ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ตบเท้ารายงานผลดำเนินงานไตรมาส 2 แบงก์ขนาดใหญ่พอเอาตัวรอด "บัวหลวง"กำไรลดเล็กน้อย ขณะที่"กรุงไทย"ยังเด่นโชว์กำไรเพิ่ม 14% แม้ NIM จะลดเหลือ 3.03% จาก 3.57% ระบุจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น ด้านแบงก์เล็ก"สินเอเซีย-เกียรตินาคิน"หวือหวากำไรพุ่ง 61% และ 143%ตามลำดับ ส่วน"นครหลวงไทย"โปรยยาหอมคาดครึ่งปีหลังกำไรดีกว่าครึ่งปีแรก
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แจ้งถึงผลการดำเนินงานของธนาคารไตรมาส 2 ว่า มีกำไรสุทธิจำนวน 4,859 ล้านบาท(คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.53 บาท) ลดลง 174 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 1.6%เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ รวม 6 เดือนแรกของปี ธนาคารมีกำไรสุทธิ 9,728 ล้านบาท(คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 5.10 บาท) ลดลง 931 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 8.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ สินเชื่อรวมของธนาคารในไตรมาส 2 ลดลงในอัตราที่ชะลอตัวจากไตรมาส 1 โดยสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2552 มีจำนวน 1,099,474 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.2 จากสิ้นปี 2551 โดยส่วนใหญ่เนื่องจากลูกค้าธุรกิจมีการชำระคืนสินเชื่อประเภทเงินทุนหมุนเวียน ซึ่เงป็นผลจากการลดลงของราคาวัตถุดิบและยอดการสั่งซื้อสินเชื่อลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ผ่านมา ธนาคารยังคงดำเนินงานตามเป้าหมายหลักสำคัญ 4 ด้านได้เป็นที่น่าพอใจ ได้แก่ ด้านสภาพคล่อง ด้านรายได้ค่าธรรมเนียม ด้านคุณภาพสินเชื่อ และด้านสถานะเงินกองทุน โดยธนาคารสามารถรักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับสูง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2552 ธนาคารมีเงินฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 81.1
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกันสามารถลดยอดสินเชื่อด้อยคุณภาพลงจำนวน 1,691 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมลดลงจากร้อยละ 4.8 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 เป็นร้อยละ 4.6
สำหรับด้านสถานะเงินกองทุนธนาคารดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนเมื่อรวมกำไรของครึ่งปีแรกแล้ว อยู่ที่ร้อยละ 15.8 ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งและสามารถสนับสนุนให้ธนาคารดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงผันผวนต่อเนื่อง
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ในสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวธนาคารยังคงยึดแนวทางเดิมในการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถสนับสนุนลูกค้าที่มีศักยภาพได้อย่างเหมาะสมทันท่วงที ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง อันจะเกิดประโยชน์ที่ดีกับเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว ยังช่วยการควบคุมคุณภาพสินเชื่อในไตรมาสนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ธนาคารมีเงินฝากทั้งสิ้น 1,355,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 จำนวน 44,210 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.4 เป็นผลสืบเนื่องจากผู้ฝากเงินมีความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของธนาคาร ประกอบกับการขยายฐานเงินฝากอย่างสม่ำเสมอ
**กรุงไทยโชว์กำไรเพิ่ม14%**
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KTB แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2552 จำนวน 2,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 291 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ช่วง 6 เดือนแรกของปีธนาคารมีกำไรสุทธิ 4,710 ล้านบาท ลดลง 1,463 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี Non-Performing Loans(net) ประจำไตรมาส สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2552 อยู่ที่ 60,865,205,361.34 บาท คิดเป็นร้อยละ 5.08 และ Non-Performing Loans (gross) อยู่ที่ 87,939,279,183.50 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 7.18
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2552 ว่า ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเท่ากับ 10,347 ล้านบาท ลดลง 735 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.63 จากไตรมาส 2/2551 ส่วนหนึ่งเกิดจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทน (NIM) เท่ากับร้อยละ 3.03 ลดลงจากไตรมาส 2/2551 ซึ่งเท่ากับ ร้อยละ 3.57
ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 2/2552 เท่ากับ 2,803 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 982 ล้านบาท หรือร้อยละ 53.93 จากไตรมาส 2 ปี 2551 โดยธนาคารมีรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการในไตรมาส 2/2552 เท่ากับ 2,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 490 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.33 จากไตรมาส 2 ปี 2551
ด้านเงินให้สินเชื่อรวม ณ 30 มิถุนายน 2552 มีจำนวน 1,092,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46,421 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.44 จากสิ้นปี 2551 และมีเงินฝาก ณ 30 มิถุนายน 2552 เท่ากับ 1,138,718 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75,186 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.07 จากสิ้นปี2551
**ACL-KKกำไรQ2พุ่ง**
นายธงชัย อานันโทไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทย่อยในช่วง 6 เดือนแรกของปีทีผ่านมา มีกำไรจำนวน 205 ล้านบาท(คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.19 บาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 186 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2 ของปี ธนาคารมีกำไร 108 ล้านบาท (คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.10 บาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 67 ล้านบาท และธนาคารมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL net) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 อยู่ที่ 2,023,920,071.89 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.92
ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 2 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิจำนวน 514.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 30.2 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อเมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกันจำนวน 6,053.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.1 ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสที่สอง มีจำนวน 258.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 43.4 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากกำไรจากการขายเงินลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น 122.3 ล้านบาท
ด้านค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสที่สอง มีจำนวน 333.9 ล้านบาท ลดลงจำนวน 37.7 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนได้มีค่าใช้จ่าย จากการด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัทย่อยจำนวน 79.9 ล้านบาท
ด้านธนาคารเกียรตินาคิน แจ้งว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 จำนวน 607 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 357 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 143% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวม 6 เดือนแรกของปีมีกำไรสุทธิ 986 ล้านบาท 128 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15 เมื่อเทียบเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
**สคิบคาดครึ่งปีหลังกำไรพุ่ง**
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) กล่าวว่า ธนาคารเชื่อว่าแนวโน้มผลกำไรในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยคาดว่าไตรมาสที่เหลือจากนี้กำไรจะดีต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2/2552 ซึ่งเติบโตมากกว่าเท่าตัวจากไตรมาส 1/2552 เนื่องจากฝ่ายจัดการของธนาคารมีความพร้อม รวมทั้งมีความชัดเจนในแผนงาน โดยธนาคารได้ทำการปรับโครงสร้าง ปรับวิธีการทำงาน รวมทั้งบริหารจัดการพอร์ตสินเชื่อให้ดีขึ้น
"แนวโน้มครึ่งปีหลังจะดีเหมือนกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เพราะฝ่ายจัดการเชื่อว่าธนาคารมีความพร้อมที่มากขึ้นและมีความชัดเจนในแผนงานมากขึ้น จึงเชื่อว่าทำได้"
นายชัยวัฒน์กล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกว่า การดำเนินงานของธนาคารในด้านต่างๆ มีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนจากผลประกอบการในครึ่งแรกของปีที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ มีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม 1,870 ล้านบาท เป็นกำไรในไตรมาสแรก 651 ล้านบาท และอีก 1,219 ล้านบาท ในไตรมาสสอง ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ขณะที่มีกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะ 1,862 ล้านบาท แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายของภาวะเศรษฐกิจและการเมืองที่ผันผวน
ทั้งนี้ ผลจากการขยายธุรกิจทำให้ไตรมาสนี้ธนาคารมีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้มิใช่ดอกเบี้ย โดยมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ 3,267 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 252 ล้านบาท หรือร้อยละ 8 เนื่องจากสามารถบริหารต้นทุนเงินฝากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยเพิ่มจากร้อยละ 2.94 ในไตรมาสแรกเป็นร้อยละ 3.21ในไตรมาสนี้ ขณะที่รายได้มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 1,248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 262 ล้านบาทหรือร้อยละ 27 จากไตรมาสแรก ที่มีจำนวน 986 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่มีการปรับตัวดีขึ้น โดยเพิ่มขึ้นจาก 566 ล้านบาทในไตรมาสแรกเป็น 638 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ขณะที่สามารถบริหารค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับทรงตัว ทำให้ธนาคารมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานดีขึ้น โดยมี Cost to Income Ratio เพียงร้อยละ 50 ลดลงจากไตรมาสแรกที่เท่ากับร้อยละ 57
ด้านฐานะการเงิน ณ สิ้นมิถุนายน 2552 ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 413,540 ล้านบาท เป็นเงินให้สินเชื่อ 278,975 ล้านบาท หรือเติบโตในระดับร้อยละ 0.3 จากสิ้นธันวาคม 2551 เป็นการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยสูงถึงร้อยละ 20
ทั้งนี้ ธนาคารนครหลวงไทย แจ้งผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปีมีกำไร 1,870 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 2,157 ล้านบาท โดยไตรมาส 2 ของปีนี้ ธนาคารมีกำไรสุทธิ 1,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 823 ล้านบาท
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แจ้งถึงผลการดำเนินงานของธนาคารไตรมาส 2 ว่า มีกำไรสุทธิจำนวน 4,859 ล้านบาท(คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.53 บาท) ลดลง 174 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 1.6%เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ รวม 6 เดือนแรกของปี ธนาคารมีกำไรสุทธิ 9,728 ล้านบาท(คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 5.10 บาท) ลดลง 931 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 8.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ สินเชื่อรวมของธนาคารในไตรมาส 2 ลดลงในอัตราที่ชะลอตัวจากไตรมาส 1 โดยสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2552 มีจำนวน 1,099,474 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.2 จากสิ้นปี 2551 โดยส่วนใหญ่เนื่องจากลูกค้าธุรกิจมีการชำระคืนสินเชื่อประเภทเงินทุนหมุนเวียน ซึ่เงป็นผลจากการลดลงของราคาวัตถุดิบและยอดการสั่งซื้อสินเชื่อลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ผ่านมา ธนาคารยังคงดำเนินงานตามเป้าหมายหลักสำคัญ 4 ด้านได้เป็นที่น่าพอใจ ได้แก่ ด้านสภาพคล่อง ด้านรายได้ค่าธรรมเนียม ด้านคุณภาพสินเชื่อ และด้านสถานะเงินกองทุน โดยธนาคารสามารถรักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับสูง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2552 ธนาคารมีเงินฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 81.1
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกันสามารถลดยอดสินเชื่อด้อยคุณภาพลงจำนวน 1,691 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมลดลงจากร้อยละ 4.8 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 เป็นร้อยละ 4.6
สำหรับด้านสถานะเงินกองทุนธนาคารดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนเมื่อรวมกำไรของครึ่งปีแรกแล้ว อยู่ที่ร้อยละ 15.8 ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งและสามารถสนับสนุนให้ธนาคารดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงผันผวนต่อเนื่อง
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ในสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวธนาคารยังคงยึดแนวทางเดิมในการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถสนับสนุนลูกค้าที่มีศักยภาพได้อย่างเหมาะสมทันท่วงที ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง อันจะเกิดประโยชน์ที่ดีกับเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว ยังช่วยการควบคุมคุณภาพสินเชื่อในไตรมาสนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ธนาคารมีเงินฝากทั้งสิ้น 1,355,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 จำนวน 44,210 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.4 เป็นผลสืบเนื่องจากผู้ฝากเงินมีความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของธนาคาร ประกอบกับการขยายฐานเงินฝากอย่างสม่ำเสมอ
**กรุงไทยโชว์กำไรเพิ่ม14%**
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KTB แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2552 จำนวน 2,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 291 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ช่วง 6 เดือนแรกของปีธนาคารมีกำไรสุทธิ 4,710 ล้านบาท ลดลง 1,463 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี Non-Performing Loans(net) ประจำไตรมาส สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2552 อยู่ที่ 60,865,205,361.34 บาท คิดเป็นร้อยละ 5.08 และ Non-Performing Loans (gross) อยู่ที่ 87,939,279,183.50 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 7.18
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2552 ว่า ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเท่ากับ 10,347 ล้านบาท ลดลง 735 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.63 จากไตรมาส 2/2551 ส่วนหนึ่งเกิดจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทน (NIM) เท่ากับร้อยละ 3.03 ลดลงจากไตรมาส 2/2551 ซึ่งเท่ากับ ร้อยละ 3.57
ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 2/2552 เท่ากับ 2,803 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 982 ล้านบาท หรือร้อยละ 53.93 จากไตรมาส 2 ปี 2551 โดยธนาคารมีรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการในไตรมาส 2/2552 เท่ากับ 2,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 490 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.33 จากไตรมาส 2 ปี 2551
ด้านเงินให้สินเชื่อรวม ณ 30 มิถุนายน 2552 มีจำนวน 1,092,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46,421 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.44 จากสิ้นปี 2551 และมีเงินฝาก ณ 30 มิถุนายน 2552 เท่ากับ 1,138,718 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75,186 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.07 จากสิ้นปี2551
**ACL-KKกำไรQ2พุ่ง**
นายธงชัย อานันโทไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทย่อยในช่วง 6 เดือนแรกของปีทีผ่านมา มีกำไรจำนวน 205 ล้านบาท(คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.19 บาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 186 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2 ของปี ธนาคารมีกำไร 108 ล้านบาท (คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.10 บาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 67 ล้านบาท และธนาคารมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL net) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 อยู่ที่ 2,023,920,071.89 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.92
ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 2 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิจำนวน 514.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 30.2 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อเมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกันจำนวน 6,053.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.1 ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสที่สอง มีจำนวน 258.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 43.4 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากกำไรจากการขายเงินลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น 122.3 ล้านบาท
ด้านค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสที่สอง มีจำนวน 333.9 ล้านบาท ลดลงจำนวน 37.7 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนได้มีค่าใช้จ่าย จากการด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัทย่อยจำนวน 79.9 ล้านบาท
ด้านธนาคารเกียรตินาคิน แจ้งว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 จำนวน 607 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 357 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 143% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวม 6 เดือนแรกของปีมีกำไรสุทธิ 986 ล้านบาท 128 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15 เมื่อเทียบเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
**สคิบคาดครึ่งปีหลังกำไรพุ่ง**
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) กล่าวว่า ธนาคารเชื่อว่าแนวโน้มผลกำไรในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยคาดว่าไตรมาสที่เหลือจากนี้กำไรจะดีต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2/2552 ซึ่งเติบโตมากกว่าเท่าตัวจากไตรมาส 1/2552 เนื่องจากฝ่ายจัดการของธนาคารมีความพร้อม รวมทั้งมีความชัดเจนในแผนงาน โดยธนาคารได้ทำการปรับโครงสร้าง ปรับวิธีการทำงาน รวมทั้งบริหารจัดการพอร์ตสินเชื่อให้ดีขึ้น
"แนวโน้มครึ่งปีหลังจะดีเหมือนกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เพราะฝ่ายจัดการเชื่อว่าธนาคารมีความพร้อมที่มากขึ้นและมีความชัดเจนในแผนงานมากขึ้น จึงเชื่อว่าทำได้"
นายชัยวัฒน์กล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกว่า การดำเนินงานของธนาคารในด้านต่างๆ มีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนจากผลประกอบการในครึ่งแรกของปีที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ มีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม 1,870 ล้านบาท เป็นกำไรในไตรมาสแรก 651 ล้านบาท และอีก 1,219 ล้านบาท ในไตรมาสสอง ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ขณะที่มีกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะ 1,862 ล้านบาท แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายของภาวะเศรษฐกิจและการเมืองที่ผันผวน
ทั้งนี้ ผลจากการขยายธุรกิจทำให้ไตรมาสนี้ธนาคารมีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้มิใช่ดอกเบี้ย โดยมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ 3,267 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 252 ล้านบาท หรือร้อยละ 8 เนื่องจากสามารถบริหารต้นทุนเงินฝากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยเพิ่มจากร้อยละ 2.94 ในไตรมาสแรกเป็นร้อยละ 3.21ในไตรมาสนี้ ขณะที่รายได้มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 1,248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 262 ล้านบาทหรือร้อยละ 27 จากไตรมาสแรก ที่มีจำนวน 986 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่มีการปรับตัวดีขึ้น โดยเพิ่มขึ้นจาก 566 ล้านบาทในไตรมาสแรกเป็น 638 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ขณะที่สามารถบริหารค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับทรงตัว ทำให้ธนาคารมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานดีขึ้น โดยมี Cost to Income Ratio เพียงร้อยละ 50 ลดลงจากไตรมาสแรกที่เท่ากับร้อยละ 57
ด้านฐานะการเงิน ณ สิ้นมิถุนายน 2552 ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 413,540 ล้านบาท เป็นเงินให้สินเชื่อ 278,975 ล้านบาท หรือเติบโตในระดับร้อยละ 0.3 จากสิ้นธันวาคม 2551 เป็นการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยสูงถึงร้อยละ 20
ทั้งนี้ ธนาคารนครหลวงไทย แจ้งผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปีมีกำไร 1,870 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 2,157 ล้านบาท โดยไตรมาส 2 ของปีนี้ ธนาคารมีกำไรสุทธิ 1,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 823 ล้านบาท