“อภิสิทธิ์” อาศัยจังหวะ “พัชรวาท” ลาราชการ เร่งหาตัว ผบ.ตร.คนใหม่ พร้อมจัดโผ 152 นายพล เผยได้ชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่เดือนนี้ สั่ง “นายพลฯ ส้มหล่น” เกาะติด 3 เรื่อง “คดีสนธิ-กลุ่มเคลื่อนไหวการเมือง-ทุจริตโยกย้ายแต่งตั้ง” วอนใครมีข้อมูลให้ส่งหลักฐานพร้อมตรวจสอบ เตือน “ศิริโชค” ปูดซื้อ-ขายเก้าอี้ต้องรับผิดชอบคำพูด เชื่อ “วอลเปเปอร์” ไม่โกรธ หลังแซวชอบยืนประกอบฉากข้างหลัง ยันความสัมพันธ์ “ประวิตร-กองทัพ” ไม่มีปัญหา ไม่หนักใจ “เรื่องไกร” ยื่น ป.ป.ช.สอบ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (5 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการมอบนโยบายต่อ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สบ 10) ในฐานะรักษาราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่า มีเรื่องหลักๆ 3 เรื่อง คือ 1.คดีที่อยู่ในความสนใจเป็นสิ่งที่ต้องแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตำรวจในการที่จะทำให้มีประสิทธิภาพและความมั่นใจเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตางมา ฉะนั้น เรื่องที่เป็นที่จับตาอยู่ต้องช่วยอำนวยความสะดวกและให้นโยบายกับผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้ที่ทำงานทั้งหมดว่าจะเดินอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ 2.ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวในทางการเมือง ซึ่งยังมีอยู่มาก ก็ได้ทำความเข้าใจถึงจุดยืนของรัฐบาลที่ต้องการให้ทุกฝ่ายสามารถแสดงออกใช้สิทธิเสรีภาพได้ตามกฎหมาย หากมีอะไรที่เกินเลยขอบเขตก็ต้องแสดงออกให้เห็นถึงความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ และ 3.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำลังดูเรื่องปัญหาการโยกย้ายแต่งตั้งที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างใหม่ที่ยังมีปัญหาในข้อกฎหมายอยู่ ซึ่งต้องสะสางโดยเร็วและการเตรียมการโยกย้ายแต่งตั้งประจำปี นี่คือภาระใหญ่ 3 ข้อที่ต้องดำเนินการในช่วงนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า 10 วันนี้ให้รักษาการดำเนินการได้ทั้หงมดเลยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ใช่ เพราะ พล.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ลาตั้งแต่วันนี้ ฉะนั้นต้องมีผู้รักษาราชการแทนตามกฎหมาย ซึ่งตนได้ใช้อำนาจตามมาตรา 72 เมื่อมอบหมายย่างนี้คือมีอำนาจในการรักษาราชการแทนทั้งหมด เมื่อถามว่า เรื่องโผสามารถรื้อได้ด้วย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ได้พูดถึงเรื่องรื้อไม่รื้อ พูดแต่เรื่องการโยกย้ายแต่งตั้งต้องดูให้เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย เนื่องจากยังมีข้อโต้แย้งกันในเรื่องของวิธีทำเรื่องนี้ เพราะโครงสร้างยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจาฯ ขณะเดียวกันมีความเห็นที่แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งทำเห็นว่าต้องทำก่อน เพราะถ้าประกาศแล้วจะเกิดสูญญากาศกับอีกฝ่ายที่เห็นว่หากยังไม่ประกาศก็ไม่น่าจะพิจาณาได้
เมื่อถามว่าให้รักษาการดำเนินการในตอนนี่จะผิดหลักการหรือเปล่า เพราะตัว ผบ.ตร.ยังไม่เกษียณ นายภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีอะไรผิด เพราะมีเรื่องกรอบเวลา เนื่องจากโครงสร้างเข้าใจว่าจะมีผลบังคับใช้ประมาณกลางเดือนนี้ ขณะเดียวกัน กระบวนการโยกย้ายแต่งตั้งประจำปี มีบางตำแหน่ง ซึ่งระบุไว้ในกฎหมายอยู่แล้ว จะต้องดำเนินการภายในเดือนนี้ ฉะนั้น การเริ่มต้นในกระบวนการต่างๆ ต้องมาดูให้ชัดเจนเรื่องของข้อกฎหมาย เมื่อถามว่าจะดูเฉพาะข้อกฎหมายหรือดูเรื่องการปรับเปลี่ยนโผด้วย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องดูตามความเหมาะสม เพราะนายสุเทพเสนอมาเองอยากจะขอทบทวนเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายกฯ เคยบอกว่าจะให้ ผบ.ตร.คนใหม่เข้ามาดูเอง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถูกต้องจะเกี่ยวตรงนั้นด้วย คือตามความเข้าใจในขณะนี้ ตำแหน่งในระดับรองลงไปต้องเสร็จภายในเดือนนี้ แต่ตำแหน่งรอจะเสร็จได้ ตำแหน่งตัวผู้บัญชาการต้องมีความชัดเจนก่อน ฉะนั้นมันต้องมีกระบวนการเริ่มต้นและวางแผนกันให้ดี สิ่งตนได้มอบนโยบายไปคือกระบวนการตรี้ต้องสอดรับกันเพื่อให้การทำงานหลังจากปรับโครงสร้างใหม่และหลังจากสิ้นปีงบประมาณไปแล้วเกิดเรียบร้อยเป็นเอกภาพมีประสิทธิภาพ
เมื่อถามว่าตรงนี้จะชัดเจนเมื่อมีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (กตร.) มีผลออกมา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีทั้งคณะกรรมการตำรวจแห่งชามติ (กตช.) และ กตร. เพราะตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นเรื่องของ กตช.เมื่อถามว่า ต้องดำเนินการให้เร็วด้วยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ใช่ เพราะมันมีเงื่อนเวลาที่จำกัดอยู่แล้ว ซึ่งต้องเสร็จในเดือนนี้ เมื่อถามว่า ตามกรอบเดิมคือต้องมีผลในวันที่ 16 ส.ค.นี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เท่าที่ตนทราบเป็นอย่างนั้น เมื่อถามว่าการที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ลาราชการถึงวันที่ 14 ส.ค.เท่ากับเป็นการกันออกจากการพิจารณาโผใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ผบ.ตร.เป็นคนยื่นใบลา ตนก็ดูตามที่ ผบ.ตร.ลามา เป็นภารกิจที่รายงานมาว่าจะต้องไปปฏิบัติ เมื่อถามว่าทำไม่รอให้ พ.ต.อ.พัชรวาท กลับมาร่วมพิจารณา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ทัน
เมื่อถามว่ามีการพูดเรื่องการซื้อตำแหน่ง ซื้อเก้าอี้กันด้วย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนได้บอกรักษาการ ผบ.ตร.ว่ามีการพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่ ฉะนั้นต้องไปดูอย่าให้มี เพราะนอกจากเป็นการทำลายองค์กรแล้วตัวนี้เป็นการสร้างความเดือดร้อนที่สุดให้แก่ประชาชน หากเจ้าหน้าที่ซื้อขายตำแหน่งกันถามว่าเจ้าหน้าที่จะเอาเงินมาจากไหน ตรงนี้ได้ฝากไปให้ช่วยดูเป็นพิเศษด้วย เมื่อถามว่าจะแก้ปัญหาเด็กฝากนักการเมืองอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หากมีไม่ควรจะมีเด็กฝาก ทุกอย่างต้องพิจารณาไปตามความเหมาะสม
เมื่อถามว่าจะมีการเพิ่มเวลาให้กับรักษาการหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนได้มอบนโยบายเฉพาะช่วงที่ พล.ต.อ.วิเชียร รักษาราชการแทน ขณะนี้คำสั่งอยู่ระหว่างวันที่ 5-14 สิงหาคม เมื่อถามว่าหากไม่เสร็จจะให้ ผบ.ตร.มาสานต่อหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เมื่อถามว่า นายกฯ ข้อมูลการซื้อขายเก้าอี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนได้พยายามขอให้คนที่พูดถึงเรื่องนี้ว่าทำอย่างไร ถึงจะให้มีพยานหลักฐานมาเพื่อที่จะดำเนินการได้ เมื่อถามว่านายศิริโชค โสภา เลขานุการส่วนตัว แจ้งข้อมูลให้นายกฯ ทราบหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า
“เพิ่งเจอเมื่อเช้าก่อนเข้าประชุม ครม. หายตัวไปทั้งวันเมื่อวาน (4 ส.ค.) แต่ไม่ได้คุยเรื่องนี้ ยังไม่มีเวลา มันเดินตรงนั้น มาฉายภาพอยู่ข้างหลังชั่วครู่เอง แต่หากจะสอบถามก็ได้ แต่ไม่รู้ตอนนี้อยู่ไหน ใครพูดก็ต้องรับผิดชอบคำพูด หากมีเอกสารหลักฐานผมยินดี ใครก็ตามไม่ใช่เฉพาะ ส.ส. ทุกอย่างขึ้นกับข้อเท็จจริงและอย่างที่บอกคนพูดต้องรับผิดชอบคำพูด ต้องมาดู ถ้ามีพยานหลักฐานอะไรก็ต้องดำเนินการ” นายอภิสิทธิ์กล่าวท่ามกลางเสียงหัวเราะสื่อที่ขำขันตรงที่นายกฯ พูดถึงนายศิริโชคชอบมาฉายภาพอยู่ข้างหลัง
เมื่อถามว่าจะต้องมีตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ควรจะมีพยานหลักฐานในระดับหนึ่ง ขณะนี้แม้จะมีคำพูด ซึ่งตนคิดว่าหลายคนได้ยินแต่การยืนยันยังไม่มีใครมายืนยีน หากเราตั้งกรรมการทุกเรื่องเพราะมีคนพูดมันก็จะเป็นปัญหาเหมือนกัน แต่ตนจะพยายามสอบถาม เพราะไม่ใช่เฉพาะนายศิริโชคที่พูด หลายคนก็พูด ตนจะพยามขอหากมีข้อมูลอะไรให้ส่งมา เมื่อถามว่านายศิริโชคอยู่ใกล้ตัวนายกฯไม่เคยบอกข้อมูลอะไรเลยหรือ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ได้คุยกันทุกเรื่อง ส่วนใหญ่อยู่ข้างหลัง
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.วิเชียร มีสิทธิ์ที่จะได้เป็น ผบ.ตร.หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องตำแหน่ง ผบ.ตร.จะพิจารณาตามความเหมาะสมใครที่มีคุณสมบัติครบก็มีโอกาสทั้งนั้นในตอนนี้ ซึ่งต้องดูหลายปัจจัยประกอบ เมื่อถามว่าภาพของ ผบ.ตร.คนใหม่ควรจะมีความชัดเจนได้หรือยัง เพราะตัว ผบ.ตร.เองจะเกษียณอายุราชการเดือนกันยายนนี้แล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีกรอบเวลาอยู่แล้ว กำลังจะสรุปเพื่อเดินหน้าต่อ โดยจะมีประชุม กตช.ภายในเดือนนี้ ซึ่งตนเป็นประธานด้วยตนเอง มอบให้ใครทำหน้าที่ไม่ได้ตามกฎหมาย เมื่อถามว่า แสดงว่าภายในเดือนสิงหาคมนี้จะได้ผู้มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช่
ภาหลังการแลงข่าว นายกรัฐมนตรีได้เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า โดยระหว่างนั้นนายกรัฐมนตรีได้ตอบข้อซักถามสื่อที่ถามถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) สอบสวนนายกฯเรื่องการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจประจำปี2552ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอภิสิทธิ์ระบุว่า ไม่มีปัญหาและไม่หนักใจ ตนบริหารราชการก็ยึดหลักกฎหมายทุกอย่าง
เมื่อถามว่า ปัญหาระหว่างนายกฯ กับ พล.ต.อ.พัชรวาท นั้นมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ไม่พอใจ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไรเพราะคุยกันตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เมื่อถามว่าวันนี้ พล.อ.ประวิตร ไม่มาประชุม ครม.อาจเพราะไม่พอใจ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ใช่ วันนี้เป็นวันครบรอบวันก่อตั้งโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เมื่อถามว่าเรื่องนี้บางฝ่ายมองว่าเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล นายกรัฐมนตรีไม่ตอบคำถามนี้
เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์กับกองทัพในวันนี้ยังดีอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความสัมพันธ์มันดีอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาเลย มีอะไรก็คุยกัน เมื่อถามว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ลาราชการไปต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 5-14 ส.ค. ในวันที่ 15 ส.ค. พล.ต.อ.พัชรวาท จะอยู่ในฐานะอะไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กลับมาก็ทำงานไม่มีอะไร เมื่อวันที่4 ส.ค.ตนยังโทรศัพท์คุยกับผบ.ตร.อยู่เลย
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายศิริโชค คนใกล้ชิดนายกฯ ระบุว่ามีตำรวจบางนายหากินกับการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีและมีเงินสะพัดนับพันล้านบาท ได้สอบถามเรื่องนี้แล้วกับนายศิริโชคหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน และการที่ตนพูดก่อนหน้านี้ (แถลงข่าวที่ตึกนารีสโมสร) ก็ไม่ทำให้นายศิริโชคโกรธหรืองอนตนได้ เพราะคำว่างอนนั้นไม่อยู่ในสารบบของนายศิริโชค เพราะตนเคยเห็นว่านายศิริโชคโดนหนักๆ ก็ยังไม่เห็นรู้สึก และถือเป็นความสามารถเฉพาะตัว