TUF : คาดกำไรสุทธิใน Q2/52 จะเติบโตถึง 107.4% yoy และ 28.2% qoq เป็น 837 ล้านบาท
SCRI คาดกำไรสุทธิของ TUF งวด Q2/52 จะเติบโตถึง 107.4% yoy และ 28.2% qoq เป็น 837 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดสูงสุดของปี 2552 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบปลาทูน่าที่ปรับตัวลงอย่างรุนแรงในเดือน เม.ย. – พ.ค. 2552 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นถึง 15.5% ซึ่งสูงกว่างวด Q2/51 และ Q1/52 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเพียง 13.3% และ 12.1% อย่างไรก็ตามวัตถุดิบปลาทูน่ามีการแกว่งตัวอย่างรุนแรงในเดือนมิ.ย. 2552 โดยราคาปลาทูน่าปรับสูงขึ้นถึง 21.8% mom เป็น 1,450 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ซึ่งโดยปกติแล้ว TUF จะใช้เวลาในการปรับราคาขายสินค้าหากราคาวัตถุดิบเปลี่ยนแปลงราว 2 – 3 เดือน ดังนั้น SCRI คาดอัตรากำไรขั้นต้นของ TUF ใน Q3/52 มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงจากงวด Q2/52 โดยรวมผลการดำเนินงานใน Q2/52 ที่สูงกว่าที่ SCRI ประเมินไว้เบื้องต้นมาก ดังนั้น SCRI จึงปรับประมาณการปี 2552 ขึ้นเพื่อสะท้อนประเด็นดังกล่าว โดยคาดกำไรสุทธิปี 2552 จะเติบโตราว 15.8% yoy เป็น 2,612 ล้านบาท และปรับราคาเหมาะสมปี 2552 ขึ้นเป็น 30 บาท ทั้งนี้คาดผลการดำเนินงานใน 1H/52 ที่โดดเด่น (เติบโต 51.8% yoy) จะทำให้ TUF จ่ายปันผลระหว่างกาลสูงราว 0.85 บาท และคาด TUF จะจ่ายปันผลทั้งปีเท่ากับ 1.50 บาทต่อหุ้น (Dividend Yield 6.15%)
* ยอดขายงวด Q2/52 เติบโตชะลอตัว แต่อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น : SCRI ประเมินกำไรสุทธิของ TUF งวด Q2/52 จะเติบโตราว 107.4% yoy และ 28.2% qoq เป็น 837 ล้านบาท โดยประเมินว่ายอดขายของ TUF งวด Q2/52 จะเติบโตราว 2.2% yoy แต่ลดลง 3% qoq เป็น 1.7 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงราว 7% yoy เป็น 34.6 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ยอดขายในรูปค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯคาดว่าจะลดลงราว 4.2% yoy เป็น 496 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะราคาขายสินค้าที่ต่ำกว่าปีก่อน ตามต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และประเด็นสำคัญที่ทำให้ TUF มีกำไรสุทธิที่โดดเด่นในงวด Q2/52 คือ อัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะโดดเด่นถึง 15.4% เนื่องจากราคาวัตถุดิบปลาทูน่าที่ปรับตัวลงอย่างมากราว 17.5% mom ในเดือนเม.ย. 2552 เป็น 940 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องในเดือนพ.ค. 2552 ที่ระดับ 1,190 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ก่อนที่แกว่งตัวขึ้นมาประมาณ 22% mom เป็น 1,450 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันในเดือนมิ.ย. 2552 อย่างไรก็ตาม TUF จะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายจากการย้ายโรงงานที่เกาะซามัวร์มาที่รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐฯ ทำให้ต้องมีการบันทึกค่าใช้จ่ายดังกล่าวราว 145 ล้านบาทใน Q2/52 ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสำหรับงวด Q2/52 สูงกว่า Q1/52 ราว 10.8% และคิดเป็น 8.9% ต่อยอดขาย
* คาดผลการดำเนินงานใน Q2/52 จะเป็นจุดสูงสุดของปี และปรับประมาณการปี 2552 ขึ้น : ผลจากกำไรสุทธิในงวด Q2/52 ที่สูงกว่าที่ SCRI ประมาณไว้ในเบื้องต้น SCRI จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2552 ขึ้นสะท้อนประเด็นดังกล่าว โดย SCRI ปรับกำไรสุทธิปี 2552 ของ TUF ขึ้นจากเดิมราว 38% เป็น 2,612 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดว่าผลประกอบการงวด Q2/52 น่าจะเป็นจุดสูงสุดของปี 2552 แล้วและคาดผลการดำเนินงานใน 2H/52 จะอ่อนตัวลง โดย SCRI ประเมินว่าการที่ราคาปลาทูน่าปรับขึ้นถึง 22% mom เป็น 1,450 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และยังคงอยู่ในระดับประมาณ 1.5 พันดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันในเดือนก.ค. 2552 นั้นจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ TUF ใน Q3/52 ลดลงจาก Q2/52 เนื่องจากโดยปกติแล้ว TUF จะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 เดือนในการปรับราคาขายตามต้นทุนการผลิต รวมทั้ง TUF จะต้องมีการบันทึกค่าใช้จ่ายในการย้ายโรงงานจากหมู่เกาะซามัวร์ไปยังประเทศสหรัฐฯอีกราว 6.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯและ 4.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน Q3/52 และ Q4/52 ตามลำดับ ซึ่งหากประเมินโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จะเท่ากับว่า TUF ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายราว 224 ล้านบาท และ 164.5 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่าใช้จ่ายที่จะบันทึกในงวด Q2/52
* ค่าใช้จ่ายการย้ายโรงงานอาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ : ล่าสุดจากการ Company Visit ผู้บริหาร TUF ประเมินว่าค่าใช้จ่ายในการย้ายโรงงานใน Q3/52 และ Q4/52 นั้นอาจต่ำกว่าประเมินไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน SCRI จึงใช้ข้อมูลค่าใช้จ่ายการย้ายโรงงาน ที่ TUF ประมาณการไว้ก่อนหน้า ซึ่งได้อธิบายไว้ในย่อหน้าที่ 2 ของรายงาน ดังนั้นจึงมีโอกาสที่กำไรสุทธิปี 2552 จะสูงกว่าประมาณการของ SCRI ที่ 2,612 ล้านบาท
* แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 2552 เท่ากับ 30.00 บาท/หุ้น : SCRI ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2552 ของ TUF ขึ้นจากเดิมราว 38% และปรับคำแนะนำจากเดิม “ถือ” ขึ้นมาเป็น “ซื้อ” SCRI ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ TUF จากการปรับประมาณการใหม่ได้เท่ากับ 30.00 บาท โดยใช้วิธี DDM (Cost of Equity 8.5% / Payout Ratio 50% / Terminal Growth 3%) ทั้งนี้ SCRI ประเมิน SCRI Rating ของ TUF อยู่ในระดับ “B”
SCRI คาดกำไรสุทธิของ TUF งวด Q2/52 จะเติบโตถึง 107.4% yoy และ 28.2% qoq เป็น 837 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดสูงสุดของปี 2552 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบปลาทูน่าที่ปรับตัวลงอย่างรุนแรงในเดือน เม.ย. – พ.ค. 2552 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นถึง 15.5% ซึ่งสูงกว่างวด Q2/51 และ Q1/52 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเพียง 13.3% และ 12.1% อย่างไรก็ตามวัตถุดิบปลาทูน่ามีการแกว่งตัวอย่างรุนแรงในเดือนมิ.ย. 2552 โดยราคาปลาทูน่าปรับสูงขึ้นถึง 21.8% mom เป็น 1,450 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ซึ่งโดยปกติแล้ว TUF จะใช้เวลาในการปรับราคาขายสินค้าหากราคาวัตถุดิบเปลี่ยนแปลงราว 2 – 3 เดือน ดังนั้น SCRI คาดอัตรากำไรขั้นต้นของ TUF ใน Q3/52 มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงจากงวด Q2/52 โดยรวมผลการดำเนินงานใน Q2/52 ที่สูงกว่าที่ SCRI ประเมินไว้เบื้องต้นมาก ดังนั้น SCRI จึงปรับประมาณการปี 2552 ขึ้นเพื่อสะท้อนประเด็นดังกล่าว โดยคาดกำไรสุทธิปี 2552 จะเติบโตราว 15.8% yoy เป็น 2,612 ล้านบาท และปรับราคาเหมาะสมปี 2552 ขึ้นเป็น 30 บาท ทั้งนี้คาดผลการดำเนินงานใน 1H/52 ที่โดดเด่น (เติบโต 51.8% yoy) จะทำให้ TUF จ่ายปันผลระหว่างกาลสูงราว 0.85 บาท และคาด TUF จะจ่ายปันผลทั้งปีเท่ากับ 1.50 บาทต่อหุ้น (Dividend Yield 6.15%)
* ยอดขายงวด Q2/52 เติบโตชะลอตัว แต่อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น : SCRI ประเมินกำไรสุทธิของ TUF งวด Q2/52 จะเติบโตราว 107.4% yoy และ 28.2% qoq เป็น 837 ล้านบาท โดยประเมินว่ายอดขายของ TUF งวด Q2/52 จะเติบโตราว 2.2% yoy แต่ลดลง 3% qoq เป็น 1.7 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงราว 7% yoy เป็น 34.6 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ยอดขายในรูปค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯคาดว่าจะลดลงราว 4.2% yoy เป็น 496 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะราคาขายสินค้าที่ต่ำกว่าปีก่อน ตามต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และประเด็นสำคัญที่ทำให้ TUF มีกำไรสุทธิที่โดดเด่นในงวด Q2/52 คือ อัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะโดดเด่นถึง 15.4% เนื่องจากราคาวัตถุดิบปลาทูน่าที่ปรับตัวลงอย่างมากราว 17.5% mom ในเดือนเม.ย. 2552 เป็น 940 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องในเดือนพ.ค. 2552 ที่ระดับ 1,190 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ก่อนที่แกว่งตัวขึ้นมาประมาณ 22% mom เป็น 1,450 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันในเดือนมิ.ย. 2552 อย่างไรก็ตาม TUF จะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายจากการย้ายโรงงานที่เกาะซามัวร์มาที่รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐฯ ทำให้ต้องมีการบันทึกค่าใช้จ่ายดังกล่าวราว 145 ล้านบาทใน Q2/52 ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสำหรับงวด Q2/52 สูงกว่า Q1/52 ราว 10.8% และคิดเป็น 8.9% ต่อยอดขาย
* คาดผลการดำเนินงานใน Q2/52 จะเป็นจุดสูงสุดของปี และปรับประมาณการปี 2552 ขึ้น : ผลจากกำไรสุทธิในงวด Q2/52 ที่สูงกว่าที่ SCRI ประมาณไว้ในเบื้องต้น SCRI จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2552 ขึ้นสะท้อนประเด็นดังกล่าว โดย SCRI ปรับกำไรสุทธิปี 2552 ของ TUF ขึ้นจากเดิมราว 38% เป็น 2,612 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดว่าผลประกอบการงวด Q2/52 น่าจะเป็นจุดสูงสุดของปี 2552 แล้วและคาดผลการดำเนินงานใน 2H/52 จะอ่อนตัวลง โดย SCRI ประเมินว่าการที่ราคาปลาทูน่าปรับขึ้นถึง 22% mom เป็น 1,450 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และยังคงอยู่ในระดับประมาณ 1.5 พันดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันในเดือนก.ค. 2552 นั้นจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ TUF ใน Q3/52 ลดลงจาก Q2/52 เนื่องจากโดยปกติแล้ว TUF จะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 เดือนในการปรับราคาขายตามต้นทุนการผลิต รวมทั้ง TUF จะต้องมีการบันทึกค่าใช้จ่ายในการย้ายโรงงานจากหมู่เกาะซามัวร์ไปยังประเทศสหรัฐฯอีกราว 6.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯและ 4.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน Q3/52 และ Q4/52 ตามลำดับ ซึ่งหากประเมินโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จะเท่ากับว่า TUF ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายราว 224 ล้านบาท และ 164.5 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่าใช้จ่ายที่จะบันทึกในงวด Q2/52
* ค่าใช้จ่ายการย้ายโรงงานอาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ : ล่าสุดจากการ Company Visit ผู้บริหาร TUF ประเมินว่าค่าใช้จ่ายในการย้ายโรงงานใน Q3/52 และ Q4/52 นั้นอาจต่ำกว่าประเมินไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน SCRI จึงใช้ข้อมูลค่าใช้จ่ายการย้ายโรงงาน ที่ TUF ประมาณการไว้ก่อนหน้า ซึ่งได้อธิบายไว้ในย่อหน้าที่ 2 ของรายงาน ดังนั้นจึงมีโอกาสที่กำไรสุทธิปี 2552 จะสูงกว่าประมาณการของ SCRI ที่ 2,612 ล้านบาท
* แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 2552 เท่ากับ 30.00 บาท/หุ้น : SCRI ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2552 ของ TUF ขึ้นจากเดิมราว 38% และปรับคำแนะนำจากเดิม “ถือ” ขึ้นมาเป็น “ซื้อ” SCRI ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ TUF จากการปรับประมาณการใหม่ได้เท่ากับ 30.00 บาท โดยใช้วิธี DDM (Cost of Equity 8.5% / Payout Ratio 50% / Terminal Growth 3%) ทั้งนี้ SCRI ประเมิน SCRI Rating ของ TUF อยู่ในระดับ “B”