ASTVผู้จัดการรายวัน- "มาร์ค" ปลดเงียบ "พัชรวาท" ส้มหล่มใส่"วิเชียร" นั่งรักษาการ ผบ.ตร. ช่วง"พัชรวาท"ไปจีน ระบุเป็นคนที่ได้รับการยอมรับ มีความเหมาะสมในสถานการณ์ที่มีปัญหาเรื่องคดีและการเมือง ด้านเจ้าตัวเผยนายกฯสั่งคุมเข้มซื้อขายตำแหน่ง ยันช่วงรักษาการจะไม่มีการแต่งตั้งโยกย้ายแต่อย่างใด"ศิริโชค"ลั่นจัดการล้างบางแก๊งนายหน้าขายตำแหน่ง หากมีนายตำรวจกล้าร่วมเปิดโปง ชี้ระบอบทักษิณทำให้เกิดการซื้อขายตำแหน่งมากที่สุด เผยเงินสะพัดกว่าพันล้าน
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (4 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมายังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อร่วมประชุมพรรค โดยก่อนเข้าประชุมนายอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นใบลาเพื่อไปปฎิบัติราชการของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ที่ประเทศจีน ซึ่งมีกำหนดการเดินทางในวันนี้ (5ส.ค.)ว่า เข้าใจว่า ผบ.ตร.ได้ยื่นใบลาถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงแล้ว และนายสุเทพได้แจ้งคร่าวๆแล้ว แต่ตนยังไม่ทราบรายละเอียด
ส่วนการพิจารณาหาผู้ที่จะมารักษาการแทน ผบ.ตร. ก็ได้คุยกันเรียบร้อยแล้ว ขอให้ตนได้เห็นใบลา และเซ็นคำสั่งเสียก่อนจึงจะให้สัมภาษณ์
เมื่อถามย้ำว่า ต้องเป็นผู้ที่มีความอาวุโสสูงสุดในสำนักงานตำรวจห่างชาติ (สตช.) หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า"ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีอาวุโสสูงสุด" เมื่อถามว่าแล้วจะดูจากอะไร นายกฯกล่าวว่า ดูจากความเหมาะสมเป็นหลัก
ต่อมาเวลา16.40 น. นายอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังการประชุมว่า ผบ.ตร.ได้ยื่นหนังสือลาไปต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 5-14 ส.ค. และกลับมาในช่วงวันที่ 11-12 ส.ค. เพราะมีพระราชพิธี และมีงานสำคัญ ซึ่งอันนี้คิดว่าทุกคนเข้าใจดี ในระหว่างที่ลาตนได้ตั้งผู้ที่รักษาราชการแทน และได้ลงนามในคำสั่งแล้ว คือ พล.ต.อ.วีเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร. ทำหน้าที่รักษาราชการแทนและมีผลตั้งแต่วันนี้ (5 ส.ค.) เป็นต้นไป และจะรักษาการเฉพาะช่วงที่ ผบ.ตร.เดินทางไปต่างประเทศ
"ส่วนเหตุผลในการตั้ง ผมเห็นว่าท่านเป็นคนที่ดูจากการรับราชการมา มีความอาวุโส และผมเชื่อว่าในภาวะซึ่งคนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องของคดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ท่านเป็นที่ยอมรับ และมีความเหมาะสมในสถานการณ์อย่างนี้" นายกฯกล่าว และเดินทางออกจากที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ไปยังทำเนียบรัฐบาลทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเวลา 17.00 น. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ได้เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ ที่ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล โดยมีการหารือกัยประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่พล.ต.อ.วิเชียร จะเดินทางกลับโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ
**"พัชรวาท"ถกโผก่อนไปจีน**
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลัง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้ยืนยันว่า ยังคงปฎิบัติหน้าที่ ผบ.ตร. จนครบอายุเกษียณอายุราชการ และจะเดินทางไปประเทศจีนเพียง 3 วัน โดยผบ.ตร. เดินทางมาปฎิบัติหน้าที่สำนักงาน ผบ.ตร. ชั้น 7 ตามปกติ โดยช่วงเช้า ได้เรียก พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งเป็นผู้ทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ พล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ ผู้บังคับการกองกำลังพล (ผบก.กพ.) เข้าพบ คาดว่าจะมีการหารือ เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.ลงไป นอกจากนี้ ยังมี รองผบก.กองการต่างประเทศ เข้าพบซึ่งคาดว่าจะหารือเรื่องหมายกำหนดการไปประเทศจีน
โดยสื่อมวลชนจากทุกสำนักพยายามสัมภาษณ์ถึงภารกิจไปราชการ เข้าพบ ผบ.ตร.ประเทศจีน และ ความชัดเจนเรื่องการจัดทำบัญชีโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รองผบก. ลงไป
ต่อมาพล.ต.ต. สัญชัย สุนทรบุระ ผบก.กองสารนิเทศ ได้แจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ผบ.ตร. ยังคงปฎิบัติภารกิจอยู่ และปฎิเสธให้สัมภาษณ์ และจะแจ้งหมายกำหนดการไปประเทศจีนในช่วงบ่าย
**ส่ง"เพรียวพันธ์"ทำงานภาค 8-9
มีรายงานว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งเป็น รอง ผบ.ตร. อาวุโส อันดับ 1 มีภารกิจไปปฎิบัติราชการพื้นที่ บช.ภ. 8-9 ตั้งแต่วันที่ 4-7 ส.ค.นี้ โดยพล.ต.อ.พัชรวาท ได้ลงนามคำสั่งอนุมัติแล้ว ซึ่งทำให้ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรักษาการ ผบ.ตร. เป็นรอง ผบ.ตร. รองอาวุโสลำดับ 2 เป็นผู้ดำรงตำแหน่งแทน ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2547 มาตรา 72 (2)
ทั้งนี้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ม.72 (1 ) ระบุว่า กรณีตำแหน่งข้าราชการตำรวจในส่วนราชการหรือหน่วยงานใดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่างลง หรือผู้ดำรงตำแหน่งใดไม่สามารถปฎิบัติราชการได้ ให้ผู้บังคับบัญชาดังต่อไปนี้สั่งให้ ข้าราชการตำรวจซึ่งเห็นสมควรรักษาราชการแทนในตำแหน่งนั้นได้ โดย (1) นายกรัฐมนตรี สำหรับตำแหน่ง ผบ.ตร.
**สุเทพปัดตอบอำนาจการโยกย้าย
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ได้ให้สัมภาษณ์ในช่วงก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นรักษาการ ผบ.ตร. ในช่วงที่พล.ต.อ.พัชวาท จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศจีน ถึงประเด็นรักษาการ ผบ.ตร. มีอำนาจหน้าที่ในการเข้าไปจัดการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจได้หรือไม่ ว่า เขามีกฎหมายไว้ว่าทำอะไรบ้าง ตอบไม่ได้ เยอะแยะไป ตนก็ไม่ได้ทำการบ้านมากมายอย่างที่สื่อมวลชนสงสัย ตนต้องเรียนจากสื่อมวลชน สงสัยอะไรไป จะได้ไปศึกษา ตนไม่ค่อยได้ลงไปในรายละเอียดเท่าไร ก็ทำธรรมดาๆ
เมื่อถามว่า โดยมารยาท ผู้ที่รักษาการแทนผบ.ตร. สามารถเข้าไปดำเนินการแต่งตั้งโยกย้ายได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ นานๆจะตอบไม่ได้เหมือนกัน ไม่รู้อย่างไง เดี๋ยวตอบผิดตอบถูก ไม่อยากตอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการศึกษาหรือยังว่า การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจสามารถทำได้ก่อนการประกาศปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ ก่อนการประกาศลงในพระราชกิจจานุเบกษา นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ตอบได้ เพราะได้ตอบไปทีแล้ว คือตนจะนัดประชุมคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นหากประชุมเสร็จแล้ว มาถามตนใหม่ได้ ว่าเขาจะพิจารณากันอย่างไร
**ยันไม่มีเด็กฝากนักการเมือง
เมื่อถามว่า การที่ต้องมีการทบทวนการแต่งตั้งโยกย้าย เป็นเพราะเด็กฝากบางคนไม่สมหวังหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงตอบเรื่องข่าวลือไม่ได้ เอาข่าวจริงดีกว่า เมื่อถามต่อว่า มีการจ่ายเงินซื้อตำแหน่งกันจริงไหม นายสุเทพ กล่าวว่า เท่าที่ทราบ ไม่มี เมื่อถามต่ออีกว่า มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้เท่าที่ตนทราบไม่มี เมื่อถามอีกว่า ถ้ามีละครับท่าน นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้ามีเขาก็ต้องดำเนินคดีกันสิครับ ถ้าเรารู้ว่ามีใครไปวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่ง เราก็ดำเนินคดี ถ้าสื่อช่วยเอาข้อมูลให้ ก็จะช่วยดำเนินการต่อให้
เมื่อถามว่านายศิริโชค โสภา เลขานุการส่วนตัวนายกรัฐมนตรี ได้ส่งข้อมูลให้หรือไม่ เพราะมีการระบุว่า มีนายพลที่ใกล้ชิดกับ ผบ.ตร. เป็นคนเรียกรับเงิน แต่เมื่อมีการเรียกเงินคืนก็มีการร้องเรียน ป้ายสีฝ่ายการเมือง นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้านายศิริโชค พูดอย่างนั้น นายศิริโชค ก็ต้องรับผิดชอบเอาเอง เพราะนายศิริโชค ไม่ได้บอกอะไรกับตน ท่านบอกกับสื่ออย่างนั้นหรือ
เมื่อถามว่า จะขอข้อมูลกับนายศิริโชคด้วยหรือไม่ เพราะอยู่ในรัฐบาลเดียวกัน นายสุเทพ กล่าวว่า วันหลัง ถ้าตนเจอก็จะถามว่า ถ้าคุณเที่ยวไปพูดกับสื่ออย่างนั้น ทำไมคุณไม่ส่งให้ผม ผมจะถามให้ แล้วจะถามให้ แล้วสื่อช่วยบอก
**ซื้อขายเก้าอี้ทำโผนายพลสะดุด
ด้านนายศิริโชค โสภา ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี เกี่ยวข้องกับการจัดโผโยกย้ายนายตำรวจว่า เป็นแค่การให้ข่าวเพื่อตีขลุมว่าเป็นใคร ในฐานะที่ตนเป็นตนใกล้ชิดกับนายกฯ ก็ต้องออกมาปฏิเสธว่า สิ่งที่นายตำรวจคนใกล้ชิด ผบ.ตร ปล่อยออกมานั้น ไม่เป็นความจริง เพราะมีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และคนใกล้ชิดนายกฯ คนใดไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดโผโยกย้าย ไม่ว่าโผระดับนายพล หรือระดับนายพันก็ตาม
นายศิริโชค กล่าวว่า สาเหตุที่โผสะดุด เป็นเพราะปัญหาทางเทคนิคด้านกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายการปรับโครงสร้างตำรวจ ยังไม่มีผลบังคับใช้ ดังนั้นโผที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ขออนุมัติจากก.ตร.มา จึงถูกตีกลับมาโดยสำนักอารักษ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่า กฎหมายยังไม่ได้ประกาศใช้ และยังติดมติ ครม.ที่เคยห้ามข้าราชการที่จะเกษียณอายุในปีนี้ห้ามจัดทำโผโยกย้ายข้าราชการภายใน 60 วัน ซึ่งไม่แน่ใจว่า มติครม.ดังกล่าว จะครอบคลุมไปถึงหน่วยงานใดบ้าง
นายศิริโชคกล่าวว่า ทางแก้ของเรื่องนี้คือต้องปลด 2 ล็อก คือ ล็อกแรก ก.ตร. และกฤษฏีกาต้องมาตีความกันว่า กฎหมายปรับโครงสร้างที่จะประกาศใช้ในราชกิจจา วันที่16 ส.ค.นี้ โดยก่อนที่จะมีการประกาศใช้ จะสามารถแต่งตั้งได้หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่ทำก่อนวันดังกล่าวจะเกิดปัญหาสูญญากาศหรือไม่ และ ล็อกสอง ครม. ต้องพิจารณาว่า จะยกเว้นในเรื่องนี้หรือไม่
"ดังนั้นการกล่าวหาคนใกล้ชิดนายกฯ ว่าเป็นคนเข้าไปล้วงลูก จนทำให้โผชะงักนั้นไม่เป็นความจริง นอกจากนี้โผระดับนายพัน ก็ยังทำไม่เสร็จ ดังนั้นถ้าฝ่ายการเมืองมีส่วนเข้าไปล้วงลูกจริงก็ต้องรอให้โผเสร็จก่อนถึงจะออกมาโวยวายได้ ใช่หรือไม่ ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะว่า มีผู้สูญเสียผลประโยชน์ คือนายตำรวจคนใกล้ชิด ผบ.ตร ที่ทำมีกระบวนการเร่ขายตำแหน่ง พอโผสะดุด ทำให้คนที่ว่างจ้างออกมาทวงเงินคืน ก็มาโยนความผิดให้ฝ่ายการเมือง อะไรจะดีไปกว่าป้ายสีว่าคนรอบข้างนายกฯเกี่ยวข้องทั้งที่ไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า หลายกรณี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้หลักฐานเท็จ จับกุมผู้ต้องหา ดังนั้นการจะอ้างแค่นามบัตร หรือโพยรายชื่อ ก็ต้องดูให้แน่นอนว่าเป็นลายเซ็นต์นักการเมืองจริงหรือไม่ ได้มาจากใคร เรื่องเหล่านี้ต้องพิสูจน์กันในศาล จึงขอท้าให้เอาหลักฐานมาพิสูจน์กัน ถ้าเป็นของปลอมคนๆนั้นก็ต้องรับผิดชอบและต้องถูกดำเนินคดี"
**แฉเงินซื้อตำแหน่งสะพัดพันล้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาเคยมีกลุ่มอำนาจวิ่งเต้นผ่านหรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า ไม่มี ส่วนใหญ่ตนไม่สุงสิงกับข้าราชการ โดยทั่วไปพอทำงานเสร็จก็กลับบ้าน ข้าราชการไม่กล้าสุงสิง หรือมาพูดคุยด้วย เพราะปกติตนจะมีบุลลิคเป็นคนหยิ่ง ไม่รู้จักก็จะไม่คุยด้วย ทำให้ข้าราชการไม่กล้าเข้าหาอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาในเรื่องคนมาขอให้วิ่งเต้น หรือฝากคน จึงมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเองอยู่แล้ว
นายศิริโชค กล่าวว่า ยอมรับว่าที่ผ่านมาก็มีการวิ่งเต้นทุกฤดูโยกย้าย แต่ในยุคนี้ดูจะมีความรุนแรงมากผิดปกติ เพราะมีนายตำรวจคนสนิทของ ผบ.ตร เป็นนายหน้าในการซื้อขายตำแหน่ง วิธีการขจัดคนเหล่านี้คือ ต้องอย่าให้มีอำนาจโยกย้ายข้าราชการได้ มิเช่นนั้นข้าราชการที่ดี มีคุณธรรม แต่ไม่มีเงินก็ไม่สามารถก้าวขึ้นมาในตำแหน่งสูงๆได้ ซึ่งต้องใช้เวลาแก้ไขพอสมควร เพราะตั้งแต่ ระบบทักษิณ เข้ามาแทรกแซงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มีปัญหามาโดยตลอด มีการซื้อขายตำแหน่งมากขึ้น โดยครั้งนี้เม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท จึงจำเป็นต้องชี้แจงให้สังคมรับทราบ แต่ก็คงไม่ถึงขั้นที่รัฐบาลนี้จะเข้าไปล้างบาง แต่ต้องเข้าไปดูแลให้โปร่งใส พยายามผลักดันให้ข้าราชการได้เติบโตด้วยความสามารถของตนเองมากกว่าการซื้อตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตรวจสอบกระบวนการนี้ และสาวไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า ยอมรับว่าตนไม่มีหลักฐานเพียงพอ เพียงแต่นายกฯได้รับการร้องเรียนในเรื่องนี้พอสมควร และมีการแจ้งเบาะแสข้อมูลมาด้วย แต่หากมีนายตำรวจคนไหนที่พร้อมจะออกมายืนยัน และเป็นพยานให้กับตน ก็ต้องมีการตรวจสอบต่อไป
**เตรียมหาข้อยุติโผ 152 นายพล
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กล่าวถึงการหาข้อยุติเรื่องโผโยกย้าย 152 นายพลตำรวจ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างใหม่ ซึ่งโผแต่งตั้งดังกล่าวได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ไปแล้ว แต่ถูกนายกฯสั่งระงับ ว่า ฝ่ายกฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณาในข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หลังมีการตีกลับโผแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าว เมื่อมีความชัดเจนแล้วก็จะมีการนำโผดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุม ก.ตร.อีกครั้ง เพื่อหาข้อยุติ โดยคาดว่ามีแนวโน้มที่จะต้องเลื่อนวันมีผลบังคับใช้ออกไปก่อน จากเดิมที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ส.ค.นี้
นอกจากนั้น การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ ถึงชั้นประทวนก็ต้องชะลอออกไปด้วย ทั้งนี้หากตำรวจนายใดที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ตร.ไปแล้วก่อนหน้านี้ และมีการปรับเปลี่ยนในภายหลัง หากเห็นว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้
ทั้งนี้ ในวันที่ 7 ส.ค. ตามปกติจะมีการประชุม ก.ตร. แต่จะเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจาก ผบ.ตร. และนายตำรวจระดับสูง มีภารกิจ
**"วิเชียร"ลั่นคุมเข้มซื้อขายตำแหน่ง
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ10)กล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจที่กำลังสับสนว่า คงต้องดูอีกทีว่าเป็นอย่างไร นายกฯไม่ได้สั่งการอะไรเรื่องนี้ รวมถึงการนัดประชุม ก.ตร.ก็ไม่ได้มีการพูดถึง ซึ่งในช่วงนี้ตนก็จะปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มความสามารถ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ไม่มี เมื่อถามว่ามีการทาบทามให้เป็น ผบ.ตร.หรือไม่ รรท.ผบ.ตร. หัวเราะ แล้วกล่าวว่า ไม่มี ส่วนการแต่งตั้งระดับรองผบก.ลงมานั้นก็ไม่ได้พูดถึง
“เพียงแต่ให้ทำหน้าที่ให้ดี ที่ควรจะเป็น ท่านจะพูดบ่อย ว่า ในเรื่องชื่อเสียงของตำรวจ เรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ท่านกำชับให้ช่วยดู ท่านว่าอย่าให้มันเกิด แต่ช่วงผมรักษาการจะไม่มีการแต่งตั้งโยกย้ายแต่อย่างใด”รรท.ผบ.ตร. กล่าว
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (4 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมายังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อร่วมประชุมพรรค โดยก่อนเข้าประชุมนายอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นใบลาเพื่อไปปฎิบัติราชการของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ที่ประเทศจีน ซึ่งมีกำหนดการเดินทางในวันนี้ (5ส.ค.)ว่า เข้าใจว่า ผบ.ตร.ได้ยื่นใบลาถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงแล้ว และนายสุเทพได้แจ้งคร่าวๆแล้ว แต่ตนยังไม่ทราบรายละเอียด
ส่วนการพิจารณาหาผู้ที่จะมารักษาการแทน ผบ.ตร. ก็ได้คุยกันเรียบร้อยแล้ว ขอให้ตนได้เห็นใบลา และเซ็นคำสั่งเสียก่อนจึงจะให้สัมภาษณ์
เมื่อถามย้ำว่า ต้องเป็นผู้ที่มีความอาวุโสสูงสุดในสำนักงานตำรวจห่างชาติ (สตช.) หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า"ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีอาวุโสสูงสุด" เมื่อถามว่าแล้วจะดูจากอะไร นายกฯกล่าวว่า ดูจากความเหมาะสมเป็นหลัก
ต่อมาเวลา16.40 น. นายอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังการประชุมว่า ผบ.ตร.ได้ยื่นหนังสือลาไปต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 5-14 ส.ค. และกลับมาในช่วงวันที่ 11-12 ส.ค. เพราะมีพระราชพิธี และมีงานสำคัญ ซึ่งอันนี้คิดว่าทุกคนเข้าใจดี ในระหว่างที่ลาตนได้ตั้งผู้ที่รักษาราชการแทน และได้ลงนามในคำสั่งแล้ว คือ พล.ต.อ.วีเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร. ทำหน้าที่รักษาราชการแทนและมีผลตั้งแต่วันนี้ (5 ส.ค.) เป็นต้นไป และจะรักษาการเฉพาะช่วงที่ ผบ.ตร.เดินทางไปต่างประเทศ
"ส่วนเหตุผลในการตั้ง ผมเห็นว่าท่านเป็นคนที่ดูจากการรับราชการมา มีความอาวุโส และผมเชื่อว่าในภาวะซึ่งคนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องของคดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ท่านเป็นที่ยอมรับ และมีความเหมาะสมในสถานการณ์อย่างนี้" นายกฯกล่าว และเดินทางออกจากที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ไปยังทำเนียบรัฐบาลทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเวลา 17.00 น. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ได้เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ ที่ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล โดยมีการหารือกัยประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่พล.ต.อ.วิเชียร จะเดินทางกลับโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ
**"พัชรวาท"ถกโผก่อนไปจีน**
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลัง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้ยืนยันว่า ยังคงปฎิบัติหน้าที่ ผบ.ตร. จนครบอายุเกษียณอายุราชการ และจะเดินทางไปประเทศจีนเพียง 3 วัน โดยผบ.ตร. เดินทางมาปฎิบัติหน้าที่สำนักงาน ผบ.ตร. ชั้น 7 ตามปกติ โดยช่วงเช้า ได้เรียก พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งเป็นผู้ทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ พล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ ผู้บังคับการกองกำลังพล (ผบก.กพ.) เข้าพบ คาดว่าจะมีการหารือ เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.ลงไป นอกจากนี้ ยังมี รองผบก.กองการต่างประเทศ เข้าพบซึ่งคาดว่าจะหารือเรื่องหมายกำหนดการไปประเทศจีน
โดยสื่อมวลชนจากทุกสำนักพยายามสัมภาษณ์ถึงภารกิจไปราชการ เข้าพบ ผบ.ตร.ประเทศจีน และ ความชัดเจนเรื่องการจัดทำบัญชีโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รองผบก. ลงไป
ต่อมาพล.ต.ต. สัญชัย สุนทรบุระ ผบก.กองสารนิเทศ ได้แจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ผบ.ตร. ยังคงปฎิบัติภารกิจอยู่ และปฎิเสธให้สัมภาษณ์ และจะแจ้งหมายกำหนดการไปประเทศจีนในช่วงบ่าย
**ส่ง"เพรียวพันธ์"ทำงานภาค 8-9
มีรายงานว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งเป็น รอง ผบ.ตร. อาวุโส อันดับ 1 มีภารกิจไปปฎิบัติราชการพื้นที่ บช.ภ. 8-9 ตั้งแต่วันที่ 4-7 ส.ค.นี้ โดยพล.ต.อ.พัชรวาท ได้ลงนามคำสั่งอนุมัติแล้ว ซึ่งทำให้ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรักษาการ ผบ.ตร. เป็นรอง ผบ.ตร. รองอาวุโสลำดับ 2 เป็นผู้ดำรงตำแหน่งแทน ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2547 มาตรา 72 (2)
ทั้งนี้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ม.72 (1 ) ระบุว่า กรณีตำแหน่งข้าราชการตำรวจในส่วนราชการหรือหน่วยงานใดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่างลง หรือผู้ดำรงตำแหน่งใดไม่สามารถปฎิบัติราชการได้ ให้ผู้บังคับบัญชาดังต่อไปนี้สั่งให้ ข้าราชการตำรวจซึ่งเห็นสมควรรักษาราชการแทนในตำแหน่งนั้นได้ โดย (1) นายกรัฐมนตรี สำหรับตำแหน่ง ผบ.ตร.
**สุเทพปัดตอบอำนาจการโยกย้าย
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ได้ให้สัมภาษณ์ในช่วงก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นรักษาการ ผบ.ตร. ในช่วงที่พล.ต.อ.พัชวาท จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศจีน ถึงประเด็นรักษาการ ผบ.ตร. มีอำนาจหน้าที่ในการเข้าไปจัดการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจได้หรือไม่ ว่า เขามีกฎหมายไว้ว่าทำอะไรบ้าง ตอบไม่ได้ เยอะแยะไป ตนก็ไม่ได้ทำการบ้านมากมายอย่างที่สื่อมวลชนสงสัย ตนต้องเรียนจากสื่อมวลชน สงสัยอะไรไป จะได้ไปศึกษา ตนไม่ค่อยได้ลงไปในรายละเอียดเท่าไร ก็ทำธรรมดาๆ
เมื่อถามว่า โดยมารยาท ผู้ที่รักษาการแทนผบ.ตร. สามารถเข้าไปดำเนินการแต่งตั้งโยกย้ายได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ นานๆจะตอบไม่ได้เหมือนกัน ไม่รู้อย่างไง เดี๋ยวตอบผิดตอบถูก ไม่อยากตอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการศึกษาหรือยังว่า การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจสามารถทำได้ก่อนการประกาศปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ ก่อนการประกาศลงในพระราชกิจจานุเบกษา นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ตอบได้ เพราะได้ตอบไปทีแล้ว คือตนจะนัดประชุมคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นหากประชุมเสร็จแล้ว มาถามตนใหม่ได้ ว่าเขาจะพิจารณากันอย่างไร
**ยันไม่มีเด็กฝากนักการเมือง
เมื่อถามว่า การที่ต้องมีการทบทวนการแต่งตั้งโยกย้าย เป็นเพราะเด็กฝากบางคนไม่สมหวังหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงตอบเรื่องข่าวลือไม่ได้ เอาข่าวจริงดีกว่า เมื่อถามต่อว่า มีการจ่ายเงินซื้อตำแหน่งกันจริงไหม นายสุเทพ กล่าวว่า เท่าที่ทราบ ไม่มี เมื่อถามต่ออีกว่า มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้เท่าที่ตนทราบไม่มี เมื่อถามอีกว่า ถ้ามีละครับท่าน นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้ามีเขาก็ต้องดำเนินคดีกันสิครับ ถ้าเรารู้ว่ามีใครไปวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่ง เราก็ดำเนินคดี ถ้าสื่อช่วยเอาข้อมูลให้ ก็จะช่วยดำเนินการต่อให้
เมื่อถามว่านายศิริโชค โสภา เลขานุการส่วนตัวนายกรัฐมนตรี ได้ส่งข้อมูลให้หรือไม่ เพราะมีการระบุว่า มีนายพลที่ใกล้ชิดกับ ผบ.ตร. เป็นคนเรียกรับเงิน แต่เมื่อมีการเรียกเงินคืนก็มีการร้องเรียน ป้ายสีฝ่ายการเมือง นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้านายศิริโชค พูดอย่างนั้น นายศิริโชค ก็ต้องรับผิดชอบเอาเอง เพราะนายศิริโชค ไม่ได้บอกอะไรกับตน ท่านบอกกับสื่ออย่างนั้นหรือ
เมื่อถามว่า จะขอข้อมูลกับนายศิริโชคด้วยหรือไม่ เพราะอยู่ในรัฐบาลเดียวกัน นายสุเทพ กล่าวว่า วันหลัง ถ้าตนเจอก็จะถามว่า ถ้าคุณเที่ยวไปพูดกับสื่ออย่างนั้น ทำไมคุณไม่ส่งให้ผม ผมจะถามให้ แล้วจะถามให้ แล้วสื่อช่วยบอก
**ซื้อขายเก้าอี้ทำโผนายพลสะดุด
ด้านนายศิริโชค โสภา ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี เกี่ยวข้องกับการจัดโผโยกย้ายนายตำรวจว่า เป็นแค่การให้ข่าวเพื่อตีขลุมว่าเป็นใคร ในฐานะที่ตนเป็นตนใกล้ชิดกับนายกฯ ก็ต้องออกมาปฏิเสธว่า สิ่งที่นายตำรวจคนใกล้ชิด ผบ.ตร ปล่อยออกมานั้น ไม่เป็นความจริง เพราะมีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และคนใกล้ชิดนายกฯ คนใดไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดโผโยกย้าย ไม่ว่าโผระดับนายพล หรือระดับนายพันก็ตาม
นายศิริโชค กล่าวว่า สาเหตุที่โผสะดุด เป็นเพราะปัญหาทางเทคนิคด้านกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายการปรับโครงสร้างตำรวจ ยังไม่มีผลบังคับใช้ ดังนั้นโผที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ขออนุมัติจากก.ตร.มา จึงถูกตีกลับมาโดยสำนักอารักษ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่า กฎหมายยังไม่ได้ประกาศใช้ และยังติดมติ ครม.ที่เคยห้ามข้าราชการที่จะเกษียณอายุในปีนี้ห้ามจัดทำโผโยกย้ายข้าราชการภายใน 60 วัน ซึ่งไม่แน่ใจว่า มติครม.ดังกล่าว จะครอบคลุมไปถึงหน่วยงานใดบ้าง
นายศิริโชคกล่าวว่า ทางแก้ของเรื่องนี้คือต้องปลด 2 ล็อก คือ ล็อกแรก ก.ตร. และกฤษฏีกาต้องมาตีความกันว่า กฎหมายปรับโครงสร้างที่จะประกาศใช้ในราชกิจจา วันที่16 ส.ค.นี้ โดยก่อนที่จะมีการประกาศใช้ จะสามารถแต่งตั้งได้หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่ทำก่อนวันดังกล่าวจะเกิดปัญหาสูญญากาศหรือไม่ และ ล็อกสอง ครม. ต้องพิจารณาว่า จะยกเว้นในเรื่องนี้หรือไม่
"ดังนั้นการกล่าวหาคนใกล้ชิดนายกฯ ว่าเป็นคนเข้าไปล้วงลูก จนทำให้โผชะงักนั้นไม่เป็นความจริง นอกจากนี้โผระดับนายพัน ก็ยังทำไม่เสร็จ ดังนั้นถ้าฝ่ายการเมืองมีส่วนเข้าไปล้วงลูกจริงก็ต้องรอให้โผเสร็จก่อนถึงจะออกมาโวยวายได้ ใช่หรือไม่ ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะว่า มีผู้สูญเสียผลประโยชน์ คือนายตำรวจคนใกล้ชิด ผบ.ตร ที่ทำมีกระบวนการเร่ขายตำแหน่ง พอโผสะดุด ทำให้คนที่ว่างจ้างออกมาทวงเงินคืน ก็มาโยนความผิดให้ฝ่ายการเมือง อะไรจะดีไปกว่าป้ายสีว่าคนรอบข้างนายกฯเกี่ยวข้องทั้งที่ไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า หลายกรณี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้หลักฐานเท็จ จับกุมผู้ต้องหา ดังนั้นการจะอ้างแค่นามบัตร หรือโพยรายชื่อ ก็ต้องดูให้แน่นอนว่าเป็นลายเซ็นต์นักการเมืองจริงหรือไม่ ได้มาจากใคร เรื่องเหล่านี้ต้องพิสูจน์กันในศาล จึงขอท้าให้เอาหลักฐานมาพิสูจน์กัน ถ้าเป็นของปลอมคนๆนั้นก็ต้องรับผิดชอบและต้องถูกดำเนินคดี"
**แฉเงินซื้อตำแหน่งสะพัดพันล้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาเคยมีกลุ่มอำนาจวิ่งเต้นผ่านหรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า ไม่มี ส่วนใหญ่ตนไม่สุงสิงกับข้าราชการ โดยทั่วไปพอทำงานเสร็จก็กลับบ้าน ข้าราชการไม่กล้าสุงสิง หรือมาพูดคุยด้วย เพราะปกติตนจะมีบุลลิคเป็นคนหยิ่ง ไม่รู้จักก็จะไม่คุยด้วย ทำให้ข้าราชการไม่กล้าเข้าหาอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาในเรื่องคนมาขอให้วิ่งเต้น หรือฝากคน จึงมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเองอยู่แล้ว
นายศิริโชค กล่าวว่า ยอมรับว่าที่ผ่านมาก็มีการวิ่งเต้นทุกฤดูโยกย้าย แต่ในยุคนี้ดูจะมีความรุนแรงมากผิดปกติ เพราะมีนายตำรวจคนสนิทของ ผบ.ตร เป็นนายหน้าในการซื้อขายตำแหน่ง วิธีการขจัดคนเหล่านี้คือ ต้องอย่าให้มีอำนาจโยกย้ายข้าราชการได้ มิเช่นนั้นข้าราชการที่ดี มีคุณธรรม แต่ไม่มีเงินก็ไม่สามารถก้าวขึ้นมาในตำแหน่งสูงๆได้ ซึ่งต้องใช้เวลาแก้ไขพอสมควร เพราะตั้งแต่ ระบบทักษิณ เข้ามาแทรกแซงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มีปัญหามาโดยตลอด มีการซื้อขายตำแหน่งมากขึ้น โดยครั้งนี้เม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท จึงจำเป็นต้องชี้แจงให้สังคมรับทราบ แต่ก็คงไม่ถึงขั้นที่รัฐบาลนี้จะเข้าไปล้างบาง แต่ต้องเข้าไปดูแลให้โปร่งใส พยายามผลักดันให้ข้าราชการได้เติบโตด้วยความสามารถของตนเองมากกว่าการซื้อตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตรวจสอบกระบวนการนี้ และสาวไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า ยอมรับว่าตนไม่มีหลักฐานเพียงพอ เพียงแต่นายกฯได้รับการร้องเรียนในเรื่องนี้พอสมควร และมีการแจ้งเบาะแสข้อมูลมาด้วย แต่หากมีนายตำรวจคนไหนที่พร้อมจะออกมายืนยัน และเป็นพยานให้กับตน ก็ต้องมีการตรวจสอบต่อไป
**เตรียมหาข้อยุติโผ 152 นายพล
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กล่าวถึงการหาข้อยุติเรื่องโผโยกย้าย 152 นายพลตำรวจ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างใหม่ ซึ่งโผแต่งตั้งดังกล่าวได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ไปแล้ว แต่ถูกนายกฯสั่งระงับ ว่า ฝ่ายกฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณาในข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หลังมีการตีกลับโผแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าว เมื่อมีความชัดเจนแล้วก็จะมีการนำโผดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุม ก.ตร.อีกครั้ง เพื่อหาข้อยุติ โดยคาดว่ามีแนวโน้มที่จะต้องเลื่อนวันมีผลบังคับใช้ออกไปก่อน จากเดิมที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ส.ค.นี้
นอกจากนั้น การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ ถึงชั้นประทวนก็ต้องชะลอออกไปด้วย ทั้งนี้หากตำรวจนายใดที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ตร.ไปแล้วก่อนหน้านี้ และมีการปรับเปลี่ยนในภายหลัง หากเห็นว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้
ทั้งนี้ ในวันที่ 7 ส.ค. ตามปกติจะมีการประชุม ก.ตร. แต่จะเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจาก ผบ.ตร. และนายตำรวจระดับสูง มีภารกิจ
**"วิเชียร"ลั่นคุมเข้มซื้อขายตำแหน่ง
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ10)กล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจที่กำลังสับสนว่า คงต้องดูอีกทีว่าเป็นอย่างไร นายกฯไม่ได้สั่งการอะไรเรื่องนี้ รวมถึงการนัดประชุม ก.ตร.ก็ไม่ได้มีการพูดถึง ซึ่งในช่วงนี้ตนก็จะปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มความสามารถ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ไม่มี เมื่อถามว่ามีการทาบทามให้เป็น ผบ.ตร.หรือไม่ รรท.ผบ.ตร. หัวเราะ แล้วกล่าวว่า ไม่มี ส่วนการแต่งตั้งระดับรองผบก.ลงมานั้นก็ไม่ได้พูดถึง
“เพียงแต่ให้ทำหน้าที่ให้ดี ที่ควรจะเป็น ท่านจะพูดบ่อย ว่า ในเรื่องชื่อเสียงของตำรวจ เรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ท่านกำชับให้ช่วยดู ท่านว่าอย่าให้มันเกิด แต่ช่วงผมรักษาการจะไม่มีการแต่งตั้งโยกย้ายแต่อย่างใด”รรท.ผบ.ตร. กล่าว