กรรมการขนส่งทางบกกลางไฟเขียวตามสนข.เสนอ ก่อนส่งสศช.ขยายเส้นทางเดินรถ ขสมก.ในโครงการเช่าเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน จาก 145 เป็น 155 เส้นทาง ยันไม่ซ้ำซ้อนเหตุตัดเส้นทางให้สั้นลงทำให้เส้นทางเพิ่ม
นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง เปิดผยภายหลังการประชุมวานนี้ (4 ก.ค.) ว่า ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบการขยายเส้นทางการเดินรถโครงการเช่าและซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นเชื้อเพลิง หรือโครงการเช่ารถโดยสารเอ็นจีวี 4,000 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)จากเดิมที่กำหนด 145 เส้นทาง เป็น 155 เส้นทาง ตามที่สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เสนอ
ท้งนี้ หลักเกณฑ์ในการพิจารณาเส้นทางดังกล่าวประกอบด้วย การปรับลดระยะทางให้สั้นลง ปรับลดการซ้ำซ้อนในการให้บริการเดินรถ และวางโครงข่ายให้ครอบคลุมเส้นทางใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทงาปกติและเส้นทางด่วนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในการศึกษานั้นได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการถร่วม ขสมก. อย่างต่อนื่องโดยการขยายเส้นทางการเดินรถดังกล่าวเป็นไปตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ต้องการให้ศึกษาเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 4,000 คัน ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม รับข้อสังเกตุไปพิจารณา โดยสั่งการให้สนข.ดำนินการศึกษาและปรับรุง
“เส้นทางที่ปรับพิ่มขึ้นตามที่สนข.เสนอนั้น ที่ประชุมพิเห็นชอบแล้ว ส่วนที่เกรงว่า เส้นทางจะทับซ้อนนั้น คงไม่ทับซ้อนกันแล้ว เพราะเป็นเส้นทางที่เพิ่มขึ้น และได้ปรับเส้นทางให้มีระยะทางที่สั้นลงจากเดิม” นาชัยศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด สนข.ได้มีการปรับข้อมูลโครงการดังกล่าวในส่วนของปริมาณผู้โดยสารด้วยโดยได้ปรับลดลงจาก 350 คนต่อคันต่อวัน เหลือ 325 คนต่อคันต่อวัน ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปยังประมาณการณ์รายได้ที่ลดลงด้วย โดยเบื้องต้นคาดว่า จะมีรายได้วันละ 8,200 บาทต่อคันต่อวัน จากเดิมมีรายได้ 11,000 บาทต่อคันต่อวัน รวมถึงผลกระทบของผู้ใช้บริการที่ใช้ตั๋วรายวัน
และตั๋วร่วมในการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ขณะที่ภาครัฐสามารถกำหนดราคาค่าโดยสารที่ต่ำโดยการจ่ายเงินชดเชยการให้บริการเชิงสังคม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประมวลตัวเลขที่ชัดเจนของรายได้และรายจ่ายต่อคันต่อวันที่ชัดเจน ก่อนสรุปเสนอสศช. เช่น จำนวน ผู้โดยสาร 325 คนต่อคันต่อวันนั้น มีสัดส่วนของค่าโดยสารทแบบเที่ยวเดียว 12 บาท และแบบเหมา 30 บาทอย่างไรเป็นต้น
นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง เปิดผยภายหลังการประชุมวานนี้ (4 ก.ค.) ว่า ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบการขยายเส้นทางการเดินรถโครงการเช่าและซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นเชื้อเพลิง หรือโครงการเช่ารถโดยสารเอ็นจีวี 4,000 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)จากเดิมที่กำหนด 145 เส้นทาง เป็น 155 เส้นทาง ตามที่สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เสนอ
ท้งนี้ หลักเกณฑ์ในการพิจารณาเส้นทางดังกล่าวประกอบด้วย การปรับลดระยะทางให้สั้นลง ปรับลดการซ้ำซ้อนในการให้บริการเดินรถ และวางโครงข่ายให้ครอบคลุมเส้นทางใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทงาปกติและเส้นทางด่วนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในการศึกษานั้นได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการถร่วม ขสมก. อย่างต่อนื่องโดยการขยายเส้นทางการเดินรถดังกล่าวเป็นไปตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ต้องการให้ศึกษาเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 4,000 คัน ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม รับข้อสังเกตุไปพิจารณา โดยสั่งการให้สนข.ดำนินการศึกษาและปรับรุง
“เส้นทางที่ปรับพิ่มขึ้นตามที่สนข.เสนอนั้น ที่ประชุมพิเห็นชอบแล้ว ส่วนที่เกรงว่า เส้นทางจะทับซ้อนนั้น คงไม่ทับซ้อนกันแล้ว เพราะเป็นเส้นทางที่เพิ่มขึ้น และได้ปรับเส้นทางให้มีระยะทางที่สั้นลงจากเดิม” นาชัยศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด สนข.ได้มีการปรับข้อมูลโครงการดังกล่าวในส่วนของปริมาณผู้โดยสารด้วยโดยได้ปรับลดลงจาก 350 คนต่อคันต่อวัน เหลือ 325 คนต่อคันต่อวัน ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปยังประมาณการณ์รายได้ที่ลดลงด้วย โดยเบื้องต้นคาดว่า จะมีรายได้วันละ 8,200 บาทต่อคันต่อวัน จากเดิมมีรายได้ 11,000 บาทต่อคันต่อวัน รวมถึงผลกระทบของผู้ใช้บริการที่ใช้ตั๋วรายวัน
และตั๋วร่วมในการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ขณะที่ภาครัฐสามารถกำหนดราคาค่าโดยสารที่ต่ำโดยการจ่ายเงินชดเชยการให้บริการเชิงสังคม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประมวลตัวเลขที่ชัดเจนของรายได้และรายจ่ายต่อคันต่อวันที่ชัดเจน ก่อนสรุปเสนอสศช. เช่น จำนวน ผู้โดยสาร 325 คนต่อคันต่อวันนั้น มีสัดส่วนของค่าโดยสารทแบบเที่ยวเดียว 12 บาท และแบบเหมา 30 บาทอย่างไรเป็นต้น