xs
xsm
sm
md
lg

3โบรกฯผนึกกำลังสู้ศึกเปิดเสรี-หวังขึ้นชั้นติดอันดับท็อปไฟว์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บล.ไซรัส ประกาศความพร้อมเป็นแกนหลักในการควบรวมกิจการกับ “บล.สินเอเชีย-ฟินันซ่า” หวังก้าวขึ้นติดอันดับท็อปไฟว์ในวงการโบรกเกอร์ บนฐานบัญชีลูกค้ากว่า 1.8 หมื่นบัญชี สาขารวม 23 แห่ง ระบุจะส่งผลดีต่อผลประกอบกายภายในสิ้นปี 52 หลังขั้นตอนควบรวมเสร็จในเดือนมิ.ย.นี้ ด้านผู้บริหาร ประสานเสียงผนึกกำลังลดค่าใช้จ่ายรองรับการแข่งขันที่รุนแรงจากการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์ ขณะที่ “วราห์” คาดการณ์โบรกเกอร์เหลือไม่ถึง 20 แห่ง จากปัจจุบันที่มี 41 แห่ง

นายชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS เปิดเผยถึง แผนการควบรวมธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และธุรกิจเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของบล. ฟินันซ่า จำกัด บล.สินเอเชีย จำกัด และ SYRUS เข้าด้วยกัน ว่า การควบรวมกิจการจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้

ทั้งนี้ ภายหลังการควบรวมธุรกิจหลักทรัพย์ดังกล่าว จะส่งผลมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) รวม อยู่ที่ประมาณ 5% ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 4 ของธุรกิจหลักทรัพย์ และมีฐานบัญชีลูกค้ารวมกันเป็นจำนวน 18,000 บัญชี โดยมีบัญชีลูกค้าที่ซื้อขายสม่ำเสมอประมาณ 6,000 บัญชี จำนวนสาขารวม 23 สาขา ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากเครือข่ายสาขาในต่างจังหวัด และฐานลูกค้าเงินฝากของธนาคารสินเอเชีย จำกัด (มหาชน) อีกด้วย

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ไซรัส กล่าวว่า การควบรวมกิจการ 3 แห่งครั้งนี้ จะทำให้บริษัทใหม่มีสัดส่วนลูกค้ารายย่อยประมาณ 90% และนักลงทุนสถาบัน 10% เช่นเดียวกับฐานลูกค้าเดิมของ บล.ไซรัส ที่มีสัดส่วนลูกค้ารายย่อย 90% และลูกค้าสถาบัน 10% ขณะที่บล.ฟินันซ่า มีลูกค้าสาถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศประมาณ 15-20% และบล.สินเอเชีย ที่มีสัดส่วนลูกค้ารายย่อยเกือบ 100% ดังนั้นบริษัทจะมีนโยบายที่จะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าสถาบันให้มากขึ้น

สำหรับละเอียดของการควบรวมกิจการนั้น นายสมภพ กล่าวว่า บล.ไซรัส จะใช้เงินทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 300-400 ล้านบาท ส่วนแรก จำนวนประมาณ 160 ล้านบาทในการซื้อสินทรัพย์และชำระคืนหนี้ Margin Loan ในส่วนธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และธุรกิจการเป็นตัวแทนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของบล.ฟินันซ่า ส่วนที่สอง การซื้อหุ้นบล.สินเอเชีย ในสัดส่วน 86.65 – 100% มูลค่าประมาณ 460 ล้านบาท แต่จะได้รับเงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนสัดส่วน 24.9% ให้กับธนาคารสินเอเซีย จำนวน 250 ล้านบาท หลังจากหักกลบแล้ว บล.ไซรัสจะจ่ายเงินประมาณ 210 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนทั้งหมดบริษัทจะใช้จากเงินทุนหมุนเวียน

“บล.ไซรัส ต้องเป็นแกนนำในการควบรวมกิจการ เพราะ SYRUS เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และมีจุดประสงค์ที่จะเข้าไปทำธุรกิจหลักทรัพย์และนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เต็มรูปแบบ แต่โครงสร้างและแผนการดำเนินการของบริษัทนั้น จะมีการประชุมหารือกันอีกครั้งหลังจากดำเนินการควบรวมกิจการเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

นายสมภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการควบรวมกิจการแล้วจะทำให้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการบริหารธุรกิจลดลง โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี (ไอที) ที่ทั้ง 3 แห่งใช้ระบบเดียวกันอยู่แล้ว รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะลดพนักงานจำนวนเท่าใด

นายวราห์ สุจริตกุล กรรมการบริหาร บล.ฟินันซ่า กล่าวว่า ขณะนี้ขั้นตอนการควบรวมกิจการอยู่ระหว่างการขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งหลังจากควบรวมกิจการเสร็จเรียบร้อยแล้วจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทภายในปลายปีนี้ โดยคาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 10-15% จากเดิมเฉลี่ยต่ำกว่า 5%

สำหรับแนวโน้มธุรกิจหลักทรัพย์ในอนาคตนั้น นายวราห์ กล่าวว่า นับจากนี้บริษัทหลักทรัพย์จะมีแนวโน้มการควบรวมกิจการกันมากขึ้น จากภาวการณ์แข่งขั้นที่ทวีความรุนแรง โดยเฉพาะในระยะเวลาอีก 1-2 ปีข้างหน้าที่จะมีการเปิดเสรีการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และค่าธรรมเนียนการซื้อขายหลักทรัพย์ (คอมมิชชัน) จะเป็นแรงผลักดันให้บริษัทหลักทรัพย์จะต้องมีการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดต่อไปได้

“บริษัทหลักทรัพย์จะต้องมีการปรับตัวรองรับการแข่งขันที่รุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการควบรวกิจการเพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นในอนาคตคาดว่าบริษัทหลักทรัพย์จะลดลงเหลือต่ำกว่า 20 ราย จากปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 41 ราย”

ขณะที่นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บล.ฟินันซ่า กล่าวว่า บริษัทจะได้รับชำระแงินค่าหุ้นจากผู้ถือหุ้นจำนวน 250 ล้านบาท พร้อมทั้งโอนย้ายเจ้าหน้าที่การตลาดและพนักงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักทรัพย์ประมาณ 200 คน บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กว่า 9,600 บัญชี และสาขาบริษัทหลักทรัพย์รวม 11 สาขา ให้กับบล.ไซรัส

ด้านนายธงชัย อานันโทไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารสินเอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ ACL กล่าวว่า ธนาคารจะได้รับเงินจากการขายบล.สินเอเชีย ประมาณ 460 ล้านบาท (ราคาตามมูลค่าบัญชีสิ้นมี.ค.52) ขณะเดียวกันจะต้องใช้เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน 76 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 250 ล้านบาท โดยหลังการควบรวมกิจการธนาคารจะให้การสนับสนุนบริษัทใหม่ในส่วนของธุรกรรมและลูกค้าเช่นเดียวกับบล.สินเอเชียเดิม

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบล.ไซรัส หลังการควบรวมกิจการ ประกอบด้วย บล. ฟินันซ่า และธนาคารสินเอเชีย จะถือหุ้นในสัดส่วน 24.9% ขณะที่ผู้ถือหุ้นเดิมจะลดสัดส่วนเหลือประมาณ 50% โดยมีพนักงานรวมทั้งสิ้นจำนวน 600 คน แบ่งพนักงานด้านการตลาด (มาร์เกตติ้ง) 600 คน และพนักงานอื่นอีก 200 คน

****บล.ฟินันซ่า รุกงานวาณิชธกิจ
นายวราห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้มีกระแสเงินสดกลับคืนเข้ามายังฟินันซ่าประมาณ 400-500 ล้านบาท ส่งผลให้มีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นเป็น 600 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะพิจารณานำเงินดังกล่าวไปลงทุนในธุรกิจอื่นต่อไป หรืออาจจะดำเนินการลงทุนเพื่อคืนเงินให้กับผู้ถือหุ้น

ทั้งนี้ แม้ว่า บล.ฟินันซ่าจะขายธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ออกไปแล้ว บริษัทจะยังเดินหน้าดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง โดยคงเน้นธุรกิจวานิชธนกิจ (IB) ทั้งที่ปรึกษาในการควบรวมกิจการ (M&A) การปรับโครงสร้างหนี้ หรือปรับโครงสร้างทางการเงิน ขณะที่การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คงมีไม่มากนัก

"เราไม่ได้เปลี่ยน Focus ธุรกิจIB เรายังทำได้ดี แต่ที่เรานำไปควบรวมเพราะเห็นว่ามีประโยชน์มากกว่า ที่ผ่านมาเฉลี่ยแล้วก็ทำกำไร แต่อนาคตความเสี่ยงเป็นอย่างไร" นายวราห์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น