ASTV ผู้จัดการรายวัน-สนข.ปรับข้อมูลโครงการเช่าเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันใหม่ เพิ่มจำนวนเส้นทางเดินรถ พร้อมปรับประมาณการจำนวนผู้โดยสารใหม่ คาดเสนอสศช. พิจารณาได้ภายในกลางเดือนส.ค.นี้
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการศึกษาและรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม โครงการเช่าและซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นเชื้อเพลิง หรือโครงการเช่ารถโดยสารเอ็นจีวี 4,000 คัน เป็นเวลา 10 ปี ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)ว่า จะจัดส่งข้อมูลทั้งหมดตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ต้องการเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาได้ภายในกลางเดือนส.ค. 2552 นี้
ทั้งนี้ ข้อมูลที่สนข. ศึกษาเพิ่มเติม เช่น เส้นทางเดินรถปรับจากเดิม 145 เส้นทางเป็น 153-155 เส้นทาง โดยปัจจัยในการพิจารณา คือ ต้องปรับลดระยะทางให้สั้นลง ปรับลดการซ้ำซ้อนในการให้บริการเดินรถ และวางโครงข่ายให้ครอบคลุมเส้นทางใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางปกติและเส้นทางด่วนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในการศึกษานั้นได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก. อย่างต่อเนื่อง
“วันที่ 4 ส.ค. นี้จะสรุปเส้นทางที่ชัดเจนและเสนอให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางพิจารณาอนุมัติ เพื่อให้เส้นทางมีความสมบูรณ์ตามกฎหมาย และจะนำผลสรุปของการทำประชาพิจารณ์แนวเส้นทาง ไปเป็นข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อเสนอให้ สศช.ประกอบการพิจารณาด้วย”นางสร้อยทิพย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปริมาณผู้โดยสาร ได้ปรับลดลงจาก 350 คนต่อคันต่อวัน เหลือ 325 คนต่อคันต่อวัน ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปยังประมาณการณ์รายได้ที่ลดลงด้วย โดยเบื้องต้นคาดว่า จะมีรายได้วันละ 8,200 บาทต่อคันต่อวัน จากเดิมมีรายได้ 11,000 บาทต่อคันต่อวัน รวมถึงผลกระทบของผู้ใช้บริการที่ใช้ตั๋วรายวัน และตั๋วร่วมในการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ขณะที่ภาครัฐสามารถกำหนดราคาค่าโดยสารที่ต่ำโดยการจ่ายเงินชดเชยการให้บริการเชิงสังคม
นางสร้อยทิพย์กล่าวว่า ขั้นตอนการพิจารณาโครงการเช่ารถโดยสารเอ็นจีวี 4,000 คันนั้น สศช.จะใช้เวลาอีก 30 วัน นับจากวันที่กระทรวงคมนาคมเสนอข้อมูลเพิ่มเติมไปให้พิจารณา ซึ่งมั่นใจว่าข้อมูลที่ สนข.ศึกษาเพิ่มเติมเป็นข้อมูลที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด และมีรายละเอียดสมบูรณ์ เนื่องจากระหว่างการจัดทำข้อมูลได้ประสานหารือร่วมกับผู้แทนจาก สศช. อย่างต่อเนื่อง
นายโอภาส เพชรมุณี กรรมการ และรักษาการผู้อำนวยการ ขสมก.กล่าวว่า ตัวเลขรายได้และรายจ่ายขณะนี้ยังไม่ยุติ เนื่องจากจะต้องนำข้อมูลจากการทำโพลสำรวจการเดินทางของประชาชน ทั้งปัจจุบันและความต้องการในอนาคต จากแบบสอบถาม 14,000 ชุด ใน35 จุดทั่วกรุงเทพฯ ประมวลเพื่อทำสมมุติฐานใหม่ ซึ่งอีกประมาณ 2 สัปดาห์จึงจะได้ตัวเลขที่แน่นอน เพื่อแยกผู้โดยสาร 325 คนที่เป็นประมาณการต่อคันต่อวันนั้นว่ามีสัดส่วนของค่าโดยสารแบบเที่ยวเดียว 12 บาท และแบบเหมา 30 บาทอย่างไร และยังมีรายได้จากส่วนอื่นๆ เช่น ค่าโฆษณาที่ต้องนำมาประเมินด้วย
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการศึกษาและรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม โครงการเช่าและซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นเชื้อเพลิง หรือโครงการเช่ารถโดยสารเอ็นจีวี 4,000 คัน เป็นเวลา 10 ปี ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)ว่า จะจัดส่งข้อมูลทั้งหมดตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ต้องการเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาได้ภายในกลางเดือนส.ค. 2552 นี้
ทั้งนี้ ข้อมูลที่สนข. ศึกษาเพิ่มเติม เช่น เส้นทางเดินรถปรับจากเดิม 145 เส้นทางเป็น 153-155 เส้นทาง โดยปัจจัยในการพิจารณา คือ ต้องปรับลดระยะทางให้สั้นลง ปรับลดการซ้ำซ้อนในการให้บริการเดินรถ และวางโครงข่ายให้ครอบคลุมเส้นทางใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางปกติและเส้นทางด่วนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในการศึกษานั้นได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก. อย่างต่อเนื่อง
“วันที่ 4 ส.ค. นี้จะสรุปเส้นทางที่ชัดเจนและเสนอให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางพิจารณาอนุมัติ เพื่อให้เส้นทางมีความสมบูรณ์ตามกฎหมาย และจะนำผลสรุปของการทำประชาพิจารณ์แนวเส้นทาง ไปเป็นข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อเสนอให้ สศช.ประกอบการพิจารณาด้วย”นางสร้อยทิพย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปริมาณผู้โดยสาร ได้ปรับลดลงจาก 350 คนต่อคันต่อวัน เหลือ 325 คนต่อคันต่อวัน ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปยังประมาณการณ์รายได้ที่ลดลงด้วย โดยเบื้องต้นคาดว่า จะมีรายได้วันละ 8,200 บาทต่อคันต่อวัน จากเดิมมีรายได้ 11,000 บาทต่อคันต่อวัน รวมถึงผลกระทบของผู้ใช้บริการที่ใช้ตั๋วรายวัน และตั๋วร่วมในการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ขณะที่ภาครัฐสามารถกำหนดราคาค่าโดยสารที่ต่ำโดยการจ่ายเงินชดเชยการให้บริการเชิงสังคม
นางสร้อยทิพย์กล่าวว่า ขั้นตอนการพิจารณาโครงการเช่ารถโดยสารเอ็นจีวี 4,000 คันนั้น สศช.จะใช้เวลาอีก 30 วัน นับจากวันที่กระทรวงคมนาคมเสนอข้อมูลเพิ่มเติมไปให้พิจารณา ซึ่งมั่นใจว่าข้อมูลที่ สนข.ศึกษาเพิ่มเติมเป็นข้อมูลที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด และมีรายละเอียดสมบูรณ์ เนื่องจากระหว่างการจัดทำข้อมูลได้ประสานหารือร่วมกับผู้แทนจาก สศช. อย่างต่อเนื่อง
นายโอภาส เพชรมุณี กรรมการ และรักษาการผู้อำนวยการ ขสมก.กล่าวว่า ตัวเลขรายได้และรายจ่ายขณะนี้ยังไม่ยุติ เนื่องจากจะต้องนำข้อมูลจากการทำโพลสำรวจการเดินทางของประชาชน ทั้งปัจจุบันและความต้องการในอนาคต จากแบบสอบถาม 14,000 ชุด ใน35 จุดทั่วกรุงเทพฯ ประมวลเพื่อทำสมมุติฐานใหม่ ซึ่งอีกประมาณ 2 สัปดาห์จึงจะได้ตัวเลขที่แน่นอน เพื่อแยกผู้โดยสาร 325 คนที่เป็นประมาณการต่อคันต่อวันนั้นว่ามีสัดส่วนของค่าโดยสารแบบเที่ยวเดียว 12 บาท และแบบเหมา 30 บาทอย่างไร และยังมีรายได้จากส่วนอื่นๆ เช่น ค่าโฆษณาที่ต้องนำมาประเมินด้วย
