ASTVผู้จัดการรายวัน – คลังเตรียมเดินหน้าออกพันธบัตรไทยเข้มแข็งล็อตใหม่หลังเปิดสำรวจความต้องการผ่าน www.tkk2555.com ยอดคนลงทะเบียนแจ้งความต้องการวันละกว่า 300 ราย วงเงินเฉลี่ยอยู่ที่รายละ 1.17 ล้าน พร้อมพัฒนาระบบติดตามการใช้เงินรายจังหวัดผ่านเวบไซต์ สบน.เตรียมออกพันธบัตรขายสถาบันวงเงิน 1.9 หมื่นล้าน 3 ปี ดอกเบี้ย 3.0%
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังได้จัดทำเวบไทยเข้มแข็ง www.tkk2555.com เพื่อสำรวจความต้องการของประชาชนว่ามีความต้องการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์อีกมากเท่าไร โดยตั้งแต่เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนแสดงความจำนงผ่านเวบไซต์และสายด่วนไทยเข้มแข็ง 1689 นั้นมีผู้สนใจเข้ามาลงทะเบียนกว่าวันละ 300 ราย จนถึงปัจจุบันยอดอยู่ที่ประมาณ 3 พันรายทั้งการลงทะเบียนผ่านทางเวบไซต์และสายด่วนไทยเข้มแข็ง
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ประชาชนลงทะเบียนทั้ง 2 ช่องทางดังกล่าวพบว่ามีความต้องการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งอยู่อีกมากโดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณรายละ 1.17 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังเตรียมนำข้อมูลนี้รวบรวมเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อเตรียมเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งให้กับประชาชนต่อไป และในอนาคตจะขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายให้สำรวจความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย
“ตอนนี้ยอดคนเข้าดูเวบไซต์และโทรผ่านสายด่วนไทยเข้มแข็งอาจยังดูไม่มากเนื่องจากกระทรวงการคลังยังไม่ได้ทำการประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการนัก และจะทำการปรับปรุงเวบไซต์และสายด่วนไทยเข้มแข็งเพื่อให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาสอบถามรายละเอียดต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสภาพคล่องในระบบยังมีอีกมากและดอกเบี้ยเงินฝากที่ประชาชนได้รับก็อยู่ในระดับที่ต่ำเกินไปจึงต้องการสร้างทางเลือกที่เหมาะสมอีกช่องทางหนึ่งให้กับประชาชนในช่วงนี้”
***พัฒนาระบบติดตามงบรายจังหวัด
รายงานข่าวระบุว่านายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังได้สั่งการให้ทีมงานพัฒนาระบบตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากโครงการไทยเข้มแข็งเพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการแบบละเอียดทุกโครงการเป็นรายจังหวัดเพื่อให้ประชาชนที่ซื้อพันธบัตรไทยเข้มแข็งไปนั้นทราบว่าเงินที่พวกเขาให้รัฐบาลกู้ยืมไปทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นมีการใช้จ่ายเกิดขึ้นจริงและในแต่ละจังหวัดมีการใช้จ่ายในโครงการใดบ้าง
“ระบบติดตามความคืบหน้าของโครงการที่จะพัฒนาขึ้นมานี้ถือว่ามีประโยชน์มากเพราะจะเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้ประชาชนที่ซื้อพันธบัตรไทยเข้มแข็งไปรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในการกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่าเงินที่ซื้อพันธบัตรไปนั้นช่วยพัฒนาประเทศและท้องถิ่นของตัวเองโดยตรงและเกิดความภาคภูมิใจในการมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ครั้งนี้ อีกทั้งยังเป็นการเปิดช่องทางการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินที่โปร่งใสของภาครัฐโดยตรงจากประชาชนเป็นครั้งแรกด้วย”
***สบน.ลุยออกเพิ่มอีก 1.9 หมื่นล.
ด้านนายจักรกฤษฎิ์ พาราพันธกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า เงินกู้จากการออกพันธบัตรไทยเข้มแข็งทั้ง 8 หมื่นล้านบาทที่ออกไปรอบที่แล้วได้โอนเข้าไปเป็นเงินคงคลังทั้งหมดแล้ว ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างเตรียมแผนออกพันธบัตรไทยเข้มแข็งล็อตใหม่โดยจะวางระยะเวลาที่เหมาะสมกับการเบิกจ่ายเงิน เนื่องจากในระยะนี้โครงการต่างๆ ในแผนไทยเข้มแข็งอยู่ระหว่างขั้นตอนการประมูลและเมื่อใกล้ถึงเวลาเบิกจ่ายจริง สบน.ก็จะเตรียมแผนการกู้เงินที่เหมาะสมต่อไป
โดยในระยะใกล้นี้ สบน.เตรียมเปิดประมูลพันธบัตรรอบใหม่ จำนวน 1.9 หมื่นล้านบาท ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาทและต้นเดือนกันยายนอีกประมาณ 8 พันล้านบาท เป็นการขายให้กับนักลงทุนประเภทสถาบัน อายุพันธบัตรประมาณ 5 ปี เช่นเดียวกันกับพันธบัตรไทยเข้มแข็ง อัตราดอกเบี้ยที่ 3.0% สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาดเล็กน้อยโดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยบอนด์ 5 ปีในตลาดอยู่ที่ 2.9%
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังได้จัดทำเวบไทยเข้มแข็ง www.tkk2555.com เพื่อสำรวจความต้องการของประชาชนว่ามีความต้องการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์อีกมากเท่าไร โดยตั้งแต่เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนแสดงความจำนงผ่านเวบไซต์และสายด่วนไทยเข้มแข็ง 1689 นั้นมีผู้สนใจเข้ามาลงทะเบียนกว่าวันละ 300 ราย จนถึงปัจจุบันยอดอยู่ที่ประมาณ 3 พันรายทั้งการลงทะเบียนผ่านทางเวบไซต์และสายด่วนไทยเข้มแข็ง
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ประชาชนลงทะเบียนทั้ง 2 ช่องทางดังกล่าวพบว่ามีความต้องการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งอยู่อีกมากโดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณรายละ 1.17 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังเตรียมนำข้อมูลนี้รวบรวมเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อเตรียมเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งให้กับประชาชนต่อไป และในอนาคตจะขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายให้สำรวจความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย
“ตอนนี้ยอดคนเข้าดูเวบไซต์และโทรผ่านสายด่วนไทยเข้มแข็งอาจยังดูไม่มากเนื่องจากกระทรวงการคลังยังไม่ได้ทำการประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการนัก และจะทำการปรับปรุงเวบไซต์และสายด่วนไทยเข้มแข็งเพื่อให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาสอบถามรายละเอียดต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสภาพคล่องในระบบยังมีอีกมากและดอกเบี้ยเงินฝากที่ประชาชนได้รับก็อยู่ในระดับที่ต่ำเกินไปจึงต้องการสร้างทางเลือกที่เหมาะสมอีกช่องทางหนึ่งให้กับประชาชนในช่วงนี้”
***พัฒนาระบบติดตามงบรายจังหวัด
รายงานข่าวระบุว่านายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังได้สั่งการให้ทีมงานพัฒนาระบบตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากโครงการไทยเข้มแข็งเพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการแบบละเอียดทุกโครงการเป็นรายจังหวัดเพื่อให้ประชาชนที่ซื้อพันธบัตรไทยเข้มแข็งไปนั้นทราบว่าเงินที่พวกเขาให้รัฐบาลกู้ยืมไปทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นมีการใช้จ่ายเกิดขึ้นจริงและในแต่ละจังหวัดมีการใช้จ่ายในโครงการใดบ้าง
“ระบบติดตามความคืบหน้าของโครงการที่จะพัฒนาขึ้นมานี้ถือว่ามีประโยชน์มากเพราะจะเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้ประชาชนที่ซื้อพันธบัตรไทยเข้มแข็งไปรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในการกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่าเงินที่ซื้อพันธบัตรไปนั้นช่วยพัฒนาประเทศและท้องถิ่นของตัวเองโดยตรงและเกิดความภาคภูมิใจในการมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ครั้งนี้ อีกทั้งยังเป็นการเปิดช่องทางการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินที่โปร่งใสของภาครัฐโดยตรงจากประชาชนเป็นครั้งแรกด้วย”
***สบน.ลุยออกเพิ่มอีก 1.9 หมื่นล.
ด้านนายจักรกฤษฎิ์ พาราพันธกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า เงินกู้จากการออกพันธบัตรไทยเข้มแข็งทั้ง 8 หมื่นล้านบาทที่ออกไปรอบที่แล้วได้โอนเข้าไปเป็นเงินคงคลังทั้งหมดแล้ว ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างเตรียมแผนออกพันธบัตรไทยเข้มแข็งล็อตใหม่โดยจะวางระยะเวลาที่เหมาะสมกับการเบิกจ่ายเงิน เนื่องจากในระยะนี้โครงการต่างๆ ในแผนไทยเข้มแข็งอยู่ระหว่างขั้นตอนการประมูลและเมื่อใกล้ถึงเวลาเบิกจ่ายจริง สบน.ก็จะเตรียมแผนการกู้เงินที่เหมาะสมต่อไป
โดยในระยะใกล้นี้ สบน.เตรียมเปิดประมูลพันธบัตรรอบใหม่ จำนวน 1.9 หมื่นล้านบาท ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาทและต้นเดือนกันยายนอีกประมาณ 8 พันล้านบาท เป็นการขายให้กับนักลงทุนประเภทสถาบัน อายุพันธบัตรประมาณ 5 ปี เช่นเดียวกันกับพันธบัตรไทยเข้มแข็ง อัตราดอกเบี้ยที่ 3.0% สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาดเล็กน้อยโดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยบอนด์ 5 ปีในตลาดอยู่ที่ 2.9%
