ASTVผู้จัดการรายวัน-“วิเชียร” เผย “อภิสิทธิ์” สั่งเร่งคดีสนธิ ศาลไม่รับฟ้องคดี “จ่าปัญญา”ผู้ต้องหาลอบยิงสนธิ กล่าวหา"ธานี"กลั่นแกล้ง ศาลชี้ชัดเป็นการทำหน้าที่พนักงานสอบสวนตามกฎหมาย ด้านทนายความ ไม่รับปาก"จ่าปัญญา"จะเข้ามอบตัวหรือไม่ ขณะที่"ดีเอสไอ"ไม่ขอพูดคดี"สนธิ"
วานนี้(4 ส.ค.)เวลา 09.30 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องในคดีที่ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับของศาลอาญา มอบอำนาจให้นายบัญญัติ จิตรเย็น ทนายความ เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. และ พ.ต.อ.วิชาญวัชร์ บริรักษ์กุล พนักงานสอบสวน บช.น.เป็นจำเลย ฐานปฏิบัติละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และกระทำการอันมิชอบเพื่อจะกลั่นแกล้งบุคคลให้รับโทษทางอาญาโดยไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ,200
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนซึ่งมีอำนาจและหน้าที่ทำการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(6) และมาตรา 131 บัญญัติให้พนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเท่าที่สามารถทำได้ เพื่อประสงค์จะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหาเพื่อจะรู้ตัวผู้กระทำผิด และพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา เมื่อจำเลยทั้งสองรวบรวมพยานหลักฐานแล้วมีความเห็นว่าโจทก์เป็นผู้ต้องสงสัยว่าร่วมกระทำผิด และได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับโจทก์ ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับตามคำขอแล้ว ดังนั้น การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
ขณะที่ นายบัญญัติ จิตรเย็น ทนายความ กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้ตนติดภารกิจอยู่ต่างจังหวัด จึงยังไม่ทราบคำสั่งของศาลอย่างเป็นทางการ ซึ่งตนจะมอบหมายให้เสมียนทนายไปคัดคำสั่งศาลอาญาเพื่อนำมาประกอบการพิจาณายื่นอุทธรณ์ ส่วนการมอบตัวของ จ.ส.อ.ปัญญา จะเกิดขึ้นหรือไม่ หลังศาลไม่รับฟ้องคดี นายบัญญัติ กล่าวว่า จะต้องรอดูรายละเอียดคำสั่งของศาลอาญาก่อน ขณะเดียวกันก็จะต้องหารือกับ จ.ส.อ.ปัญญา ด้วย
**"ดีเอสไอ"ไม่พูดคดี"สนธิ"**
ด้าน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ ฐานะได้รับมอบหมายในการให้ความร่วมมือกับทีมคณะพนักงานสอบสวนคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในการเข้าสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกรณีรถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน สศ 1785 กทม.เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนขอไม่ให้รายละเอียดเชิงลึก เนื่องจากทาง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ได้พูดคุยตกลงกับ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. แล้วว่า ให้ทางฝ่ายพนักงานสอบสวนเป็นผู้ให้ข่าว และเปิดเผยข้อมูลในรายละเอียดต่าง ๆ หากทางดีเอสไอพูดอะไรไป แล้วทำให้ข้อมูลไม่ตรงกัน หรือข้อมูลคลาดเคลื่อนจะทำให้เป็นปัญหาตามมาได้ ซึ่งในแนวทางการตรวจสอบถ้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ต้องการอะไร ทางดีเอสไอให้ความร่วมมือเต็มที่
"ผมขออนุญาตไม่พูดแล้วกัน ท่านทวีได้ตกลงกับท่านธานีไว้แล้วให้ทางท่านธานีเป็นคนให้ข่าว ให้รายละเอียด พูดไปพูดมาเดี๋ยวเอาไปเสนอข่าวข้อมูลไม่ตรงกันอีกจะทำให้ยุ่งวุ่นวาย ให้ท่านธานีให้รายละเอียดด้านเดียวจะดีกว่า จะได้ข้อมูลครอบคลุมชัดเจน ผมบอกได้แค่ว่าพนักงานสอบสวนต้องการอะไร ขอความร่วมมืออะไรดีเอสไอ ให้ความร่วมมือทุกอย่างแล้วกัน"
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ดีเอสไอ เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง พ.อ.สุรศักดิ์ เรื่องการเบิกใช้รถยนต์ ทะเบียน สษ 1785 กทม. เพราะมีหลักฐานปรากฏว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ สังกัด ปส. ช่วยราชการดีเอสไอ เซ็นชื่อเบิกใช้รถคันดังกล่าว 2 ครั้ง และ พ.อ.สุรศักดิ์ ณ ลำปาง ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและการตรวจสอบ เป็นผู้ลงนามอนุมัติแทน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งผิดระเบียบ เพราะตามขั้นตอนตามปกติแล้ว การเบิกใช้รถยนต์ของดีเอสไอผู้บัญชาการสำนักคดีฯ ทำเรื่องขอให้อธิบดี หรือรองอธิบดีที่ดูแลสำนักคดีต่างๆ ที่รับผิดชอบ อนุมัติก่อนนำรถออกไปใช้
นอกจากนี้ กรณีรถยนต์คันดังกล่าวยังพบว่ามีการถูกเบิกไปใช้งานเป็นประจำ โดยแจ้งว่ามีภารกิจต่อเนื่อง และจะส่งเพียงเอกสารมายังเจ้าหน้าที่ทุก 15 วัน ว่ารถยนต์ยังใช้งานในภารกิจ
**นายกฯสั่ง"วิเชียร"เร่งคดีสนธิ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา(สบ10)ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรท.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ตนมารักษาการแทนผบ.ตร.ในช่วงที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่อยู่ จนกว่าท่านจะกลับมา ในช่วงสั้นๆเท่านั้น ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ แต่ท่านเป็นห่วงคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อยากให้ทำให้เสร็จเรียบร้อยโดยรวดเร็ว แต่ตนก็รักษาการช่วงที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่อยู่เท่านั้น ซึ่งท่านลาตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม คงเป็นเพราะผมอาวุโสในความเห็นท่าน ซึ่งคำสั่งให้ตนรักษาการจนกว่า พล.ต.อ.พัชรวาท จะกลับมาปฏิบัติหน้าที่
วานนี้(4 ส.ค.)เวลา 09.30 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องในคดีที่ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับของศาลอาญา มอบอำนาจให้นายบัญญัติ จิตรเย็น ทนายความ เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. และ พ.ต.อ.วิชาญวัชร์ บริรักษ์กุล พนักงานสอบสวน บช.น.เป็นจำเลย ฐานปฏิบัติละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และกระทำการอันมิชอบเพื่อจะกลั่นแกล้งบุคคลให้รับโทษทางอาญาโดยไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ,200
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนซึ่งมีอำนาจและหน้าที่ทำการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(6) และมาตรา 131 บัญญัติให้พนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเท่าที่สามารถทำได้ เพื่อประสงค์จะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหาเพื่อจะรู้ตัวผู้กระทำผิด และพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา เมื่อจำเลยทั้งสองรวบรวมพยานหลักฐานแล้วมีความเห็นว่าโจทก์เป็นผู้ต้องสงสัยว่าร่วมกระทำผิด และได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับโจทก์ ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับตามคำขอแล้ว ดังนั้น การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
ขณะที่ นายบัญญัติ จิตรเย็น ทนายความ กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้ตนติดภารกิจอยู่ต่างจังหวัด จึงยังไม่ทราบคำสั่งของศาลอย่างเป็นทางการ ซึ่งตนจะมอบหมายให้เสมียนทนายไปคัดคำสั่งศาลอาญาเพื่อนำมาประกอบการพิจาณายื่นอุทธรณ์ ส่วนการมอบตัวของ จ.ส.อ.ปัญญา จะเกิดขึ้นหรือไม่ หลังศาลไม่รับฟ้องคดี นายบัญญัติ กล่าวว่า จะต้องรอดูรายละเอียดคำสั่งของศาลอาญาก่อน ขณะเดียวกันก็จะต้องหารือกับ จ.ส.อ.ปัญญา ด้วย
**"ดีเอสไอ"ไม่พูดคดี"สนธิ"**
ด้าน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ ฐานะได้รับมอบหมายในการให้ความร่วมมือกับทีมคณะพนักงานสอบสวนคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในการเข้าสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกรณีรถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน สศ 1785 กทม.เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนขอไม่ให้รายละเอียดเชิงลึก เนื่องจากทาง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ได้พูดคุยตกลงกับ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. แล้วว่า ให้ทางฝ่ายพนักงานสอบสวนเป็นผู้ให้ข่าว และเปิดเผยข้อมูลในรายละเอียดต่าง ๆ หากทางดีเอสไอพูดอะไรไป แล้วทำให้ข้อมูลไม่ตรงกัน หรือข้อมูลคลาดเคลื่อนจะทำให้เป็นปัญหาตามมาได้ ซึ่งในแนวทางการตรวจสอบถ้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ต้องการอะไร ทางดีเอสไอให้ความร่วมมือเต็มที่
"ผมขออนุญาตไม่พูดแล้วกัน ท่านทวีได้ตกลงกับท่านธานีไว้แล้วให้ทางท่านธานีเป็นคนให้ข่าว ให้รายละเอียด พูดไปพูดมาเดี๋ยวเอาไปเสนอข่าวข้อมูลไม่ตรงกันอีกจะทำให้ยุ่งวุ่นวาย ให้ท่านธานีให้รายละเอียดด้านเดียวจะดีกว่า จะได้ข้อมูลครอบคลุมชัดเจน ผมบอกได้แค่ว่าพนักงานสอบสวนต้องการอะไร ขอความร่วมมืออะไรดีเอสไอ ให้ความร่วมมือทุกอย่างแล้วกัน"
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ดีเอสไอ เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง พ.อ.สุรศักดิ์ เรื่องการเบิกใช้รถยนต์ ทะเบียน สษ 1785 กทม. เพราะมีหลักฐานปรากฏว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ สังกัด ปส. ช่วยราชการดีเอสไอ เซ็นชื่อเบิกใช้รถคันดังกล่าว 2 ครั้ง และ พ.อ.สุรศักดิ์ ณ ลำปาง ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและการตรวจสอบ เป็นผู้ลงนามอนุมัติแทน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งผิดระเบียบ เพราะตามขั้นตอนตามปกติแล้ว การเบิกใช้รถยนต์ของดีเอสไอผู้บัญชาการสำนักคดีฯ ทำเรื่องขอให้อธิบดี หรือรองอธิบดีที่ดูแลสำนักคดีต่างๆ ที่รับผิดชอบ อนุมัติก่อนนำรถออกไปใช้
นอกจากนี้ กรณีรถยนต์คันดังกล่าวยังพบว่ามีการถูกเบิกไปใช้งานเป็นประจำ โดยแจ้งว่ามีภารกิจต่อเนื่อง และจะส่งเพียงเอกสารมายังเจ้าหน้าที่ทุก 15 วัน ว่ารถยนต์ยังใช้งานในภารกิจ
**นายกฯสั่ง"วิเชียร"เร่งคดีสนธิ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา(สบ10)ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรท.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ตนมารักษาการแทนผบ.ตร.ในช่วงที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่อยู่ จนกว่าท่านจะกลับมา ในช่วงสั้นๆเท่านั้น ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ แต่ท่านเป็นห่วงคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อยากให้ทำให้เสร็จเรียบร้อยโดยรวดเร็ว แต่ตนก็รักษาการช่วงที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่อยู่เท่านั้น ซึ่งท่านลาตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม คงเป็นเพราะผมอาวุโสในความเห็นท่าน ซึ่งคำสั่งให้ตนรักษาการจนกว่า พล.ต.อ.พัชรวาท จะกลับมาปฏิบัติหน้าที่