ASTVผู้จัดการรายวัน- “พาณิชย์”นัดผู้ประกอบการข้าวถุงถก 30 มิ.ย.นี้ หาสาเหตุข้าวถุงยังแพงต่อเนื่อง และมีแววจะปรับขึ้นอีก ทั้งๆ ที่ยังสามารถหาซื้อข้าวในท้องตลาดได้ วงในปูดยักษ์ค้าปลีกตัวการใหญ่ บวกค่าธรรมเนียมขึ้นอีกเพียบ จนดันให้ราคาข้าวถุงแพงขึ้น 15-20 บาท ผู้ผลิตขอรัฐช่วยเคลียร์ปัญหาด่วน เพราะกระทบหนัก
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า วันที่ 30 ก.ค.นี้ จะเชิญผู้ประกอบการและผู้ผลิตข้าวสารบรรจุถุง มาหารือ เพื่อสอบถามสาเหตุว่าทำไมจึงจะมีการปรับราคาขายปลีกข้าวถุงขึ้นอีกถุงละ 15-20 บาท โดยจะขอความร่วมมือไม่ให้ปรับราคาขายขึ้น เพราะเท่าที่ติดตามสถานการณ์ตลาดข้าวในขณะนี้พบว่ายังไม่เกิดความผิดปกติรุนแรงถึงขั้นที่จะต้องขึ้นราคา อีกทั้งข้าวในตลาดยังมีเหลืออีกมาก ส่วนข้าวหอมมะลิก็เลยช่วงปลายฤดูกาลเดือน ก.พ.-มี.ค. มานานแล้ว จึงไม่ใช่เหตุผลที่ผู้ผลิตจะปรับราคาในช่วงนี้
“การเปิดโครงการรับจำนำนาปี และนาปรัง หรือการไม่เปิดระบายข้าวในสต็อกของรัฐ ไม่ได้เป็นการบิดเบือนตลาด จนทำให้ข้าวในตลาดเกิดขาดแคลน หรือทำให้เกิดการแย่งซื้อระหว่างผู้ส่งออกกับผู้จำหน่ายข้าวภายในประเทศ จนทำให้ต้นทุนการผลิตสูง เพราะปีหนึ่งประเทศไทยปลูกข้าวได้เกือบ 30 ล้านตัน แต่ขณะนี้มีการเก็บในสต็อกแค่ 5 ล้านตัน จึงถือว่าเป็นส่วนน้อย และไม่น่าจะทำให้ตลาดปั่นป่วน ดังนั้น จะต้องมีการสอบถามให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น และต้องการให้กระทรวงพาณิชย์แก้ปัญหาอะไรเพื่อไม่ให้ข้าวถุงแพง ส่วนทางเลือกในการนำข้าวสต็อกรัฐมาบรรจุถุงขายราคาถูกแก่ประชาชนยังไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้”นายยรรยงกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ปัญหาข้าวถุงราคาแพงมีสาเหตุสำคัญจากการที่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์น เทรด) รายใหญ่หลายแห่ง ได้มีการปรับเงื่อนไขการจำหน่ายข้าวถุงผ่านร้านโมเดิร์นเทรดใหม่จนทำให้ต้นทุนผู้ผลิตสูงขึ้น และทำให้ราคาจำหน่ายปลายทางแก่ผู้บริโภคสูงขึ้น อาทิ มีการเรียกเก็บค่าแรกเข้าสินค้า (เอนทรานซ์ ฟี) เพิ่มขึ้นสินค้าชนิดละ 1ล้านบาท จากเดิมที่เก็บเพียงไม่กี่แสนบาท รวมถึงเพิ่มค่าลงโฆษณาสินค้าในแผ่นพับ (ค่าเมล์) อีกสินค้าละ 5 แสน ถึง 1 ล้านบาทต่อแผ่นโฆษณา 15 วัน
นอกจากนี้ ห้างยังขอปรับขึ้นค่าธรรมเนียม ในการหักการส่งข้าวถุงไปจำหน่ายจากผู้ผลิต (แบ็ก มาร์จิน) เพิ่มอีกรายละ 1-2% เป็น 5-10% ทำให้ต้นทุนผู้ผลิตข้าวถุงเพิ่มโดอัตโนมัติ ที่สำคัญห้างยังมีการบวกส่วนต่างจากการวางจำหน่าย (ฟรอน มาร์จิน) เพิ่มจาก 6% เป็นเฉลี่ยถึง 10% ซึ่งถือเป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภคมีค่าใช้จ่ายในการใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งจากการปรับค่าธรรมเนียมในการจำหน่ายข้าวถุงที่ร้านโมเดิร์น เทรด ส่งผลให้ข้าวถุงมีราคาสูงขึ้นไม่ต่ำกว่าถุงละ 15-20 บาท
นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า การขึ้นค่าธรรมเนียมการขายสินค้าของห้างค้าปลีกสมัยใหม่ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาข้าวถุงแพงขึ้น และหากมีการปรับในอัตราที่เป็นธรรมจะช่วยให้ข้าวสารไม่ขึ้นราคา หรืออาจทำให้ข้าวถุงบางชนิดลดราคาลงได้ด้วย
ส่วนการหารือในวันที่ 30 ก.ค. นี้ จะเข้าไปชี้แจงสาเหตุที่ทำให้ข้าวถุงแพง ได้แก่ การขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตข้าวถุง เนื่องจากนโยบายการระบายข้าวที่ไม่ชัดเจนของรัฐในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ผู้ส่งออก และผู้ผลิตข้าวถุงเข้าไปแย่งซื้อข้าวในตลาด จนทำให้ราคาปรับสูงขึ้นมาก ส่วนสาเหตุต่อมา คือ ในส่วนข้าวหอมมะลิที่เข้าสู่ช่วงปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยวทำให้ราคาสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นประจำในทุกฤดูกาล
นอกจากนี้ จะร้องขอความเป็นธรรมให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยประสานกับร้านโมเดิร์น เทรด ในการขอปรับลดค่าธรรมเนียมการจำหน่ายสินค้าในห้างใหม่ ทั้งเอนทรานซ์ ฟี แบ็ก มาร์จิน ฟรอน มาร์จิน และค่าเมล์ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบมาก
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า วันที่ 30 ก.ค.นี้ จะเชิญผู้ประกอบการและผู้ผลิตข้าวสารบรรจุถุง มาหารือ เพื่อสอบถามสาเหตุว่าทำไมจึงจะมีการปรับราคาขายปลีกข้าวถุงขึ้นอีกถุงละ 15-20 บาท โดยจะขอความร่วมมือไม่ให้ปรับราคาขายขึ้น เพราะเท่าที่ติดตามสถานการณ์ตลาดข้าวในขณะนี้พบว่ายังไม่เกิดความผิดปกติรุนแรงถึงขั้นที่จะต้องขึ้นราคา อีกทั้งข้าวในตลาดยังมีเหลืออีกมาก ส่วนข้าวหอมมะลิก็เลยช่วงปลายฤดูกาลเดือน ก.พ.-มี.ค. มานานแล้ว จึงไม่ใช่เหตุผลที่ผู้ผลิตจะปรับราคาในช่วงนี้
“การเปิดโครงการรับจำนำนาปี และนาปรัง หรือการไม่เปิดระบายข้าวในสต็อกของรัฐ ไม่ได้เป็นการบิดเบือนตลาด จนทำให้ข้าวในตลาดเกิดขาดแคลน หรือทำให้เกิดการแย่งซื้อระหว่างผู้ส่งออกกับผู้จำหน่ายข้าวภายในประเทศ จนทำให้ต้นทุนการผลิตสูง เพราะปีหนึ่งประเทศไทยปลูกข้าวได้เกือบ 30 ล้านตัน แต่ขณะนี้มีการเก็บในสต็อกแค่ 5 ล้านตัน จึงถือว่าเป็นส่วนน้อย และไม่น่าจะทำให้ตลาดปั่นป่วน ดังนั้น จะต้องมีการสอบถามให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น และต้องการให้กระทรวงพาณิชย์แก้ปัญหาอะไรเพื่อไม่ให้ข้าวถุงแพง ส่วนทางเลือกในการนำข้าวสต็อกรัฐมาบรรจุถุงขายราคาถูกแก่ประชาชนยังไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้”นายยรรยงกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ปัญหาข้าวถุงราคาแพงมีสาเหตุสำคัญจากการที่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์น เทรด) รายใหญ่หลายแห่ง ได้มีการปรับเงื่อนไขการจำหน่ายข้าวถุงผ่านร้านโมเดิร์นเทรดใหม่จนทำให้ต้นทุนผู้ผลิตสูงขึ้น และทำให้ราคาจำหน่ายปลายทางแก่ผู้บริโภคสูงขึ้น อาทิ มีการเรียกเก็บค่าแรกเข้าสินค้า (เอนทรานซ์ ฟี) เพิ่มขึ้นสินค้าชนิดละ 1ล้านบาท จากเดิมที่เก็บเพียงไม่กี่แสนบาท รวมถึงเพิ่มค่าลงโฆษณาสินค้าในแผ่นพับ (ค่าเมล์) อีกสินค้าละ 5 แสน ถึง 1 ล้านบาทต่อแผ่นโฆษณา 15 วัน
นอกจากนี้ ห้างยังขอปรับขึ้นค่าธรรมเนียม ในการหักการส่งข้าวถุงไปจำหน่ายจากผู้ผลิต (แบ็ก มาร์จิน) เพิ่มอีกรายละ 1-2% เป็น 5-10% ทำให้ต้นทุนผู้ผลิตข้าวถุงเพิ่มโดอัตโนมัติ ที่สำคัญห้างยังมีการบวกส่วนต่างจากการวางจำหน่าย (ฟรอน มาร์จิน) เพิ่มจาก 6% เป็นเฉลี่ยถึง 10% ซึ่งถือเป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภคมีค่าใช้จ่ายในการใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งจากการปรับค่าธรรมเนียมในการจำหน่ายข้าวถุงที่ร้านโมเดิร์น เทรด ส่งผลให้ข้าวถุงมีราคาสูงขึ้นไม่ต่ำกว่าถุงละ 15-20 บาท
นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า การขึ้นค่าธรรมเนียมการขายสินค้าของห้างค้าปลีกสมัยใหม่ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาข้าวถุงแพงขึ้น และหากมีการปรับในอัตราที่เป็นธรรมจะช่วยให้ข้าวสารไม่ขึ้นราคา หรืออาจทำให้ข้าวถุงบางชนิดลดราคาลงได้ด้วย
ส่วนการหารือในวันที่ 30 ก.ค. นี้ จะเข้าไปชี้แจงสาเหตุที่ทำให้ข้าวถุงแพง ได้แก่ การขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตข้าวถุง เนื่องจากนโยบายการระบายข้าวที่ไม่ชัดเจนของรัฐในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ผู้ส่งออก และผู้ผลิตข้าวถุงเข้าไปแย่งซื้อข้าวในตลาด จนทำให้ราคาปรับสูงขึ้นมาก ส่วนสาเหตุต่อมา คือ ในส่วนข้าวหอมมะลิที่เข้าสู่ช่วงปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยวทำให้ราคาสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นประจำในทุกฤดูกาล
นอกจากนี้ จะร้องขอความเป็นธรรมให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยประสานกับร้านโมเดิร์น เทรด ในการขอปรับลดค่าธรรมเนียมการจำหน่ายสินค้าในห้างใหม่ ทั้งเอนทรานซ์ ฟี แบ็ก มาร์จิน ฟรอน มาร์จิน และค่าเมล์ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบมาก