xs
xsm
sm
md
lg

บล.ดีบีเอสฯจีบ6บจ.โรดโชว์สิงคโปร์ หวังชูศักยภาพธุรกิจไทย-ปลายมิ.ย.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บล.ดีบีเอส วิคเกอร์ เตรียมดึงบริษัทจดทะเบียนไทย โรดโชว์ประเทศสิงคโปร์ ในงาน The Pulse of Asia หวังอวดศักยภาพธุรกิจไทยดูดนักลงทุน ประเดิม 6 รายแรก ปลายเดือนมิถุนายน 52 "ภัทธีรา" คาดผู้บริหารกองทุนเข้าร่วมกว่า 200 คน เล็งเดินสายโรดโชว์อีกครั้งปลายปีนี้

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมนำบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจำนวน 6 แห่ง คือ บมจ.ไทยยูเนียน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF), บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH), บมจ.ศุภาลัย (SPALI), บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ( ประเทศไทย ) ( DELTA ), บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง ( PSL), บมจ.อินโดรามา โพลีเมอร์ส (IRP) เดินทางไปโรดโชว์ในประเทศสิงคโปร์ ภายใต้งานที่ใช้ชื่อว่า The Pulse of Asia ซึ่งเป็นที่จัดขึ้นโดยกลุ่มบล.ดีบีเอส วิคเกอร์ ที่มีสาขากระจายอยู่ในหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง จีน มาเลเซีย เป็นต้น เป็นประจำทุกปี

ทั้งนี้ เหตุผลที่เลือกบริษัทดังกล่าวเพราะมองว่ายังมีความสามารถในการเติบโตอย่างเนื่อง ตลอดจนต้องการให้นักลงทุนต่างชาติได้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาช่วงเดือนมกราคมทางกลุ่มบริษัทได้จัดงานลักษณะนี้มาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้บริหารกองทุนในประเทศสิงคโปร์กว่า 300 คน และนักลงทุนต่างประเทศ เข้ารวมงานกันอย่างคับคั่ง

" งาน The Pulse Asia นั้นจะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน - 2 กรกฏาคม 52 และคาดว่าจะมีผู้บริหารกองทุนในประเทศสิงคโปร์กว่า 300 แห่ง และนักลงทุนจากประเทศอื่นเข้าร่วมด้วยอีก ซึ่งปกติผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่จะค่อนข้างรู้จักบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ของไทยและขนาดกลางอยู่แล้วเพียงแต่ว่ายังไม่ค่อยเห็นความชัดเจนของประสิทธิภาพของบริษัทขนาดกลาง จึงหวังว่าการดึง 6 บจ. เข้าร่วมน่าจะเป็นโอกาสในการชูศักยภาพของธุรกิจไทย และน่าจะเป็นอีกทางเลือกของการลงทุนให้กับผู้ที่สนใจลงทุน " นางภัทธีรากล่าว

อย่างไรก็ตาม จากปัญหาวิกฤตการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ส่งผลกระทบให้ บล.ดีบีเอสฯ จำเป็นต้องเลื่อนแผนการนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเดินทางไปโรดโชว์ประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษช่วงสิงหาคม-กันยายน 52 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากำหนดการที่เลื่อนออกไปนั้นคงจะจัดขึ้นได้ภายในปีนี้

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยครึ่งหลังปี 52 คงสามารถประเมินยาก เพราะต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการของ บริษัทจดทะเบียนสิ้นไตรมาส 2 และการไหลของกระแสเงินทุนจากต่างประเทศ แต่ก็ยังมีข่าวดีตรงที่หลายฝ่ายมองว่าปัญหาเศรฐกิจที่เกิดขึ้นได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ประเด็นการเมืองในประเทศปัจจุบันไม่มีผลต่อความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยมากนัก เพราะไม่ได้เกิดเหตุการณ์ที่จะเป็นปัจจัยลบหรือบวกต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมทั้งมองว่าการที่ดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 600 จุด นั้นค่อนข้างเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานและน่าจะมีทิศทางเกินผลประกอบการที่ออกมาก่อนหน้านี้

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้นักลงทุนควรกระจายพอร์ตการลงทุนไปยัง พันธบัตรรัฐบาล อนุพันธ์ ฯลฯ เพื่อป้องกันความเสี่ยง หากบรรยากาศซื้อขายหลักทรัพย์มีความผันผวนค่อนข้างรุนแรง อย่างไรก็ดี หากต้องการลงทุนในหุ้นควรเลือกกลุ่มที่มีสัดส่วนขนาดใหญ่ของตลาด ทั้งนี้ หากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดหุ้นแนะนำว่าในระยะต่อไปให้เลือกลงทุนในหุ้นขนาดกลาง เช่น กลุ่มอาหาร และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
กำลังโหลดความคิดเห็น