xs
xsm
sm
md
lg

รู้ทันตลาดทุน:Focusing on Merger & Acquisition among PTT group

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

SCRI คาดว่าประเด็นการควบรวมกิจการ (Merger & Acquisition) จะเป็น Highlight ในช่วง 2H/52 ของกลุ่มโรงกลั่น (TOP / PTTAR / IRPC) และ กลุ่มปิโตรเคมี (PTTCH) ซึ่งจากการศึกษาเบื้องต้นถึงผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการ (Synergy Benefit) SCRI ประเมินว่ากรณีการควบรวม 4 บริษัทจะมีความน่าสนใจที่สุดทั้งในเชิงการรวม Synergy จากการควบรวมในแต่ละคู่ไว้ด้วยกัน ขณะที่ในเชิงมูลค่าการซื้อขายหุ้นในตลาด (Market Cap.) คาดจะปรับขึ้นเป็นอันดับ 3 ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีโอกาสติดอันดับ 1 ใน 4 ของกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีในภูมิภาคที่ไม่รวมธุรกิจ E&P ทั้งนี้ ประเมินว่าแนวทางการควบรวมแบบ Amalgamation มีแนวโน้มเกิดขึ้นมากที่สุด โดยประเมิน TOP และ PTTCH มีแนวโน้มได้เปรียบสูงสุดจากการควบรวมกิจการ

* แนวทางในการควบรวมกิจการมีอยู่หลายรูปแบบ แต่การควบรวม 4 บริษัท จะทำให้เกิด Synergy สูงที่สุด : SCRI ประเมินแนวทางในการควบรวมกิจการที่มีความเป็นไปได้ 6 รูปแบบ โดยเป็นการจับคู่ควบรวมที่ละ 2 บริษัท 5 รูปแบบ (การจับคู่เบื้องต้นมี 6 รูปแบบ แต่ตัดคู่ TOP และ PTTCH ออกไปเนื่องจากประเมินว่าไม่มี Synergy) และเป็นการควบรวมกิจการทีเดียวทั้ง 4 บริษัทอีก 1 แบบ ทั้งนี้ จากการประเมิน Synergy ของการควบรวมทีละ 2 บริษัท TOP-IRPC และ PTTAR+IRPC มีแนวโน้มมี Synergy มากที่สุด อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับการควบรวมทีเดียว 4 บริษัทจะมี Synergy สูงสุดในทุกรูปแบบ เนื่องจากรวม Synergy จากการควบรวมในแต่ละคู่ไว้ด้วยกันทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญของการควบรวมทีเดียวทั้ง 4 บริษัท คือมีความซับซ้อนมากกว่าวิธีอื่นและยากในการดำเนินการให้เสร็จในเวลาอันสั้น ทั้งนี้ SCRI เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการในรูปแบบจัดตั้ง Holding Company แล้วค่อยทยอยควบรวมภายในในอนาคต

* การรวม 4 บริษัท จะทำให้หุ้นใหม่มี Market Cap ขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ : จากการศึกษาการควบรวมกิจการในรูปแบบทีละ 2 บริษัทและทีเดียว 4 บริษัท ในเชิงความน่าสนใจของการลงทุนการควบรวม 4 บริษัทจึงจะทำให้ Market Cap ขยับขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญโดยมาอยู่อันกับ 3 ใน SET ขณะที่ หากเทียบในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค การควบ 4 บริษัทจะทำให้ขนาดของรายได้ติดอันดับ 297 หากเทียบกับการจัดอันดับของ Fortune ปี 2552 และเป็นอันดับที่ 4 ในอุตสาหกรรมโรงกลั่นและเคมีคอล (ไม่รวมที่มีธุรกิจไปถึง E&P) ทั้งนี้ หากรวมกำลังการผลิตของ PTTAR ที่ขยายในปี 2552 และ PTTCH ที่ขยายขึ้นในปี 2553 คาดจะขึ้นมาติดอันดับ 1 ใน 3 ได้ตามที่ผู้บริหารเคยเปิดเผยไว้

* คาดว่าการควบรวมจะเป็นไปในรูปแบบ Amalgamation : จากการเปิดเผยของผู้บริหารที่เคยกล่าวไว้ว่ายังคงมีความตั้งใจที่จะคงสัดส่วนการถือครองหุ้นในบริษัทลูกทั้ง 4 แห่ง ไว้ในระดับเดิม ดังนั้น SCRI ประเมินว่าการควบรวมมีโอกาสมากที่จะเกิดขึ้นในรูปแบบการทำ Amalgamation (ควบรวมกันโดยจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ แล้วกำหนดอัตราแลกหุ้นระหว่างกัน) ทั้งนี้ การกำหนดสัดส่วนในการแลกหุ้นจะถือเป็นประเด็นสำคัญที่กำหนดความน่าสนใจของหุ้น

* คาดว่า TOP และ PTTCH มีแนวโน้มความได้เปรียบสูงสุดสุดในการแลกหุ้น : SCRI ประเมิน การกำหนดอัตราแลกหุ้นในกรณีของการรวมกัน 4 บริษัท จากการศึกษาการกำหนดสัดส่วนการแลกหุ้นในกรณี Amalgamation ระหว่าง ATC และ RRC ครั้งที่ผ่านมา โดยอิงจากการพิจารณาใน 3 วิธีหลักได้แก่ 1) DCF 2) วิธีราคาตลาดย้อนหลัง และ 3) วิธีเปรียบราคาตลาดซึ่ง อิงกับ 3 วิธี คือ 1) PER 2) P/BV และ 3) EV/EBITDA ทั้งนี้ TOP มีอัตราส่วนในการแลกหุ้นดีที่สุดจาก 4 ใน 5 วิธี ขณะที่ PTTCH มีอัตราส่วนในการแลกหุ้นดีที่สุดใน 1 วิธีคือพิจารณาจาก P/BV

ทั้งนี้ ข้อสังเกตประการหนึ่งคือ การประเมิน 2 ใน 4 วิธี ได้แก่ DCF และ EV/EBITDA อิงกับกระแสเงินสดซึ่ง TOP จะมีความได้เปรียบจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งนี้ คงน้ำหนักลงทุน "Trading Buy " TOP (อิงมูลค่าเหมาะสม DCFที่ 54.00 บาท)และ PTTCH (อิงมูลค่าเหมาะสม DCFที่ 55.00 บาท)
กำลังโหลดความคิดเห็น