ASTVผู้จัดการรายวัน - "จ่าปัญญา" ผู้ต้องหายิง "สนธิ" ส่งทนายฟ้อง "ธานี" อ้างกลั่นแกล้งให้รับโทษอาญา ระบุวันเกิดเหตุไปทอดผ้าป่า ที่ จ.ตราด "เชษฐา" เป็นประธาน “อัศวิน” ถามใครไปทอดผ้าป่าตอนตี 4 แนะมอบตัวสู้คดี ผิดถูกให้ศาลตัดสิน ชี้ปกติที่ผู้ต้องหาอ้างแหล่งที่อยู่เอาตัวรอด "สุริยะใส" สงสัยผู้ใหญ่หนุนหลังฟ้อง หวังยื้อคดี
วานนี้( 3 ส.ค.)เวลา 10.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี มอบอำนาจให้นายบัญญัติ จิตรเย็น ทนายความ ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.และ พ.ต.อ.วิชาญวัชร์ บริรักษ์กุล พนักงานสอบสวน บช.น.เป็นจำเลยในความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และกระทำการอันมิชอบเพื่อจะกลั่นแกล้งบุคคลให้รับโทษทางอาญาโดยไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ,200
โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 17 เม.ย.52 เวลา 05.45 น.ได้มีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล กับพวกได้รับบาดเจ็บที่ ถนนสามเสน แขวงสามพระยา เขตพระนคร กทม. ต่อมา พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผช.ผบ.ตร.ได้ขออนุมัติ สตช.ตั้งคณะทำงานสืบสวนคดี จนกระทั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.และคณะรวม 10 นาย มีอำนาจควบคุมดูแล สืบสวนสอบสวน ต่อมาวันที่ 22 เม.ย. – 13 ก.ค.52 จำเลยทั้งสอง ได้ร่วมกับพวกตำรวจที่แต่งตั้งโดยคำสั่งดังกล่าว ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความชอบธรรม กลับกลั่นแกล้งกล่าวหาว่าโจทก์เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ลอบยิงนายสนธิ และกล่าวหาว่าโจทก์ได้กระทำผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุน พกพาไปในเมือง ยิงปืนในที่สาธารณะ เป็นซ่องโจร และพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทั้งที่เป็นความเท็จ
**อ้างไปทอดผ้าป่า"เชษฐา"ประธาน
การสืบสวนสอบสวนโดยคณะทำงานของจำเลยดังกล่าว เป็นการยืนยันความผิดทั้งที่ไม่ถูกต้อง ความจริงในวันเกิดเหตุโจทก์เป็นคณะกรรมการเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีที่วัดดินแดง อ.เขาสมิง จ.ตราด โดยโจทก์เป็นหลักฐานพยานมายืนยันต่อศาลในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง การสืบสวนสอบสวนโดยมิชอบดังกล่าวทำให้โจทก์เสียหายต้องถูกออกจากราชการ ครอบครัวเดือดร้อนเสื่อมเสียชื่อเสียงทั้งนี้โจทก์ถูกศาลอาญาออกหมายจับโจทก์จะขอมอบตัวก็ต่อเมื่อเห็นว่ามีความปลอดภัย โดยจะขอมอบตัวก่อนวันไต่สวนมูลฟ้องของศาล โดยศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2673 / 2552 และนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 5 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ภายหลัง นายบัญญัติ จิตรเย็น ทนายความกล่าวว่า จ.ส.อ.ปัญญา ได้ติดต่อตนผ่านญาติขอให้มาช่วยเป็นทนายความ โดยตนได้พบกับโจทก์ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านประชาชื่น และยืนยันว่าจะขอมอบตัวพนักงานสอบสวนแน่นอนก่อนวันไต่สวนมูลฟ้อง นอกจากนี้ จ.ส.อ.ปัญญา ยังได้ยืนยันว่าวันก่อนเกิดเหตุลอบยิงนายสนธิ ได้เป็นกรรมการงานทอดผ้าป่า ที่มี พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร เป็นประธาน ส่วนสาเหตุที่ไม่เข้ามอบมอบตัวก็เพราะกลัวปัญหาเรื่องความไม่ปลอดภัย และเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตำรวจ ทั้งนี้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องจะนำพยานเข้าเบิกความ 3-4 ปาก มี จ.ส.อ.ปัญญา กับนายทหารที่อยู่ในวันทำบุญ มีภาพถ่าย แผ่นวีซีดี เป็นหลักฐาน มาประกอบการพิจารณาด้วย
**"อัศวิน"แนะมอบตัวสู้คดี
ต่อมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีที่ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่านายสนธิ ลิ้มทองกุล ฟ้องพนักงานสอบสวนในคดีว่า เขาคงฟ้องพนักงานสอบสวนซึ่ง มี พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. และ พ.ต.อ.วิชาญ บริรักษ์กุล รอง ผบก.น.1 ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ซึ่งเป็นสิทธิที่เขาจะทำได้ แต่สังคมจะเชื่อหรือไม่เป็นอีกส่วนหนึ่ง ศาลท่านก็คงจะพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับ อยากฝากบอกเขาผ่านสื่อมวลชนว่าให้เขาเข้ามอบตัวหาทางต่อสู้คดี เป็นนักมวยต้องขึ้นเวทีชกต้องสู้ด้วยตัวเองไม่ใช่เต้นอยู่นอกเวที
ผู้สื่อข่าวถามว่า เชื่อมั่นในหลักฐานที่มีอยู่จะเอาผิดผู้ต้องหาได้หรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ผู้ต้องหาในคดีให้ศาลเป็นผู้พิจารณาชี้ดีกว่าว่าผิดหรือไม่ผิด ให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน ผู้ต้องหาโดยธรรมชาติก็ต้องอ้างแหล่งที่อยู่เพื่อที่จะเอาตัวรอดหาหลักฐานอ้างอยู่ตรงนั้นตรงนี้ เราไม่ว่ากัน ไม่ตำหนิติเตียน เป็นธรรมชาติของการต่อสู้คดีฝ่ายหนึ่งว่าผิดอีกฝ่ายว่าไม่ผิด แต่ยืนยันว่าจะจับกุมเพราะเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ การที่เขาอ้างถิ่นที่อยู่ว่าไปทอดกฐินหรือผ้าป่า ก็เชื่อว่าไม่มีใครทอดกฐินผ้าป่าตอนตี 4
**ยันหลักฐานชัดศาลออกหมายจับ
ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า พยานหลักฐานที่มีเพียงพอที่ออกหมายจับได้ เมื่อศาลกรุณาออกหมายจับก็เชื่อว่าเขาผิดจริง ซึ่งตนเอาตัวเองรับประกันได้ แต่เมื่อขึ้นถึงชั้นศาลแล้วคดีจะถูกยกฟ้องหรือไม่ตรงนั้นไม่มีใครตอบได้ว่าผู้ต้องหาจะหลุดคดีหรือจะติดคุกเพราะอยู่ในดุลพินิจของศาล กระบวนการยุติธรรมไม่ได้อยู่ที่ตำรวจอย่างเดียวต้องส่งไปอัยการซึ่งอาจมีความเห็นต่างจากตำรวจก็ได้ เมื่อขึ้นถึงศาลก็อยู่ในดุลยพินิจของศาล
เมื่อถามว่าคิดว่ามีใครหนุนหลังให้ผู้ต้องหาออกมาฟ้องร้องหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบรายละเอียด คงเป็นการหารือกับทนายความ แต่อยากให้ข้อสังเกตุถ้าเขาคิดว่าการฟ้อง พล.ต.อ.ธานี และ พ.ต.อ.วิชาญ ในฐานะพนักงานสอบสวน ขอเรียนว่าพนักงานสอบสวนไม่สามารถที่จะออกหมายจับเองได้ ต้องรวบรวมพยานหลักฐานไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล วัตถุหรือพยานเอกสารนำเสนอต่อศาลเพื่อยื่นขออนุมัติออกหมายจับ ซึ่งศาลเป็นผู้พิจารณาว่าหลักฐานเพียงพอที่จะออกหมายจับหรือไม่ ในเมื่อศาลอนุมัติหลักฐานก็คงพอ ต้นสังกัดก็คงสืบสวนพอสมควรเช่นเดียวกันถึงให้ออกจากราชการไว้ก่อน
**ผบ.ตร.อยู่หรือไปไม่มีผลคดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.ธานี เหมือนกำหนดชัดเจนว่าให้คดีเสร็จก่อนเกษียณอายุราชการ แต่นายกรัฐมนตรีบอกว่าไม่อยากให้มีการกำหนดกรอบเวลา พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า นายกฯ พูดถูกต้อง ว่าไม่ได้กำหนดให้ทำคดีเสร็จเมื่อไหร่ แต่ พล.ต.อ.ธานี อยากทำให้เสร็จก่อนเกษียน พนักงานสอบสวนก็จะเร่งทำให้เร็วที่สุด ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือกำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ต้องขอเวลาอีกสักระยะหนึ่งซึ่งผู้ต้องหาที่เตรียมจะออกหมายจับจะมากหรือน้อยกว่าสามคนก็ได้ ตอนนี้ยังไม่ได้ขออนุมัติหมายจับไปยังศาลเพราะหลักฐานยังไม่เพียงพอ ถ้าจะขอต้องมั่นใจว่าได้หมายจับร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่แน่ใจเราก็ยังไม่ขอ
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่อง ผบ.ตร.จะอยู่หรือจะไปนั้นสำหรับตนเองนั้นมีค่าเท่ากัน ผบ.ตร.อยู่ตนเองก็ทำคดี ผบ.ตร.ไม่อยู่ตนเองก็ทำคดี อยากจะบอกว่า ผบ.ตร.ไม่เป็นปัญหาในการทำคดีว่าได้หรือไม่ได้ ท่านอยู่ก็ทำได้ ไม่อยู่ก็ทำได้ ไม่มีปัญหาอุปสรรคอะไรสำหรับผม ส่วนใครคิดว่าเป็นอุปสรรคก็ไปถามคนนั้น ท่านก็เคยเรียกไปให้เงินเพื่อทำการสืบสวนสอบสวน สอบถามว่าเงินที่ไปทำการสืบสวนสอบสวนพอหรือเปล่าไม่เคยมีปัญหา ขอให้ใจเย็นขอเวลาให้ทำงานก่อน ขณะนี้อยากได้ตัวผู้ลงมือที่นั่งรถกระบะ 2 คันมาก่อน ยังไม่ก้าวล่วงไปถึงผู้เกี่ยวข้องส่วนอื่น เพราะตัวผู้ปฏิบัติหรือลงมือยังจับตัวไม่ได้ตัวเลยจะจับผู้จ้างวานหรือผู้เกี่ยวข้องอื่นคงไม่ได้ เป็นหลักของกฎหมายเลย
**"สุริยะใส"เชื่อฟ้องยื้อคดี
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) กล่าวว่า การที่ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา มอบหมายให้ทนายฟ้องพนักงานสอบสวนในคดี ว่าน่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง อาจจะเป็นแผนยื้อเวลาของทีมสืบสวนสอบสวน เพื่อให้คดีล่าช้าออกไป และรอให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ เกษียณอายุราชการไปในที่สุด ซึ่งอาจจะกระทบต่อทีมสืบสวนสอบสวนเพราะหากมีผู้รับผิดชอบคนใหม่มาแทนก็อาจจะเริ่มต้นกันใหม่จนเงียบหายไปเหมือนคดีคาร์บ๊องค์ก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้ก็เป็นเรื่องแปลกที่ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาอีกคน ทำจดหมายถึง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นเรื่องไม่ปกติ เพราะถ้าผู้ต้องหาทั้ง 2 บริสุทธิ์ใจจริง น่าจะเข้ามอบตัวเพื่อต่อสู้คดี
เชื่อว่า การเคลื่อนไหวทั้ง 2 กรณี ของ 2 ผู้ต้องหาครั้งนี้น่าจะมีผู้ใหญ่หนุนหลังอีกทีหนึ่ง โดยเฉพาะกรณีจ่าปัญญา ถ้าเห็นว่าการถูกปลดออกจากราชการทหารเป็นความไม่ชอบธรรมก็น่าจะฟ้องหรือร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปที่ผู้บังคับบัญชาที่ตัวเองสังกัดด้วย แต่นี่กลับฟ้องมาที่พนักงานสอบสวนหรือตำรวจอย่างเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ
ก่อนหน้านี้ผู้บังคับบัญชาของผู้ต้องหาทั้ง 2 ก็เคยบอกว่าจะนำตัวมามอบให้กับพนักงานสอบสวน แต่จนป่านนี้เรื่องก็เงียบหายไป และการไล่ออกจากราชการก็อาจจะเป็นแผนตัดตอนให้เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้ต้องหาไป.