พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาที่เป็นทหาร ในคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพิ่มเติมว่า เท่าที่ตรวจสอบขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการทำหนังสือขอตัวทหารคนใดเพิ่มเติม เพราะปกติการจะทำหนังสือขอตัวกำลังพลจากกองทัพ ต้องมีการออกหมายจับก่อน ซึ่งขณะนี้มีเพียงการขอตัว จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา นายทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษคนเดียวเท่านั้น
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กรณีของ จ.ส.อ.ปัญญา ที่ยังคงหลบหนีการจับกุมของตำรวจ กองทัพพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำตัว จ.ส.อ.ปัญญา มาดำเนินคดี และให้ความร่วมมือ หากตำรวจจะไปตรวจค้นในหน่วยทหารใด ทั้งนี้ กองทัพบกไม่ได้ให้สถานที่พักพิงหรือช่วยเหลือ จ.ส.อ.ปัญญา แต่อย่างใด รวมทั้ง ยังมีการสั่งการว่า หากกำลังพลคนใดพบเห็น จ.ส.อ.ปัญญา พักพิงอยู่ที่ใด ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาทันที และหากใครให้สถานที่พักพิง จ.ส.อ.ปัญญา ถือว่ามีความผิด อย่างไรก็ตาม กองทัพคงไม่ถึงกับนำกำลังพลลงไปช่วยตำรวจในการตรวจค้นหาตัว จ.ส.อ.ปัญญา เพราะหน้าที่ดังกล่าวเป็นหน้าที่ของตำรวจ
โฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 ที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ จ.ส.อ.ปัญญา ได้เซ็นคำสั่งปลด จ.ส.อ.ปัญญา เรียบร้อยแล้ว เพราะ จ.ส.อ.ปัญญา เป็นนายทหารชั้นประทวน จึงไม่ต้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้เซ็นปลด ซึ่งสาเหตุที่มีคำสั่งปลด จ.ส.อ.ปัญญา เนื่องจากเข้าข่ายผิดกฎหมายทหาร 2 ข้อ คือ 1. จ.ส.อ.ปัญญา ถูกส่งไปช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ซึ่งตามกฎหมายทหารห้ามไม่ให้กำลังพลที่ปฏิบัติราชการในพื้นที่ที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ลาราชการเกิน 3 วัน และ 2.กำลังพลที่หนีหมายจับ สามารถสั่งปลดได้ ซึ่งถือว่า จ.ส.อ.ปัญญา เข้าข่ายทั้ง 2 กรณี
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากกรณีที่มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีลอบยิงนายสนธินั้น กองทัพบกขอให้ประชาชนมั่นใจว่าทหารส่วนใหญ่มีหน้าที่ปฏิบัติภารกิจหลัก คือ การสนองตอบและช่วยเหลือประชาชน ซึ่งที่ผ่านมากองทัพแสดงให้สังคมเกิดความมั่นใจว่ากองทัพจะไม่ปกป้องนายทหารนอกแถวเป็นอันขาด
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กรณีของ จ.ส.อ.ปัญญา ที่ยังคงหลบหนีการจับกุมของตำรวจ กองทัพพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำตัว จ.ส.อ.ปัญญา มาดำเนินคดี และให้ความร่วมมือ หากตำรวจจะไปตรวจค้นในหน่วยทหารใด ทั้งนี้ กองทัพบกไม่ได้ให้สถานที่พักพิงหรือช่วยเหลือ จ.ส.อ.ปัญญา แต่อย่างใด รวมทั้ง ยังมีการสั่งการว่า หากกำลังพลคนใดพบเห็น จ.ส.อ.ปัญญา พักพิงอยู่ที่ใด ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาทันที และหากใครให้สถานที่พักพิง จ.ส.อ.ปัญญา ถือว่ามีความผิด อย่างไรก็ตาม กองทัพคงไม่ถึงกับนำกำลังพลลงไปช่วยตำรวจในการตรวจค้นหาตัว จ.ส.อ.ปัญญา เพราะหน้าที่ดังกล่าวเป็นหน้าที่ของตำรวจ
โฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 ที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ จ.ส.อ.ปัญญา ได้เซ็นคำสั่งปลด จ.ส.อ.ปัญญา เรียบร้อยแล้ว เพราะ จ.ส.อ.ปัญญา เป็นนายทหารชั้นประทวน จึงไม่ต้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้เซ็นปลด ซึ่งสาเหตุที่มีคำสั่งปลด จ.ส.อ.ปัญญา เนื่องจากเข้าข่ายผิดกฎหมายทหาร 2 ข้อ คือ 1. จ.ส.อ.ปัญญา ถูกส่งไปช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ซึ่งตามกฎหมายทหารห้ามไม่ให้กำลังพลที่ปฏิบัติราชการในพื้นที่ที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ลาราชการเกิน 3 วัน และ 2.กำลังพลที่หนีหมายจับ สามารถสั่งปลดได้ ซึ่งถือว่า จ.ส.อ.ปัญญา เข้าข่ายทั้ง 2 กรณี
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากกรณีที่มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีลอบยิงนายสนธินั้น กองทัพบกขอให้ประชาชนมั่นใจว่าทหารส่วนใหญ่มีหน้าที่ปฏิบัติภารกิจหลัก คือ การสนองตอบและช่วยเหลือประชาชน ซึ่งที่ผ่านมากองทัพแสดงให้สังคมเกิดความมั่นใจว่ากองทัพจะไม่ปกป้องนายทหารนอกแถวเป็นอันขาด