ้งให้ผู้ที่สนใจจะซื้อข้าวโพดให้ยื่นเสนอราคาเข้ามา ซึ่งจะไม่ใช่การเปิดประมูล แต่จะเปิดเป็นการทั่วไป ใครที่สนใจก็เสนอราคาเข้ามา ใครเสนอราคาก่อน ก็จะได้คิวเจรจาต่อรองก่อน และถ้าได้ราคาตามเกณฑ์ที่กำหนดก็จะขายให้ เพราะถือเป็นทางออกอีกทางหนึ่งในการระบายของออก หลังจากที่เปิดประมูลไปแล้ว มีคนมาเสนอราคาซื้อไม่มากและไม่ได้ราคาตามเกณฑ์ที่กำหนด”นางสาวชุติมากล่าว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการซื้อใช้ในประเทศนั้น จะมีการกำหนดเงื่อนไขออกมาในภายหลังว่าใครมีคุณสมบัติที่จะเสนอซื้อได้บ้าง โดยเฉพาะในส่วนของโรงงานอุตสาหกรรม และจะไม่มีการจำกัดว่าจะต้องซื้อขั้นต่ำเท่าไร ใครจะเสนอซื้อเท่าไรก็ได้ ทั้งหมดก็ได้ หากคิดว่าให้ราคาดี และผ่านเกณฑ์ราคาที่กำหนด

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. กรมฯ ได้เปิดประมูลขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จำนวน 5.5 แสนตัน ซื้อเพื่อส่งออก 5 แสนตัน และซื้อใช้ในประเทศ 5 หมื่นตัน โดยมีการเสนอซื้อใช้ในประเทศ 82 ราย ราคาระหว่าง 2,500-5,780 บาท/ตัน และซื้อเพื่อส่งออก 4 ราย ปริมาณ 503,036.9 ตัน ราคาระหว่าง 2,000-3,950 บาท/ตัน และได้อนุมัติขายให้กับผู้ซื้อในประเทศจำนวน 20,202.96 ตัน มูลค่า 97.82 ล้านบาทเนื่องจากเสนอราคาเกินเกณฑ์เฉลี่ยที่กำหนด คือ 4.60 บาท/กก. ส่วนเพื่อการส่งออกไม่อนุมัติขาย เนื่องจากราคาต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 5.20 บาท/กก.

นางสาวชุติมากล่าวว่า สำหรับมันสำปะหลัง จะมีการปรับวิธีการระบายเช่นเดียวกัน โดยจะปรับเงื่อนไขจากเดิมให้ส่งออกเพียงอย่างเดียว เป็นสามารถซื้อเพื่อใช้ในประเทศได้ โดยมีมันสำปะหลังเส้นคงเหลือ 2.78 ล้านตัน แป้งมัน 8.18 แสนตัน ในจำนวนนี้ จะกันไว้ 5 แสนตัน เพื่อขายให้กับผู้ประกอบการในประเทศ
โดยจะมีการเปิดขายโดยยึดหลักการเดียวกันกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่จะประกาศให้ผู้ที่สนใจยื่นเสนอราคาซื้อเข้ามาได้ ส่วนมันสำปะหลังที่เหลือจะเปิดขายเพื่อส่งออก ซึ่งคาดว่าจะสามารถขายได้ เนื่องจากตลาดมีความต้องการมากขึ้น และยังมีผู้สนใจเสนอซื้อในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) เข้ามามาก โดยเฉพาะจากจีน รวมไปถึงการขายให้กับโรงงานที่จะซื้อไปทำเอทานอล
โดยล่าสุดมีติดต่อขอซื้อแป้งมันเข้ามาแล้ว 2.8 แสนตัน

ส่วนผลการขายมันสำปะหลัง เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสนอราคาซื้อมันสำปะหลังเส้น 14 ราย ราคาเฉลี่ย 2,250-4,310 บาท/ตัน ได้อนุมัติขายให้กับผู้ผ่านเกณฑ์ 10 ราย ปริมาณ 643,692.79 ตัน มูลค่า 2,645.49 ล้านบาท เนื่องจากผ่านเกณฑ์ราคาที่กำหนด คือ ตันละ 3,723 บาท ส่วนแป้งมันมีผู้เสนอซื้อ 15 ราย ราคาเฉลี่ย 6,300-8,000 บาท/ตัน ไม่อนุมัติขาย เนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์ราคาที่กำหนด คือ ตันละ 8,527 บาท

รายงานข่าวจากผู้ประกอบการค้าข้าวโพด แจ้งว่า การปรับเงื่อนไขให้สามารถซื้อเพื่อขายในประเทศได้นั้น ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์บางรายในประเทศ เพราะสาเหตุที่ไม่มีการอนุมัติการระบายข้าวโพดที่กระทรวงพาณิชย์เปิดประมูลขายครั้งแรกประมาณเดือนก.พ. ทั้งๆ ที่ได้ราคาดีเนื่องจากมีผู้ประกอบการบางรายไปวิ่งล๊อบบี้ผ่านทางพรรคการเมืองที่คุมนโยบายด้านการระบายสินค้าเกษตร ให้ปรับเงื่อนไขการขาย จนเป็นสาเหตุให้มีการทั้งฉุดทั้งดึงจนทำให้ต้องล้มการประมูล และเมื่อเปิดประมูลใหม่ ก็ยังไม่ขาย โดยให้เหตุผลว่าต่ำกว่าเกณฑ์ราคาที่กำหนด แต่ไม่ดูว่าสินค้าที่ขายคุณภาพดีแค่ไหน และในที่สุดก็ปรับเงื่อนไขให้สามารถซื้อใช้ในประเทศได้ ซึ่งถือว่าเข้าทางบริษัทที่วิ่งล๊อบบี้ผ่านทางการเมืองทันที

ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เร่งรีบขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพราะมีผลประโยชน์จากการขาย และทำให้รัฐบาลขาดทุนมาก จึงทำให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามาดูแล และผลักดันให้ครม.มีมติว่าการขายสินค้าเกษตรใดๆ หากมีปัญหาขาดทุนต้องเสนอให้ครม. ร่วมพิจารณาและรับผิดชอบ จนทำให้ต้องล้มการประมูล แต่อีกกระแสหนึ่งก็ว่าเป็นเพราะมีบริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ของประเทศล๊อบบี้เพื่อขอซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ล๊อตนี้ด้วย แต่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเงื่อนไขต้องซื้อเพื่อส่งออกเพียงอย่างเดียว เลยทำให้ซื้อไม่ได้ จึงต้องวิ่งผ่านทางการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น