xs
xsm
sm
md
lg

วัคซีนหวัดเสร็จ ส.ค. ยุ่นวุ่น 4 วันติดพันราย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน/เอเอฟพี – สธ.ตั้งคณะกรรมการ 3 ชุดคุมการทดลองวัคซีนหวัดใหญ่ เผยล็อตแรกทดลองต้นส.ค.นี้ สอนมวย “หมอสุชัย” อย่าสับสน ชี้งบ 600 ล้านเป็นงบซื้อวัคซีนจากต่างประเทศ ไมใช่งบลงทุนผลิตวัคซีน “วิทยา” เย้ยเพื่อไทยแค่เกมการเมือง พร้อมให้อภ.สั่งวัตถุดิบผลิตยาต้านไวรัสเพิ่ม 10 ล้านเม็ด ระบุคู่มือหวัด 4 ล้านเล่มเสร็จแล้ว คนกรุงรับได้จันทร์นี้ ส่วนตจว.รับ21 ก.ค. ขณะที่ญี่ปุ่นน่าห่วงพบป่วยเพิ่มพันรายใน4วัน

วานนี้(19 ก.ค.)นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมร่วมกับ นพ.ไพจิตร์ วราชิต พ.ญ.ศิริพร กัญชนะ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข และนพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.องค์การเภสัชกรรม เพื่อติดตามมาตรการควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ว่า การประชุมในครั้งนี้ ได้ติดตามมาตรการความคืบหน้าการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ใน 4 ประเด็น ได้แก่วัคซีน ประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลในรายที่มีอาการรุนแรง และในรายที่มีความเสี่ยงอาการรุนแรง เพื่อให้ได้รับยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียเร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอผลแล็บ การจัดทำคู่มือประชาชนในการป้องกันโรค รวมทั้งการติดตามข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ประชาชนและหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เสนอแนะ หรือให้คำแนะต่อกระทรวงสาธารณสุข

ในส่วนประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลประชาชนที่ป่วย ขณะนี้ สธ.ได้กระจายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียไปให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนทุกจังหวัด ลงไปถึงระดับโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งอย่างเพียงพอ ขณะนี้มียาสำรองในระบบแล้ว 14 ล้านเม็ด และหลังจากปรับมาตรการรักษาแล้วได้ให้องค์การเภสัชกรรมสั่งวัตถุดิบเพื่อผลิตยาดังกล่าวอีก 10 ล้านเม็ดในสัปดาห์หน้า รวมแล้วมียาสำรองในระบบทั้งสิ้น 24 ล้านเม็ด วัตถุดิบจะมาถึงไทยวันพุธหน้า และใช้เวลาบรรจุ 3-5 วัน ก็จะจัดส่งไปยังสถานพยาบาลต่างๆได้ ยามีเพียงพอ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้

**อัดกลับ พท.แค่เล่นเกมการเมือง

นายวิทยากล่าวถึงกรณีข้อเรียกร้องต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยว่า เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง เช่นกรณีที่เรียกร้องให้รัฐต้องยกเลิกอัตราค่าตรวจเชื้อไข้หวัดจำนวน 3,500 บาทนั้น ความเป็นจริงในโรงพยาบาลของรัฐก็ไม่ได้คิดค่าตรวจอยู่แล้ว หรืออย่างเช่นในเรื่องของการเรียกร้องให้มีการแถลงข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอาทิตย์ละ 3 ครั้ง โดยกล่าวหาว่ามีการปกปิดข้อมูล ก็เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะแม้สธ.จะแถลงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ก็ขอยืนยันว่าเป็นการแถลงข้อมูลในรายละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการติดเชื้อเพิ่มหรือการเสียชีวิต ไม่ได้มีการปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด ทั้งนี้ การดำเนินการของ สธ.เป็นไปตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก ซึ่งขณะนี้ได้เลิกรายงานตัวเลขคนป่วยคนตายเช่นกัน เพราะไม่มีความจำเป็นใดๆ ยกเว้นกรณีประเทศที่เพิ่งติดเชื้อใหม่หรือมีการเสียชีวิตเป็นครั้งแรก

“ผมคิดว่า เขาคงทำตามเกมมากกว่า ส่วนเรื่องการระบาดเพิ่ม ผมยอมรับว่าระบาดเพิ่มจริง แต่เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และองค์การอนามัยโลกก็ไม่เคยโต้แย้งมาตรการการทำงานของรัฐบาลและ สธ. เพราะเราทำทุกอย่างภายใต้คำแนะนำขององค์การอนามัยโลก โดยในการประชุมผู้เชี่ยวชาญ ผู้แทนขององค์การอนามัยโลกในระดับอาเซียนก็เข้าร่วมประชุมด้วยโดยตลอด และยอมรับว่ามาตรการของไทยทำได้ดีมากในระดับภูมิภาค”นายวิทยากล่าว

**ตั้ง กก.3 ชุดเคลียร์ทดลองวัคซีน

นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัด สธ. กล่าวถึงความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ว่า การผลิตวัคซีนดังกล่าว เป็นการคุ้มครองความปลอดภัยแก่ประชาชนไทยและความมั่นคงของประเทศไทยในการป้องกันโรคติดต่อ ขณะนี้ สธ.ได้ตั้งคณะกรรมการดูแลประสิทธิภาพความปลอดภัยของวัคซีนอย่างรัดกุมที่สุดตามหลักวิชาการและมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก มี 3 ชุด ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการทดลองในคน 2.คณะอนุกรรมการขึ้นทะเบียนวัคซีน และ3.คณะอนุกรรมการส่งเสริมการผลิตวัคซีน ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญองค์การเภสัชกรรม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยคาดว่าวัคซีนต้นแบบล็อตแรก จะออกมาช่วงต้นเดือนส.ค.นี้ จากนั้นก็จะทดลองประสิทธิภาพในความปลอดภัยในสัตว์ทดลอง และทดลองในคนต่อไปตามขั้นตอนของหลักสากล หากไม่ได้ผลหรือไม่มีความมั่นใจ จะไม่มีการนำมาใช้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ประเด็นการใช้เงิน 600 ล้านบาท ที่หลายฝ่ายเข้าใจว่าเป็นการลงทุนผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ยืนยันว่าเงินดังกล่าว เป็นเงินที่สั่งจองซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯจำนวน 2 ล้านโดส ที่ผลิตในต่างประเทศ จากบริษัทซาโนฟี่ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก โดยวัคซีนดังกล่าวจะส่งถึงไทยในเดือนธ.ค.นี้

ด้านนพ.วิทิต อรรคเวชกุล ผู้อำนวยการ อภ. กล่าวยืนยันว่า เมื่อผลิตวัคซีนออกมาแล้ว หากไม่มั่นใจในความปลอดภัยก็จะไม่มีการนำมาใช้รักษาคนแน่นอน

**แจกปรอท อสม.วัดไข้

ด้าน พ.ญ.ศิริพร กัญชนะ รองปลัด สธ.กล่าวว่า ในส่วนมาตรการชะลอการแพร่เชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ จะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น ได้มีหนังสือสั่งการกำชับให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดดำเนินการตรวจคัดกรองเด็กที่ป่วยในโรงเรียนทุกแห่งทั้งรัฐเอกชนและติดตามต่อเนื่องทุกวัน เป็นมาตรการเหมือนกันทั่วประเทศ หากพบเด็กป่วย ให้หยุดเรียนและอยู่ที่บ้านจริงๆ แทนการปิดโรงเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองดูแล จนกว่าจะหายป่วย ซึ่งวิธีนี้นับว่าดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด รวมทั้งกิจกรรมรณรงค์ทำความสะอาดโรงเรียน สถานบันเทิง โรงงาน การสำรวจความเพียงพอของอ่างล้างมือของโรงเรียน และให้ส่งรายงานผลการปฏิบัติให้ศูนย์อำนวยการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของ สธ.ทุกวัน

ขณะเดียวกัน สธ.ได้แจกปรอทวัดไข้ให้ อสม.ทั่วประเทศ ทำการคัดกรองผู้ที่มีไข้ในหมู่บ้าน เพื่อส่งตัวเข้าดูแลต่อที่สถานพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างรวดเร็วและถูกต้อง พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จัดพิมพ์คู่มือโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฉบับประชาชน แบบพกพาได้ จำนวน 4 ล้านฉบับ โดยจะเริ่มจัดส่งไปกทม. ในวันที่ 20 ก.ค. และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศในวันที่ 21 ก.ค.นี้ เพื่อให้อสม.นำไปแจกจ่ายให้ประชาชนต่อไป

ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัด สธ. กล่าวถึงการให้ข้อมูลกับประชาชนว่า แม้จะมีการรายงานตัวเลขผู้ป่วยผู้เสียชีวิตสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ สธ.ยังได้รับรายงานและรวบรวมข้อมูลทุกวัน ขอชี้แจงว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ระยะที่ 3 คือ เชื้อแพร่กระจายทั่วประเทศแล้ว ทำให้ความสำคัญของห้องปฏิบัติการในการตรวจยืนยันเชื้อลดลงแล้ว จะมีเพียงการเฝ้าระวังกรณีมีอาการรุนแรงในกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น ส่วนผลสำรวจจากโพลต่าง ๆ ระบุว่าประชาชนยังไม่เชื่อมั่นรัฐบาลและกระทรวงฯ ในการรับมือการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่นั้น คิดว่าเป็นที่การสื่อสารมากกว่า ซึ่งต้องแก้ไขปรับปรุง

**คนกรุงร้อยละ 50.5 ยังไม่พอใจรัฐบาล

ศูนย์วิจัยม.กรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) สำรวจ “ความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ ต่อมาตรการป้องกันโรคไข้หวัด 2009” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนชาวกรุงเทพฯ อายุ 18 ปีขึ้นไป ในทุกสาขาอาชีพ จำนวน 1,018 คน เมื่อวันที่ 16-18 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าร้อยละ 50.5 ยังไม่พึงพอใจต่อมาตรการรับมือกับโรคไข้หวัด 2009 ที่ผ่านมาของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้เหตุผลว่า รัฐบาลไม่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่จริงจังชัดเจน จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน ปิดบังความจริง และข้อมูลข่าวสารไม่ทั่วถึง ขณะที่ร้อยละ 49.5 ระบุพอใจ

นอกจากนี้ คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 63.4 ไม่เชื่อมั่นว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ไม่ให้ลุกลามจนถึงขั้นต้องปิดประเทศ ขณะที่ร้อยละ 36.6 ระบุเชื่อมั่น ส่วนสิ่งที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร่งด่วนเพื่อรับมือกับโรคไข้หวัด 2009 ในขณะนี้ คือ เพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดให้จริงจังชัดเจนขึ้น ร้อยละ 64.9 เร่งจัดหาวัคซีนป้องกันโรคให้เพียงพอ ร้อยละ 60.1 ให้บริการรักษาฟรีกับผู้ป่วยโรคไข้หวัด 2009 ทุกคน ร้อยละ 55.3 ประสานการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ไปในทิศทางเดียวกัน ร้อยละ 37.3

**กทม.สั่งทุกเขตเร่งประชาสัมพันธ์

พ.ญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดซื้อหน้ากากอนามัยจำนวน 2 ล้านชิ้นของ กทม. ว่า หน้ากากจะทยอยเข้ามาในวันจันทร์นี้ (20 ก.ค.) เบื้องต้นอาจจะเข้ามาได้เพียงแค่ครึ่งเดียว เนื่องจากบริษัทผู้ผลิต ผลิตไม่ทัน คาดว่าจะได้ครบ 2 ล้านชิ้น ภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจะทยอยแจกไปยังโรงเรียนในสังกัดทั้ง 435 แห่ง และหน่วยงานต่างๆ ในสังกัด กทม. สำหรับปรอทวัดไข้ที่จะแจกจ่ายให้กับโรงเรียน กทม.สั่งซื้อไป 30,000 ชิ้น แต่ได้รับมาเพียง 18,000 ชิ้น ภายในสัปดาห์นี้น่าจะได้ครบเช่นเดียวกัน

ส่วนการจัดหน่วยคัดกรองโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ซึ่งพบว่ามีประชาชนมาใช้บริการน้อยนั้น พ.ญ.มาลินี กล่าวว่า ค่อนข้างกังวล แต่ก็เข้าใจว่าเป็นบริการใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น หลายคนอาจยังไม่ทราบ หรือไม่เข้าใจว่าที่เขตจะบริการได้เทียบเท่าโรงพยาบาลหรือไม่ ดังนั้น จึงได้สั่งการให้สำนักงานเขตเร่งประชาสัมพันธ์ทุกวิถีทางให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบ เพื่อลดความแออัดในการเข้าไปใช้บริการในโรงพยาบาล

**โฆษก พท.ร้องให้ตรวจฟรี

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีออกมาบอกว่า การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ไม่รุนแรง แต่ล่าสุด พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการระดับชาติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ออกมายอมรับและขอให้ประชาชนช่วยเหลือตัวเอง กรณีดังกล่าวถือเป็นความล้มเหลวในการดำเนินนโยบาย

นอกจากนี้ การแถลงเกี่ยวกับการระบาดอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ไม่เพียงพอต่อการให้ข้อมูลกับประชาชน แต่ควรแถลงอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ และรู้สึกเป็นห่วงคนที่มีรายได้น้อยและคนยากจน มีความไม่มั่นใจการบริการสาธารณสุข รวมทั้งขอเรียกร้องให้รัฐต้องยกเลิกอัตราค่าตรวจเชื้อไข้หวัดจำนวน 3,500 บาท โดยนายกรัฐมนตรีต้องประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ และเปิดให้บริการตรวจเชื้อและตรวจรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยหากรัฐบาลไม่ดำเนินการ ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตนตั้งโต๊ะให้ประชาชนมาร้องเรียนและจะนำเรื่องไปยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบเอาผิดกับนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

**”มาร์ค”กำชับ สธ.จ่ายยาให้มีประสิทธิภาพ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ว่า ขณะนี้ต้องถือว่าความรู้ของผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ค่อนข้างที่จะตกผลึก และมีความสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น โดยมาจนถึงวันนี้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้เข้าไประบาดอยู่ในประเทศกว่า 130 ประเทศ และองค์การอนามัยโลกได้ยอมรับว่าขณะนี้โรคนี้ถือว่าเป็นโรคประจำถิ่นของประเทศต่าง ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว ถึงขั้นที่ว่าขณะนี้องค์การอนามัยโลกก็หยุดในเรื่องของการรายงานจำนวนผู้ป่วย จำนวนผู้เสียชีวิต ที่เป็นตารางที่เคยจัดทำ แทบจะเรียกว่าเกือบทุกวันหรือ 2-3 วัน โดยขณะนี้ไม่ทำแล้ว และไม่แนะนำว่าจะต้องมีการตรวจว่าแต่ละคนที่มีอาการเป็นหรือไม่เป็น

นอกจากนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติเงินอีก 850 ล้านบาท 250 ล้านเพื่อที่จะซื้อยาเพิ่มเติมตัวนี้ให้เรามีสต็อกที่เพียงพอ ในการที่จะดูแลประชาชนของเรา พร้อม ๆ กันไปขณะนี้ได้ขอให้ทาง สธ.จัดระบบในเรื่องของการจ่ายยาและให้ยาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“ผมติดตามเรื่องนี้ตลอด บอกเลยว่าเป็นห่วงมาก ทุกเช้าก็นั่งเปิดอินเทอร์เน็ตดูเฉพาะเรื่องไข้หวัด ประมาณ 20 นาที ซึ่งทุกวันนี้ผมพกเจลล้างมืออยู่ เวลาที่จะไปตามที่ต่าง ๆ หน้ากากก็พกไว้ จะไปใช้ในกรณีซึ่งสมมติไปอยู่ในที่ที่อยู่ห่างจากคนไม่เกิน 1 เมตร ก็ควรจะใส่”นายอภิสิทธิ์กล่าว

“โฆษก ปชป.” ยัน ปชช.มาก่อน

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย จัดประชุมสัมมนาเรื่องไข้หวัดใหญ่ 2009 และมีความเป็นห่วงผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ว่า ขอชี้แจงหลักเกณฑ์ขั้นตอนการปฏิบัติถึงการใช้วัคซีนที่จะนำเข้ามาจากต่างประเทศ หรือการค้นคว้าวิจัยต่อโดยองค์การเภสัชกรรม ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขของไทย ว่า ก่อนการจะนำมาใช้กับประชาชนส่วนใหญ่ ยืนยันมีการนำวัคซีนดังกล่าวไปทดลองในสัตว์ทดลอง และกลุ่มอาสาสมัครเพื่อเฝ้าดูผลข้างเคียง และผลกระทบที่จะตามมา

ดังนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนคนไทยเป็นหลัก ก่อนนำวัคซีนหรือยาใดๆ มาใช้กับประชาชน เพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่

**ญี่ปุ่นป่วยเพิ่มพันรายใน 4 วัน

กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นรายงานในวันอาทิตย์ (19) ว่าจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 4,000 รายแล้ว โดยมีตัวเลขพุ่งขึ้นราว 1,000 รายภายในเวลาเพียง 4 วัน โดยได้ยืนยันจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดเอ (เอช1เอ็น1) จนถึงเวลา 6.00 น.วันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น (ตี4 เวลาเมืองไทย) ว่ามี 4,027 รายด้วยกัน หลังจากที่พบผู้ป่วยรายแรกในประเทศเมื่อต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงจนกระทั่งถึงเช้าวันอาทิตย์พบผู้ป่วยใหม่ 150 ราย และตั้งแต่เช้าวันศุกร์(17)ถึงเช้าวันเสาร์(18) พบผู้ป่วยรายใหม่ 209 ราย ขณะที่เมื่อเช้าวันพุธ(15)ที่แล้วกระทรวงเพิ่งประกาศจำนวนผู้ติดเชื้อทะลุระดับสามพันมาอยู่ที่ 3,122 ราย

ก่อนหน้านี้จำนวนผู้ติดเชื้อหวัด 2009 ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วงแรก แต่กลับเพิ่มในอัตราเร่งในระยะไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

**เตือน นร.ขาดสอบGAT/PATส่งคำร้อง

นายศุรพงศ์ พงศ์เดชขจร ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ศธ.และ ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมสนามสอบวิชาความถนัดทางภาษาต่างประเทศ (PAT 7) ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามสอบของการสอบความถนัดทั่วไป (GAT) และความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ (PAT) รอบที่ 2 ของปีการศึกษานี้ ระหว่างวันที่ 8-9 และ 18-19 ก.ค. ก่อนเข้าห้องสอบมีเจ้าหน้าที่แจกเจลล้างมือให้นักเรียนทุกคนทำความสะอาดก่อนเข้าสอบ และยังมีนักเรียนบางคนสวมหน้ากากอนามัยเข้าสอบเพื่อป้องกันโรคหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่

นายศุรพงศ์ กล่าวว่า หลังจากประมวลผลใน 4 วันที่ผ่านมา ภาพรวมถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ส่วนปัญหาที่หลายฝ่ายกังวลคือการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่พบว่าไม่น่าเป็นห่วงเพราะหลังจากตรวจสอบในหลายๆ สนามสอบก็มีมาตรการรับมือเป็นอย่างดี มีการแจกเจลล้างมือ แจกหน้ากากอนามัย และจัดห้องสอบแยกเฉพาะให้สำหรับผู้ป่วย ซึ่งยังไม่ได้รับรายงานว่ามีที่ไหนใช้ห้องสอบเฉพาะ ส่วนเด็กที่ขาดสอบเท่าที่ประเมินเบื้องต้นอยู่ในเกณฑ์ปกติของทุกปี ดังนั้น เรื่องหวัดใหญ่จึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นห่วง ส่วนตัวเลขที่ชัดเจนจะบอกได้หลังจากสรุปยอดจากทั่วประเทศวันนี้

ศ.ดร.อุทุมพร กล่าวว่า จากที่มีนักเรียนขาดสอบเนื่องจากป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ ทาง สทศ.จะจัดสอบชดเชยเป็นกรณีพิเศษ โดยอนุญาตเฉพาะนักเรียนที่มีใบรับรองแพทย์ว่ามีอาการเริ่มต้นของไข้หวัด หรือเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 เท่านั้น ซึ่งการสอบชดเชยจะมีขึ้นในวันที่ 8 และ 9 ส.ค.นี้ ฝากไปยังผู้ที่ขาดสอบให้รีบส่งคำร้อง พร้อมกับใบรับรองแพทย์มาที่ สทศ.ภายในวันที่ 24 ก.ค.นี้ เพื่อจะตรวจสอบหลักฐานในวันที่ 26 ก.ค.จากนั้น สทศ.จะโทรศัพท์แจ้งไปยังนักเรียนที่มีสิทธิ์สอบวันที่ 28 ก.ค.ขณะนี้ได้รับคำร้องขาดสอบสาเหตุจากโรคหวัดในพื้นที่กรุงเทพฯ ประมาณ 140 คน และรวมจากศูนย์สอบ 17 แห่งทั่วประเทศจะมีไม่ต่ำกว่า 200 คน โดยที่ สทศ.จะออกค่าใช้จ่ายการเดินทาง (เฉพาะรถทัวร์ และรถไฟ) และที่พักให้นักเรียนต่างจังหวัดด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น