xs
xsm
sm
md
lg

สั่งรื้อโผอื้อฉาวเร่งตั้ง ผบ.ตร.ใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี
ASTVผู้จัดการรายวัน - "อภิสิทธิ์" เร่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ภายในเดือนนี้ สั่งทบทวนโผ 152 นายพลเจ้าปัญหา ไม่ต้องรอ "พัชรวาท" กลับ วอนใครมีข้อมูลซื้อ-ขายตำแหน่งส่งมาให้สอบสวน "เทพเทือก"เรียกประชุม ก.ตร.ด่วนศุกร์นี้ เลขาฯกฤษฎีกา ระบุเปลี่ยนโผได้ เพราะยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ กกต.ชี้นายกฯ แทรกแซงย้ายตำรวจไม่ผิด ด้าน ป.ป.ช.ย้ำชี้ขาด 7 ตุลาฯเลือดกลางเดือนนี้แน่ ไม่มีเลื่อน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ วานนี้ (5 ส.ค.) ถึงการมอบนโยบายในการทำงานให้กับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สบ.10) ในฐานะรักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร.ว่า ได้มอบนโยบายหลัก 3 เรื่องคือ 1.คดีที่อยู่ในความสนใจ เป็นสิ่งที่ต้องแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตำรวจในการที่จะทำให้มีประสิทธิภาพและความมั่นใจเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ฉะนั้นเรื่องที่เป็นที่จับตาอยู่ต้องช่วยอำนวยความสะดวกและให้นโยบายกับผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้ที่ทำงานทั้งหมดว่าจะเดินอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพ

2. ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวในทางการเมือง ซึ่งยังมีอยู่มาก ก็ได้ทำความเข้าใจถึงจุดยืนของรัฐบาล ที่ต้องการให้ทุกฝ่ายสามารถแสดงออกใช้สิทธิ เสรีภาพได้ตามกฎหมาย หากมีอะไรที่เกินเลยขอบเขตก็ต้องแสดงออกให้เห็นถึง ความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ และ 3.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำลังดูเรื่องปัญหาการโยกย้ายแต่งตั้งที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างใหม่ที่ยังมีปัญหาในข้อกฎหมายอยู่ ซึ่งต้องสะสางโดยเร็วและการเตรียมการโยกย้ายแต่งตั้งประจำปี นี่คือภาระใหญ่ 3 ข้อที่ต้องดำเนินการในช่วงนี้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 10 วันที่ พล.ต.อ.วิเชียร รักษาราชการแทน ผบ.ตร. สามารถทำได้ทั้งหมด พล.อ.พัชรวาท ลาตั้งแต่วันนี้ ฉะนั้นต้องมีผู้รักษาราชการแทน ตามกฎหมาย ซึ่งตนได้ใช้อำนาจตาม มาตรา 72 เมื่อมอบหมายอย่างนี้ คือมีอำนาจ ในการรักษาราชการแทนทั้งหมด ส่วนการโยกย้าย 152 นายพลตามโครงสร้างใหม่ ของตำรวจนั้น ยังไม่ได้พูดเรื่องรื้อหรือไม่รื้อโผ พูดแต่ว่าการโยกย้ายต้องเป็นไปตาม เงื่อนไขของกฎหมาย เนื่องจากยังมีข้อโต้แย้งกันในเรื่องของวิธีทำเรื่องนี้ เพราะโครงสร้างยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจาฯ ขณะเดียวกันมีความเห็นที่แบ่งออกเป็น สองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าต้องแต่งตั้งก่อน เพราะถ้าประกาศแล้วจะเกิดสุญญากาศกับอีกฝ่ายที่เห็นว่าหากยังไม่ประกาศในราชกิจจาฯ ก็ไม่น่าจะพิจาณาได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าให้รักษาการ ผบ.ตร.ดำเนินการจะผิดหลักการหรือไม่เพราะตัว ผบ.ตร.ยังไม่เกษียณ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรผิด เพราะมีเรื่องกรอบเวลา เนื่องจากโครงสร้างเข้าใจว่าจะมีผลบังคับใช้ประมาณกลางเดือนนี้ ขณะเดียวกันกระบวนการโยกย้ายแต่งตั้งประจำปี มีบางตำแหน่ง ซึ่งระบุไว้ในกฎหมายอยู่แล้ว จะต้องดำเนินการภายในเดือนนี้ ฉะนั้นการเริ่มต้นในกระบวนการต่างๆ ต้องมาดูให้ชัดเจนเรื่องของข้อกฎหมาย เมื่อถามว่าจะดูเฉพาะข้อกฎหมายหรือดูเรื่องการปรับเปลี่ยนโผ 152 นายพลด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูตามความเหมาะสม เพราะนายสุเทพเสนอมาเองอยากจะขอทบทวนเรื่องนี้

**"มาร์ค"ยัน ผบ.ตร.ต้องเสร็จภายในเดือนนี้

ส่วนที่ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีเคยบอกว่าจะให้ ผบ.ตร.คนใหม่เข้ามาดูเอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถูกต้องจะเกี่ยวตรงนั้นด้วย คือตามความเข้าใจในขณะนี้ ตำแหน่งในระดับรองลงไปต้องเสร็จภายในเดือนนี้ แต่ตำแหน่งนี้จะเสร็จได้ ตำแหน่งตัวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต้องมีความชัดเจนก่อน ฉะนั้นมันต้องมีกระบวนการเริ่มต้นและวางแผนกันให้ดี สิ่งตนได้มอบนโยบายไปคือกระบวนการนี้ต้องสอดรับกันเพื่อให้การทำงานหลังจากปรับโครงสร้างใหม่และหลังจากสิ้นปีงบประมาณไปแล้วเกิดเรียบร้อยเป็นเอกภาพมีประสิทธิภาพ

ผู้สื่อข่าวถามว่าตรงนี้จะชัดเจนเมื่อมีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีผลออกมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีทั้ง คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (กตช.)และ ก.ตร. เพราะตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นเรื่องของ ก.ตช.เมื่อถามว่า ต้องดำเนินการให้เร็วด้วยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช่ เพราะมันมีเงื่อนเวลาที่จำกัดอยู่แล้ว ซึ่งต้องเสร็จในเดือนนี้ เมื่อถามว่า ตามกรอบเดิมคือ โครงสร้างใหม่ตำรวจต้องมีผลในวันที่ 16 ส.ค.นี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบเป็นอย่างนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่พล.ต.อ.พัชรวาท ลาราชการถึงวันที่ 14 ส.ค.เท่ากับเป็นการกันออกจากการพิจารณาโผใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผบ.ตร. เป็นคนยื่นใบลา ตนก็ดูตามที่ ผบ.ตร.ลามา เป็นภารกิจที่รายงานมาว่าจะต้องไปปฏิบัติ เมื่อถามว่า ทำไมไม่รอให้พ.ต.อ.พัชรวาท กลับมาร่วมพิจารณา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มันก็ไม่ทันสิครับ

**กำชับ"วิเชียร"ดูเรื่องวิ่งเต้น

สำหรับเรื่องที่มีการพูดการซื้อขายตำแหน่งนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้บอกรักษาการ ผบ.ตร.ว่ามีการพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่ ฉะนั้นต้องไปดูอย่าให้มี เพราะนอกจากเป็นการทำลายองค์กรแล้วตัวนี้เป็นการสร้างความเดือดร้อนที่สุดให้กับประชาชน หากเจ้าหน้าที่ซื้อขายตำแหน่งกันถามว่าเจ้าหน้าที่จะเอาเงินมาจากไหน ตรงนี้ได้ฝากไปให้ช่วยดูเป็นพิเศษด้วย เมื่อถามว่าจะแก้ปัญหาเด็กฝากนักการเมืองอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากมีไม่ควรจะมีเด็กฝาก ทุกอย่างต้องพิจารณาไปตามความเหมาะสม

ส่วนจะเพิ่มเวลารักษาการ ผบ.ตร.ให้กับ พล.ต.อ.วิเชียรหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้มอบนโยบายเฉพาะช่วงที่ พล.ต.อ.วิเชียร รักษาราชการแทน ขณะนี้คำสั่งอยู่ระหว่างวันที่ 5-14 สิงหาคม

เมื่อถามว่าหากการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เสร็จจะให้ ผบ.ตร. มาสานต่อหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีมีข้อมูลการซื้อขายเก้าอี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้พยายาม ขอให้คนที่พูดถึงเรื่องนี้ว่าทำกันอย่างไร ถึงจะให้มีพยานหลักฐานมาเพื่อที่จะดำเนินการได้

**แซว"ศิริโชค"ชอบฉายภาพอยู่เบื้องหลัง

ต่อข้อถามว่านายศิริโชค โสภา เลขานุการส่วนตัวนายกรัฐมนตรี แจ้งข้อมูล ให้ท่านทราบหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "เพิ่งเจอเมื่อเช้าก่อนเข้าประชุม ครม. เมื่อวันที่ 4 ส.ค.หายตัวไปทั้งวันแต่ไม่ได้คุยเรื่องนี้ ยังไม่มีเวลา มันเดินตรงนั้น มาฉายภาพอยู่ข้างหลังชั่วครู่เอง แต่หากจะสอบถามก็ได้ แต่ไม่รู้ตอนนี้อยู่ไหน ใครพูดก็ต้องรับผิดชอบคำพูด หากมีเอกสารหลักฐานผมยินดี ใครก็ตามไม่ใช่เฉพาะ ส.ส. ทุกอย่างขึ้นกับข้อเท็จจริงและอย่างที่บอกคนพูดต้องรับผิดชอบคำพูด ต้องมาดู ถ้ามีพยานหลักฐานอะไรก็ต้องดำเนินการ" นายอภิสิทธิ์ กล่าวท่ามกลางเสียงหัวเราะสื่อที่ขำขันตรงที่นายอภิสิทธิ์ พูดถึงนายศิริโชค ชอบมาฉายภาพอยู่ข้างหลัง

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ควรจะมีพยานหลักฐานในระดับหนึ่ง ขณะนี้แม้จะมีคำพูด ซึ่งตนคิดว่า หลายคนได้ยินแต่การยืนยันยังไม่มีใครมายืนยัน หากเราตั้งกรรมการทุกเรื่องเพราะมีคนพูดมันก็จะเป็นปัญหาเหมือนกัน แต่ตนจะพยายามสอบถาม เพราะไม่ใช่เฉพาะนายศิริโชคที่พูด หลายคนก็พูด ตนจะพยามขอหากมีข้อมูลอะไรให้ส่งมา เมื่อถามว่า นายศิริโชคอยู่ใกล้ตัวนายกรัฐมนตรีไม่เคยบอกข้อมูลอะไรเลยหรือ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้คุยกันทุกเรื่องหรอก ส่วนใหญ่อยู่ข้างหลัง

ส่วนที่ นายศิริโชค คนใกล้ชิดนายกฯระบุว่ามีตำรวจบางนายหากินกับการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีและมี เงินสะพัดนับพันล้านบาท ได้สอบถามเรื่องนี้แล้วกับหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน และการที่ตนพูดก่อนหน้านี้ ก็ไม่ทำให้นายศิริโชค โกรธหรืองอนตนได้ เพราะคำว่างอนนั้นไม่อยู่ในสารบบของนายศิริโชค เพราะตนเคยเห็นว่า นายศิริโชคโดนหนักๆ ก็ยังไม่เห็นรู้สึก และถือเป็นความสามารถเฉพาะตัว

**ระบุภายในเดือนนี้ได้ตัว ผบ.ตร.

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.วิเชียร มีสิทธิ์ที่จะได้เป็น ผบ.ตร.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องตำแหน่ง ผบ.ตร.จะพิจารณาตามความเหมาะสมใครที่มีคุณสมบัติครบก็มีโอกาสทั้งนั้นในตอนนี้ ซึ่งต้องดูหลายปัจจัยประกอบ เมื่อถามว่าภาพของ ผบ.ตร.คนใหม่ควรจะมีความชัดเจนได้หรือยัง เพราะตัว ผบ.ตร.เองจะเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนกันยายนนี้แล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีกรอบเวลาอยู่แล้ว กำลังจะสรุปเพื่อเดินหน้าต่อ โดยจะมีประชุม กตช.ภายในเดือนนี้ ซึ่งตนเป็นประธานด้วยตนเอง มอบให้ใครทำหน้าที่ไม่ได้ตามกฎหมาย เมื่อถามว่า แสดงว่าภายในเดือนสิงหาคมนี้จะได้ผู้มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช่ครับ

ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยืรรเรื่องให้ กกต.สอบนายกรัฐมนตรีแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาและไม่หนักใจ ตนบริหารราชการก็ยึดหลักกฎหมายทุกอย่าง

**"มาร์ค"ปฏิเสธ"ประวิตร"ไม่พอใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าว พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ไม่พอใจที่ นายกรัฐมนตรีมีปัญหากับ พล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่งเป็นน้องชาย นายอภิสิทธิ์ ไม่มีปัญหาอะไรเพราะคุยกันตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เมื่อถามว่าวันนี้พล.อ.ประวิตร ไม่มาประชุมครม.อาจเพราะไม่พอใจ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ใช่ วันนี้เป็นวันครบรอบวันก่อตั้งโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เมื่อถามว่าเรื่องนี้บางฝ่ายมองว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบคำถามนี้

นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่ารัฐบาลกับกองทัพบังมีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่ ไม่มีปัญหาเลย มีอะไรก็คุยกัน เมื่อถามว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ลาราชการไปต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 5-14 ส.ค. ในวันที่ 15 ส.ค. พล.ต.อ.พัชรวาท จะอยู่ในฐานะอะไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กลับมาก็ทำงานไม่มีอะไร เมื่อวันที่4 ส.ค.ตนยังโทรศัพท์คุยกับผบ.ตร.อยู่เลย

**"เทพเทือก"ลั่นโผย้าย ตร.จบแล้ว

ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ปฏิเสธที่จะตอบคำถามที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าโผโยกย้ายนายตำรวจจะแล้วเสร็จภายใน สิ้นเดือนนี้ โดยระบุว่า เรื่องโผโยกย้ายนายตำรวจได้จบแล้ว จะไม่ขอพูดเรื่องนี้อีก เพราะเป็นเรื่องของที่ประชุม ก.ตร. เมื่อถามย้ำว่าการประชุม ก.ตร.ในวันที่7 ส.ค.นี้จะมีวาระเรื่องโผโยกย้ายนายตำรวจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เอาไว้คุยกันในที่ประชุม ยังไม่อยากพูดตอนนี้

ด้าน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาการ ผบ.ตร.ซึ่งเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมประชุมหน่วยราชการต่างๆ ในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 77 พรรษา 12 สิงหาคม ซึ่งมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประธาน กล่าวว่า เรื่องโผโยกย้าย นายตำรวจ ยังไม่ได้มีการหารือกับ นายสุเทพ เพราะตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ส่วนจะมีนำเรื่องนี้มาหารือในที่ประชุม ก.ตร.หรือไม่ขึ้นอยู่กับ นายสุเทพ ในฐานะประธาน ก.ตร. เมื่อถามว่า การเข้ามารับตำแหน่งรักษาการผบ.ตร.ท่ามกลางปัญหาจะเป็นการกดดันการทำงานหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ตนเข้ามาทำงานตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย เมื่อถามว่า โผการโยกย้ายนายตำรวจมีการตั้งข้อสังเกตเรื่อง การเรียกรับผลประโยชน์ จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด เพิ่งเข้ามาทำงาน ยืนยันว่าจะปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย

**"วิเชียร"หารือ"สุเทพ"ประชุม ก.ตร.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากประชุมเสร็จ พล.อ.วิเชียร ได้เดินขึ้นไปพบ นายสุเทพ ที่ห้องทำงานตึกบัญชาการใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีพล.ต.อ.วิเชียรก็เดินกลับลงมาโดยไม่ให้สัมภาษณ์แตอย่างใด คาดว่าจะหารือถึงวาระการประชุม ก.ตร.ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้

ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ยังไม่ได้คุยหรือพิจารณากันถึงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระหว่างรักษาราชการแทน ผบ.ตร. สำหรับตำแหน่งนายพล 152 คน ที่ได้รับการแต่งตั้งไปแล้วนั้นถ้าจะเอากลับมาพิจารณาก็ต้องเป็นหน้าที่ของ ก.ตร. และในวันศุกร์ที่ 7 ส.ค.นี้จะมีการประชุม ก.ตร.แต่ตนเองยังไม่ทราบว่ามีวาระสำคัญอะไรบ้างเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งมาให้ทราบ ขอทำงานก่อน

ส่วนที่นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงเรื่องการซื้อขายตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ก็เป็นห่วงแต่เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไร นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังย้ำเรื่องการทำงานให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย แม้ตัวเองจะได้รับผลกระทบแต่เมื่ออาสามาทำหน้าที่ก็ต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุดในการรักษาความสงบเรียบร้อย

"ผมได้คุยกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ก่อนที่ท่านจะเดินทางไปจีน ท่านก็บอกว่าดีแล้วที่ผมมารักษาราชการแทน ก็ให้ดูแลทำงานในหน้าที่ให้งานตำรวจขับเคลื่อนไปได้ ท่านก็พูดแค่นี้และทราบว่าท่านจะกลับมาในวันที่ 10 ส.ค.หากกลับมาแล้วท่านไปรายงานตัวกับนายกฯ พล.ต.อ.พัชรวาท ก็กลับมาปฏิบัติราชการตามปกติ ผมก็ไม่มีอะไรรักษาการเพียงไม่กี่วันเท่านั้น"

ผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวจะโดนฟ้องเรื่องอาวุโสหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ตนเองทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา คงไม่มีปัญหาอะไร ใครจะฟ้องก็พร้อมต่อสู้เพราะทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา เมื่อถามว่าหาก พล.ต.อ.พัชรวาท ลาพักยาวพร้อมจะทำหน้าที่หรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ถ้าถึงเวลานั้นก็พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่

**"สุเทพ"นัด ก.ตร.ถกโผศุกร์นี้

วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธาน ก.ตร. มีหนังสือเชิญ ประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 9/2552 ในวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม เวลา 12.00 น.ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.โดยมีวาระสำคัญดังนี้

ในวาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อพิจารณา เรื่องที่ 1 ขอรับความเห็นชอบกำหนด ผู้แทน ก.ตร.ในคณะกรรมการกำหนดเป้าหมาย และนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เรื่องที่ 2 การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ โดยมีวงเล็บในวาระการประชุมด้วยว่า เอกสารจะนำเสนอภายหลัง ขณะที่วาระที่ 4 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 5 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส กล่าวหาข้าราชการตำรวจ รวม 3 ราย กระทำผิดวินัย โดยในรายงานการประชุมระบุ

อย่างไรก็ตามจากการสอบถาม ก.ตร.หลายคนยังไม่มีผู้ใดทราบชัดเจนว่า วาระการแต่งตั้งโยกย้ายที่ระบุในวาระประชุม ก.ตร.ครั้งนี้ แท้จริงแล้วเป็นการแต่งตั้งตำแหน่งใดกันแน่ ซึ่งขณะนี้การแต่งตั้งนายพลตำรวจตำแหน่งระดับผู้บัญชาการ ถึงผู้บังคับการ ซึ่งในวาระการปรับโครงสร้างใหม่ 152 ตำแหน่ง ที่ ก.ตร.อนุมัติไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะต้องระงับให้สิ้นสภาพแล้ว แต่งตั้งใหม่ หรือให้บัญชีรายชื่อทั้ง 152 ตำแหน่งมีผลตามกำหนดเวลาเดิม ตามที่ ตร.วางแผนจะให้มีผลพร้อมการประกาศพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2552 หรือโครงสร้างใหม่ ลงในราชกิจจานุเบกษา มีผลวันที่ 16 สิงหาคม หรืออาจจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายทดแทน สับเปลี่ยนในตำแหน่งอื่น เนื่องจากขณะนี้ยังมีตำแหน่ง ที่ปรึกษา (สบ10) ว่างอยู่ 1 ตำแหน่ง หลังจาก พล.ต.อ.วันชัย ศรีนวลนัด ลาออกไปเป็นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวเป็นตำแหน่งเทียบเท่ารอง ผบ.ตร.ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจมีการโยกย้ายสับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสม

**สั่ง 3 หน่วยหาข้อสรุปโผ 152 นายพล

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า นายสุเทพ ได้สั่งให้รวบรวมความเห็น ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจใหม่ ตามโครงสร้างใหม่ของตำรวจ โดยที่ปรึกษาด้านกฎหมายของรัฐบาลให้ความเห็นว่า การแต่งตั้งนายตำรวจก่อนที่ พ.ร.ฎ. แบ่งส่วนราชการตำรวจ พ.ศ. 2552 จะมีผลใช้บังคับ ไม่น่าจะทำได้ เนื่องจากยังไม่มีโครงสร้างและตำแหน่งรองรับ แต่โดยหลักในทางบริหารสามารถดำเนินการเป็นการภายในเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในช่วง เปลี่ยนผ่าน ด้วยการจัดเตรียมบุคลากรเอาไว้ก่อน แล้วค่อยนำเข้าสู่การพิจารณาของ ก.ตร. หลังมีการประกาศพ.ร.ฎ. แบ่งส่วนราชการประกาศในราชกิจจานุเบกษา

รายงานข่าวแจ้งว่า มีความพยายามในการนัด 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สตช. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) เพื่อหาทางออกในเรื่องดังกล่าวร่วมกันแล้ว ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ น่าจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ 1. การแต่งตั้งนายตำรวจ เข้าดำรงตำแหน่งที่ว่างลงจากการเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งสามารถ เตรียมการล่วงหน้าได้ เพราะถือว่ามีตำแหน่งรองรับชัดเจน 2. การแต่งตั้งนายตำรวจ ลงตำแหน่งที่รอกำหนดใหม่ ไม่น่าสามารถดำเนินการใดๆ ได้

**กฤษฎีกาชี้รื้อโผ 152 นายพลได้

คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีที่ นายสุเทพ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ สตช.ไปหารือเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับนายพลตามโครงสร้างใหม่ ที่ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) แต่งตั้งไปแล้ว 152 นายก่อนกฎหมายปรับโครงสร้างตำรวจฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ว่า ยังไม่ทราบเรื่อง ส่วนจะแต่งตั้งก่อนกฎหมายมีผลบังคับได้หรือไม่นั้น ตนขอดูข้อเท็จจริงก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า รักษาการ ผบ.ตร.มีอำนาจในการแต่งตั้งหรือไม่ คุณพรทิพย์ กล่าวว่า การแต่งตั้งเป็นอำนาจของ ก.ตร. โดยผบ.ตร.เป็นคนลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง อย่างไรก็ตามผู้รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ทำหน้าที่และลงนามแทนผบ.ตร.ได้ทั้งหมด

ส่วนที่ ที่ก.ตร.มีมติแต่งตั้งนายพลไปแล้ว สามารถรื้อกลับมาทบทวนใหม่ ได้หรือไม่ คุณพรทิพย์ กล่าวว่า มติ ก.ตร.ที่ยังไม่ถึงที่สุดก็อาจจะทบทวนได้ และมติ ก.ตร.ที่ยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ก็ถือว่ายังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งก็สามารถ ทบทวนได้ตลอด ส่วนถ้า 152 นายพลที่ได้รับการแต่งตั้งไป จะฟ้องกลับ ก.ตร. ต่อศาลปกครองนั้น ก็ต้องไปดูว่ามีเหตุให้ทบทวนโดยชอบหรือไม่ และต้องดูว่ามีเหตุ มีผลหรือไม่ที่จะทบทวน ถ้าไม่มีเหตุผลก็ต้องไปศาลปกครอง 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มติครม.ปี 43 ซึ่งห้ามผู้บังคับบัญชาที่จะเกษียณแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการภายใน 60 วัน จะนำมาใช้กับตำรวจได้หรือไม่ คุณพรทิพย์ กล่าวว่า ตำรวจก็ถือเป็นข้าราชการประเภทหนึ่ง หากมติครม.พูดถึงข้าราชการก็ต้องใช้กับข้าราชการทั่วไป

**"คำนูณ"จี้นายกฯ ปูมหลัง"วิเชียร"

นายคำนูณ สิทธิสมาน ในฐานะเลขาณุการคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา กล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาราชการในตำแหน่ง ผบ.ตร. ในช่วงที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ลาไปราชการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 4-14 สิงหาคมนี้นั้น ตนเพิ่งได้รับทราบข้อมูลบางประการเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของ พล.ต.อ.วิเชียร ในขณะที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ ในช่วงปี 2549 โดยในหนังสือของผู้บัญชาการสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ ลงวันที่ 27 กันยายน 2549 นั้น มีข้อมูลบางประการที่น่าตั้งคำถามว่า หากหนังสือฉบับดังกล่าวยังมีผลบังคับใช้อยู่ จะมีปัญหาในการที่ พล.ต.อ.วิเชียรจะปฏิบัติราชการในฐานะรักษาราชการ ผบ.ตร.หรือไม่

นายคำนูณ กล่าวว่า อยากให้นายกรัฐมนตรี ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ให้ละเอียดถึงที่มาที่ไป และสถานภาพของเรื่องดังกล่าวในปัจจุบัน และแถลงให้ประชาชนรับทราบ เพื่อที่จะได้เกิดความสบายใจว่า พล.ต.อ.วิเชียร มีความเหมาะสมจริงดังที่นายกรัฐมนตรีแถลง เชื่อว่าขณะนี้นายกรัฐมนตรี น่าจะได้รับทราบหนังสือของผู้บัญชาการสำนักงานนายตำรวจราชสำนัก ฉบับดังกล่าวแล้ว จึงขอให้ตรวจสอบ ข้อเท็จจริงโดยเร็ว และแถลงให้ประชาชนคลายกังวลต่อไป

**นายกฯ แทรกแซงโยกย้าย ตร.ไม่ผิด

นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวว่า กกต.รับทราบ กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ได้ทำหนังสือร้องเรียนเพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าแทรกแซงข้าราชการ กรณีให ผบ.ตร.หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ในชั้นสำนักกฎหมายและคดี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าคำร้องดังกล่าวเข้าข่ายอำนาจที่ กกต.จะตรวจสอบได้หรือไม่

"เรื่องนี้ต้องพิจารณา เพราะอย่างนายกรัฐมนตรีก็ถือเป็นหัวหน้ารัฐบาล และไม่ใช่ว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีแล้วจะไปดูแลเรื่องในกระทรวงที่ตัวเองรับผิดชอบไม่ได้   หากจะแทรกแซงคือเข้าไปแทรกแซงในส่วนที่ตัวเองไม่มีหน้าที่จึงจะเข้าในข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตามกรณีนี้ต้องไปดูว่าคำร้องเป็นประเด็นอะไร และ กกต.จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการไต่สวนหรือไม่"

**ป.ป.ช.ยันคดี 7 ตุลาฯ จบกลางเดือนนี้

นายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปรามปราบการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนการไต่สวนคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สลายการชุมนุม กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. กล่าวว่า ป.ป.ช.ได้แจ้งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มวันนี้ (5 ส.ค.)แต่คาดว่าติดภารกิจที่ต้องไปประเทศจีน ทางป.ป.ช.จำ เป็นต้องส่งจดหมาย เป็นลายลักษณ์อักษรที่บ้านเพื่อแจ้งให้รับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าว ซึ่งทางพล.ต.อ.พัชรวาทคงจะส่งจดหมายชี้แจงกลับมาเป็นลายลักษณ์ก็ได้ ซึ่งทางป.ป.ช.จะนำคำชี้แจงดังกล่าวไปประกอบสำนวนว่ามีความสมบูรณ์หรือไม่ เพื่อที่จะนำเข้าที่ประชุมใหญ่ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาชี้มูลความผิด ซึ่งตนและนายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป.ป.ช.ก็ คาดการณ์ว่า จะไม่มีการเลื่อนคดี 7ตุลา เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่และสามารถชี้มูลความผิดได้ภายในกลางเดือนสิงหาคม

ทั้งนี้ในส่วนของ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา และพล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. ซึ่งหลังจากที่ได้เดินทางมารับ ทราบข้อกล่าวหาคดี ในความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง หลังจากถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนั้นหลังจากนี้ก็สามารถที่จะเขียนข้อชี้แจงเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษรเข้ามาชี้แจงเพิ่ม ก็สามารถทำได้ .
กำลังโหลดความคิดเห็น