ASTVผู้จัดการรายวัน-ครม. เบรกผลประมูลขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง อ้างได้ราคาต่ำ แต่ยอมขายให้กับผู้ที่เสนอราคาดีแค่บางส่วน พร้อมปรับเกณฑ์ระบายใหม่ เปิดให้ยื่นเสนอราคาได้โดยตรงต่อกรมการค้าต่างประเทศแทนการเปิดประมูล แฉงานนี้ “กอร์ปศักดิ์” ยึดอำนาจ “พรทิวา” เบ็ดเสร็จ ดึงงานระบายสินค้าเกษตรมาดูแลเองสมใจ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (5 ส.ค.) เห็นชอบการระบายสินค้าเกษตรทั้งมันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่เห็นว่ามีปัญหาเรื่องราคามาก โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จึงได้ปรับเกณฑ์การจำหน่ายและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายใหม่เพื่อระบายสินค้าทั้ง 2 ชนิดให้ได้ตามเป้าหมาย โดยยืนยันว่าการระบายสินค้าเกษตรชุดนี้จะเป็นชุดสุดท้าย ซึ่งในอนาคตจะไม่มีปัญหาเรื่องการระบายสินค้าอีกต่อไป เพราะจะไม่มีการรับจำนำแล้ว
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. ได้เห็นชอบผลการจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้กับผู้ซื้อในประเทศที่เสนอราคาตั้งแต่ตันละ 4,600 บาท โดยมีปริมาณที่อนุมัติขายจำนวน 20,203 ตัน จากปริมาณที่เปิดเสนอขายทั้งสิ้น 5 หมื่นตัน พร้อมกับเห็นควรให้เพิ่มปริมาณการขายให้กับผู้ซื้อในประเทศเป็น 2 แสนตัน เพราะได้ราคาดี ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ประมูลเพื่อการส่งออก 5 แสนตัน ไม่อนุมัติผลการระบาย เนื่องจากได้ราคาต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
ส่วนมันสำปะหลัง ได้เห็นชอบผลการประมูลเฉพาะมันเส้นที่มีผู้ผ่านเกณฑ์จำนวน 10 ราย ปริมาณ 6.43 แสนตัน มูลค่า 2,645.49 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าเกณฑ์ จากที่เปิดประมูล 1 ล้านตัน ส่วนแป้งมันสำปะหลัง 8 แสนตัน ไม่อนุมัติการระบาย เพราะได้ราคาต่ำกว่าเกณฑ์ ขณะเดียวกัน ได้เห็นชอบให้จำหน่ายมันเส้นในประเทศโดยจำหน่ายให้กับโรงงานเอทานอล จำนวน 28,000 ตัน
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลังให้มีความคล่องตัว และเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันราคากันมากขึ้น ครม. ได้ปรับเกณฑ์การจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อการส่งออก และมันสำปะหลังเพื่อการส่งออกใหม่ โดยกำหนดให้ผู้ที่สนใจเสนอราคาซื้อสินค้าทั้ง 2 ประเภทในสต๊อกของรัฐบาล สามารถเสนอซื้อได้โดยตรงต่อคณะทำงานดำเนินการระบายสินค้าทั้ง 2 ประเภท ที่มีอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นประธาน ตามวันและเวลาที่กำหนดกรมการค้าต่างประเทศกำหนดโดยไม่ต้องมีการเปิดประมูลอีกต่อไป
ทั้งนี้ จะมีการออกประกาศแจ้งเป็นการทั่วไปให้ผู้สนใจยื่นเสนอราคาและปริมาณขอซื้อพร้อมหลักฐานได้ทุกวันที่กำหนดของสัปดาห์ ขณะเดียวกันจะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของบริษัทที่เสนอราคาทั้งสถานะ คุณสมบัติ รวมถึงความน่าเชื่อถือของใบสั่งซื้อ และเมื่อคณะทำงานได้เจรจาต่อรองกับผู้ซื้อแล้วให้เสนอให้คณะกรรมการด้านการระบาย คณะกรรมการระดับนโยบาย และครม.พิจารณาเห็นชอบต่อไป
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในระหว่างการพิจารณาเรื่องข้าวโพดนั้น นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่อง ไม่ได้ชี้แจงอะไรมาก แต่ได้ขอให้นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ชี้แจงแทน ขณะที่นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตร จากพรรคภูมิใจไทย ก็ได้ทำการซักถามนายกอร์ปศักดิ์และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดว่าทำไมถึงไม่อนุมัติผลการเปิดประมูล พร้อมทั้งเสนอว่าควรจะตัดใจขายทั้งหมด เพราะยิ่งเก็บไว้ก็จะยิ่งเน่าเสีย และย้ำอีกว่าหากขายไปตั้งแต่ที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเมื่อช่วงต้นปี น่าจะได้ราคาดีกว่านี้ ซึ่งนายกอร์ปศักดิ์ เลี่ยงที่จะตอบ และชี้แจงว่าต้องทำตามระเบียบ อย่างไรก็ตาม เมื่อ นายศุภชัย ซักถามมากเข้านายกรัฐมนตรีจึงได้ถามว่าตกลงรมว.พาณิชย์อยากให้ขายใช่หรือไม่ ซึ่งนางพรทิวา ได้แต่ยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบอะไร
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลงประชุมครม. ว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้อยากขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง แต่ที่ทำการเปิดประมูล เพราะทำตามมติของคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่นายกอร์ปศักดิ์เป็นประธาน และต้องการให้เร่งเปิดระบายสินค้าเกษตร และเมื่อประมูลเสร็จก็ส่งผลการประมูลให้นายกอร์ปศักดิ์เป็นผู้รับทราบและเสนอให้ครม.พิจารณาก็เท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การปรับเกณฑ์การระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลังในครั้งนี้ เท่ากับว่านายกอร์ปศักดิ์สามารถดึงงานการระบายสินค้าเกษตรจากกระทรวงพาณิชย์ไปดูแลได้เอง เพราะก่อนหน้านี้ ในช่วงที่เปิดประมูลก็มีการโทรศัพท์มาสอบถามผลการประมูลกับคนของกระทรวงพาณิชย์เป็นรายวัน และเมื่อมีการปรับเกณฑ์การระบายใหม่เท่ากับว่าเป็นการตัดนางพรทิวาในฐานะเป็นประธานคณะอนุกรรมการระบายไม่สามารถเข้ามามีบทบาทได้อีก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (5 ส.ค.) เห็นชอบการระบายสินค้าเกษตรทั้งมันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่เห็นว่ามีปัญหาเรื่องราคามาก โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จึงได้ปรับเกณฑ์การจำหน่ายและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายใหม่เพื่อระบายสินค้าทั้ง 2 ชนิดให้ได้ตามเป้าหมาย โดยยืนยันว่าการระบายสินค้าเกษตรชุดนี้จะเป็นชุดสุดท้าย ซึ่งในอนาคตจะไม่มีปัญหาเรื่องการระบายสินค้าอีกต่อไป เพราะจะไม่มีการรับจำนำแล้ว
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. ได้เห็นชอบผลการจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้กับผู้ซื้อในประเทศที่เสนอราคาตั้งแต่ตันละ 4,600 บาท โดยมีปริมาณที่อนุมัติขายจำนวน 20,203 ตัน จากปริมาณที่เปิดเสนอขายทั้งสิ้น 5 หมื่นตัน พร้อมกับเห็นควรให้เพิ่มปริมาณการขายให้กับผู้ซื้อในประเทศเป็น 2 แสนตัน เพราะได้ราคาดี ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ประมูลเพื่อการส่งออก 5 แสนตัน ไม่อนุมัติผลการระบาย เนื่องจากได้ราคาต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
ส่วนมันสำปะหลัง ได้เห็นชอบผลการประมูลเฉพาะมันเส้นที่มีผู้ผ่านเกณฑ์จำนวน 10 ราย ปริมาณ 6.43 แสนตัน มูลค่า 2,645.49 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าเกณฑ์ จากที่เปิดประมูล 1 ล้านตัน ส่วนแป้งมันสำปะหลัง 8 แสนตัน ไม่อนุมัติการระบาย เพราะได้ราคาต่ำกว่าเกณฑ์ ขณะเดียวกัน ได้เห็นชอบให้จำหน่ายมันเส้นในประเทศโดยจำหน่ายให้กับโรงงานเอทานอล จำนวน 28,000 ตัน
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลังให้มีความคล่องตัว และเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันราคากันมากขึ้น ครม. ได้ปรับเกณฑ์การจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อการส่งออก และมันสำปะหลังเพื่อการส่งออกใหม่ โดยกำหนดให้ผู้ที่สนใจเสนอราคาซื้อสินค้าทั้ง 2 ประเภทในสต๊อกของรัฐบาล สามารถเสนอซื้อได้โดยตรงต่อคณะทำงานดำเนินการระบายสินค้าทั้ง 2 ประเภท ที่มีอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นประธาน ตามวันและเวลาที่กำหนดกรมการค้าต่างประเทศกำหนดโดยไม่ต้องมีการเปิดประมูลอีกต่อไป
ทั้งนี้ จะมีการออกประกาศแจ้งเป็นการทั่วไปให้ผู้สนใจยื่นเสนอราคาและปริมาณขอซื้อพร้อมหลักฐานได้ทุกวันที่กำหนดของสัปดาห์ ขณะเดียวกันจะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของบริษัทที่เสนอราคาทั้งสถานะ คุณสมบัติ รวมถึงความน่าเชื่อถือของใบสั่งซื้อ และเมื่อคณะทำงานได้เจรจาต่อรองกับผู้ซื้อแล้วให้เสนอให้คณะกรรมการด้านการระบาย คณะกรรมการระดับนโยบาย และครม.พิจารณาเห็นชอบต่อไป
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในระหว่างการพิจารณาเรื่องข้าวโพดนั้น นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่อง ไม่ได้ชี้แจงอะไรมาก แต่ได้ขอให้นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ชี้แจงแทน ขณะที่นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตร จากพรรคภูมิใจไทย ก็ได้ทำการซักถามนายกอร์ปศักดิ์และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดว่าทำไมถึงไม่อนุมัติผลการเปิดประมูล พร้อมทั้งเสนอว่าควรจะตัดใจขายทั้งหมด เพราะยิ่งเก็บไว้ก็จะยิ่งเน่าเสีย และย้ำอีกว่าหากขายไปตั้งแต่ที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเมื่อช่วงต้นปี น่าจะได้ราคาดีกว่านี้ ซึ่งนายกอร์ปศักดิ์ เลี่ยงที่จะตอบ และชี้แจงว่าต้องทำตามระเบียบ อย่างไรก็ตาม เมื่อ นายศุภชัย ซักถามมากเข้านายกรัฐมนตรีจึงได้ถามว่าตกลงรมว.พาณิชย์อยากให้ขายใช่หรือไม่ ซึ่งนางพรทิวา ได้แต่ยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบอะไร
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลงประชุมครม. ว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้อยากขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง แต่ที่ทำการเปิดประมูล เพราะทำตามมติของคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่นายกอร์ปศักดิ์เป็นประธาน และต้องการให้เร่งเปิดระบายสินค้าเกษตร และเมื่อประมูลเสร็จก็ส่งผลการประมูลให้นายกอร์ปศักดิ์เป็นผู้รับทราบและเสนอให้ครม.พิจารณาก็เท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การปรับเกณฑ์การระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลังในครั้งนี้ เท่ากับว่านายกอร์ปศักดิ์สามารถดึงงานการระบายสินค้าเกษตรจากกระทรวงพาณิชย์ไปดูแลได้เอง เพราะก่อนหน้านี้ ในช่วงที่เปิดประมูลก็มีการโทรศัพท์มาสอบถามผลการประมูลกับคนของกระทรวงพาณิชย์เป็นรายวัน และเมื่อมีการปรับเกณฑ์การระบายใหม่เท่ากับว่าเป็นการตัดนางพรทิวาในฐานะเป็นประธานคณะอนุกรรมการระบายไม่สามารถเข้ามามีบทบาทได้อีก