ASTVผู้จัดการรายวัน/เอเอฟพี – สธ.ตั้งคณะกรรมการ 3 ชุดคุมการทดลองวัคซีนหวัดใหญ่ เผยล็อตแรกทดลองต้นส.ค.นี้ สอนมวย “หมอสุชัย” อย่าสับสน ชี้งบ 600 ล้านเป็นงบซื้อวัคซีนจากต่างประเทศ ไมใช่งบลงทุนผลิตวัคซีน “วิทยา” เย้ยเพื่อไทยแค่เกมการเมือง พร้อมให้อภ.สั่งวัตถุดิบผลิตยาต้านไวรัสเพิ่ม 10 ล้านเม็ด ระบุคู่มือหวัด 4 ล้านเล่มเสร็จแล้ว คนกรุงรับได้จันทร์นี้ ส่วนตจว.รับ21 ก.ค. ขณะที่ญี่ปุ่นน่าห่วงพบป่วยเพิ่มพันรายใน4วัน
วานนี้(19 ก.ค.)นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมร่วมกับ นพ.ไพจิตร์ วราชิต พ.ญ.ศิริพร กัญชนะ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข และนพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.องค์การเภสัชกรรม เพื่อติดตามมาตรการควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ว่า การประชุมในครั้งนี้ ได้ติดตามมาตรการความคืบหน้าการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ใน 4 ประเด็น ได้แก่วัคซีน ประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลในรายที่มีอาการรุนแรง และในรายที่มีความเสี่ยงอาการรุนแรง เพื่อให้ได้รับยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียเร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอผลแล็บ การจัดทำคู่มือประชาชนในการป้องกันโรค รวมทั้งการติดตามข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ประชาชนและหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เสนอแนะ หรือให้คำแนะต่อกระทรวงสาธารณสุข
ในส่วนประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลประชาชนที่ป่วย ขณะนี้ สธ.ได้กระจายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียไปให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนทุกจังหวัด ลงไปถึงระดับโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งอย่างเพียงพอ ขณะนี้มียาสำรองในระบบแล้ว 14 ล้านเม็ด และหลังจากปรับมาตรการรักษาแล้วได้ให้องค์การเภสัชกรรมสั่งวัตถุดิบเพื่อผลิตยาดังกล่าวอีก 10 ล้านเม็ดในสัปดาห์หน้า รวมแล้วมียาสำรองในระบบทั้งสิ้น 24 ล้านเม็ด วัตถุดิบจะมาถึงไทยวันพุธหน้า และใช้เวลาบรรจุ 3-5 วัน ก็จะจัดส่งไปยังสถานพยาบาลต่างๆได้ ยามีเพียงพอ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้
**อัดกลับ พท.แค่เล่นเกมการเมือง
นายวิทยากล่าวถึงกรณีข้อเรียกร้องต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยว่า เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง เช่นกรณีที่เรียกร้องให้รัฐต้องยกเลิกอัตราค่าตรวจเชื้อไข้หวัดจำนวน 3,500 บาทนั้น ความเป็นจริงในโรงพยาบาลของรัฐก็ไม่ได้คิดค่าตรวจอยู่แล้ว หรืออย่างเช่นในเรื่องของการเรียกร้องให้มีการแถลงข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอาทิตย์ละ 3 ครั้ง โดยกล่าวหาว่ามีการปกปิดข้อมูล ก็เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะแม้สธ.จะแถลงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ก็ขอยืนยันว่าเป็นการแถลงข้อมูลในรายละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการติดเชื้อเพิ่มหรือการเสียชีวิต ไม่ได้มีการปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด ทั้งนี้ การดำเนินการของ สธ.เป็นไปตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก ซึ่งขณะนี้ได้เลิกรายงานตัวเลขคนป่วยคนตายเช่นกัน เพราะไม่มีความจำเป็นใดๆ ยกเว้นกรณีประเทศที่เพิ่งติดเชื้อใหม่หรือมีการเสียชีวิตเป็นครั้งแรก
“ผมคิดว่า เขาคงทำตามเกมมากกว่า ส่วนเรื่องการระบาดเพิ่ม ผมยอมรับว่าระบาดเพิ่มจริง แต่เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และองค์การอนามัยโลกก็ไม่เคยโต้แย้งมาตรการการทำงานของรัฐบาลและ สธ. เพราะเราทำทุกอย่างภายใต้คำแนะนำขององค์การอนามัยโลก โดยในการประชุมผู้เชี่ยวชาญ ผู้แทนขององค์การอนามัยโลกในระดับอาเซียนก็เข้าร่วมประชุมด้วยโดยตลอด และยอมรับว่ามาตรการของไทยทำได้ดีมากในระดับภูมิภาค”นายวิทยากล่าว
**ตั้ง กก.3 ชุดเคลียร์ทดลองวัคซีน
นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัด สธ. กล่าวถึงความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ว่า การผลิตวัคซีนดังกล่าว เป็นการคุ้มครองความปลอดภัยแก่ประชาชนไทยและความมั่นคงของประเทศไทยในการป้องกันโรคติดต่อ ขณะนี้ สธ.ได้ตั้งคณะกรรมการดูแลประสิทธิภาพความปลอดภัยของวัคซีนอย่างรัดกุมที่สุดตามหลักวิชาการและมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก มี 3 ชุด ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการทดลองในคน 2.คณะอนุกรรมการขึ้นทะเบียนวัคซีน และ3.คณะอนุกรรมการส่งเสริมการผลิตวัคซีน ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญองค์การเภสัชกรรม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยคาดว่าวัคซีนต้นแบบล็อตแรก จะออกมาช่วงต้นเดือนส.ค.นี้ จากนั้นก็จะทดลองประสิทธิภาพในความปลอดภัยในสัตว์ทดลอง และทดลองในคนต่อไปตามขั้นตอนของหลักสากล หากไม่ได้ผลหรือไม่มีความมั่นใจ จะไม่มีการนำมาใช้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ประเด็นการใช้เงิน 600 ล้านบาท ที่หลายฝ่ายเข้าใจว่าเป็นการลงทุนผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ยืนยันว่าเงินดังกล่าว เป็นเงินที่สั่งจองซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯจำนวน 2 ล้านโดส ที่ผลิตในต่างประเทศ จากบริษัทซาโนฟี่ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก โดยวัคซีนดังกล่าวจะส่งถึงไทยในเดือนธ.ค.นี้
ด้านนพ.วิทิต อรรคเวชกุล ผู้อำนวยการ อภ. กล่าวยืนยันว่า เมื่อผลิตวัคซีนออกมาแล้ว หากไม่มั่นใจในความปลอดภัยก็จะไม่มีการนำมาใช้รักษาคนแน่นอน
**แจกปรอท อสม.วัดไข้
ด้าน พ.ญ.ศิริพร กัญชนะ รองปลัด สธ.กล่าวว่า ในส่วนมาตรการชะลอการแพร่เชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ จะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น ได้มีหนังสือสั่งการกำชับให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดดำเนินการตรวจคัดกรองเด็กที่ป่วยในโรงเรียนทุกแห่งทั้งรัฐเอกชนและติดตามต่อเนื่องทุกวัน เป็นมาตรการเหมือนกันทั่วประเทศ หากพบเด็กป่วย ให้หยุดเรียนและอยู่ที่บ้านจริงๆ แทนการปิดโรงเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองดูแล จนกว่าจะหายป่วย ซึ่งวิธีนี้นับว่าดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด รวมทั้งกิจกรรมรณรงค์ทำความสะอาดโรงเรียน สถานบันเทิง โรงงาน การสำรวจความเพียงพอของอ่างล้างมือของโรงเรียน และให้ส่งรายงานผลการปฏิบัติให้ศูนย์อำนวยการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของ สธ.ทุกวัน
ขณะเดียวกัน สธ.ได้แจกปรอทวัดไข้ให้ อสม.ทั่วประเทศ ทำการคัดกรองผู้ที่มีไข้ในหมู่บ้าน เพื่อส่งตัวเข้าดูแลต่อที่สถานพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างรวดเร็วและถูกต้อง พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จัดพิมพ์คู่มือโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฉบับประชาชน แบบพกพาได้ จำนวน 4 ล้านฉบับ โดยจะเริ่มจัดส่งไปกทม. ในวันที่ 20 ก.ค. และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศในวันที่ 21 ก.ค.นี้ เพื่อให้อสม.นำไปแจกจ่ายให้ประชาชนต่อไป
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัด สธ. กล่าวถึงการให้ข้อมูลกับประชาชนว่า แม้จะมีการรายงานตัวเลขผู้ป่วยผู้เสียชีวิตสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ สธ.ยังได้รับรายงานและรวบรวมข้อมูลทุกวัน ขอชี้แจงว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ระยะที่ 3 คือ เชื้อแพร่กระจายทั่วประเทศแล้ว ทำให้ความสำคัญของห้องปฏิบัติการในการตรวจยืนยันเชื้อลดลงแล้ว จะมีเพียงการเฝ้าระวังกรณีมีอาการรุนแรงในกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น ส่วนผลสำรวจจากโพลต่าง ๆ ระบุว่าประชาชนยังไม่เชื่อมั่นรัฐบาลและกระทรวงฯ ในการรับมือการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่นั้น คิดว่าเป็นที่การสื่อสารมากกว่า ซึ่งต้องแก้ไขปรับปรุง
**คนกรุงร้อยละ 50.5 ยังไม่พอใจรัฐบาล
ศูนย์วิจัยม.กรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) สำรวจ “ความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ ต่อมาตรการป้องกันโรคไข้หวัด 2009” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนชาวกรุงเทพฯ อายุ 18 ปีขึ้นไป ในทุกสาขาอาชีพ จำนวน 1,018 คน เมื่อวันที่ 16-18 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าร้อยละ 50.5 ยังไม่พึงพอใจต่อมาตรการรับมือกับโรคไข้หวัด 2009 ที่ผ่านมาของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้เหตุผลว่า รัฐบาลไม่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่จริงจังชัดเจน จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน ปิดบังความจริง และข้อมูลข่าวสารไม่ทั่วถึง ขณะที่ร้อยละ 49.5 ระบุพอใจ
นอกจากนี้ คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 63.4 ไม่เชื่อมั่นว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ไม่ให้ลุกลามจนถึงขั้นต้องปิดประเทศ ขณะที่ร้อยละ 36.6 ระบุเชื่อมั่น ส่วนสิ่งที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร่งด่วนเพื่อรับมือกับโรคไข้หวัด 2009 ในขณะนี้ คือ เพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดให้จริงจังชัดเจนขึ้น ร้อยละ 64.9 เร่งจัดหาวัคซีนป้องกันโรคให้เพียงพอ ร้อยละ 60.1 ให้บริการรักษาฟรีกับผู้ป่วยโรคไข้หวัด 2009 ทุกคน ร้อยละ 55.3 ประสานการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ไปในทิศทางเดียวกัน ร้อยละ 37.3
**กทม.สั่งทุกเขตเร่งประชาสัมพันธ์
พ.ญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดซื้อหน้ากากอนามัยจำนวน 2 ล้านชิ้นของ กทม. ว่า หน้ากากจะทยอยเข้ามาในวันจันทร์นี้ (20 ก.ค.) เบื้องต้นอาจจะเข้ามาได้เพียงแค่ครึ่งเดียว เนื่องจากบริษัทผู้ผลิต ผลิตไม่ทัน คาดว่าจะได้ครบ 2 ล้านชิ้น ภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจะทยอยแจกไปยังโรงเรียนในสังกัดทั้ง 435 แห่ง และหน่วยงานต่างๆ ในสังกัด กทม. สำหรับปรอทวัดไข้ที่จะแจกจ่ายให้กับโรงเรียน กทม.สั่งซื้อไป 30,000 ชิ้น แต่ได้รับมาเพียง 18,000 ชิ้น ภายในสัปดาห์นี้น่าจะได้ครบเช่นเดียวกัน
ส่วนการจัดหน่วยคัดกรองโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ซึ่งพบว่ามีประชาชนมาใช้บริการน้อยนั้น พ.ญ.มาลินี กล่าวว่า ค่อนข้างกังวล แต่ก็เข้าใจว่าเป็นบริการใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น หลายคนอาจยังไม่ทราบ หรือไม่เข้าใจว่าที่เขตจะบริการได้เทียบเท่าโรงพยาบาลหรือไม่ ดังนั้น จึงได้สั่งการให้สำนักงานเขตเร่งประชาสัมพันธ์ทุกวิถีทางให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบ เพื่อลดความแออัดในการเข้าไปใช้บริการในโรงพยาบาล
**โฆษก พท.ร้องให้ตรวจฟรี
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีออกมาบอกว่า การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ไม่รุนแรง แต่ล่าสุด พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการระดับชาติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ออกมายอมรับและขอให้ประชาชนช่วยเหลือตัวเอง กรณีดังกล่าวถือเป็นความล้มเหลวในการดำเนินนโยบาย
นอกจากนี้ การแถลงเกี่ยวกับการระบาดอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ไม่เพียงพอต่อการให้ข้อมูลกับประชาชน แต่ควรแถลงอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ และรู้สึกเป็นห่วงคนที่มีรายได้น้อยและคนยากจน มีความไม่มั่นใจการบริการสาธารณสุข รวมทั้งขอเรียกร้องให้รัฐต้องยกเลิกอัตราค่าตรวจเชื้อไข้หวัดจำนวน 3,500 บาท โดยนายกรัฐมนตรีต้องประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ และเปิดให้บริการตรวจเชื้อและตรวจรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยหากรัฐบาลไม่ดำเนินการ ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตนตั้งโต๊ะให้ประชาชนมาร้องเรียนและจะนำเรื่องไปยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบเอาผิดกับนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
**”มาร์ค”กำชับ สธ.จ่ายยาให้มีประสิทธิภาพ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ว่า ขณะนี้ต้องถือว่าความรู้ของผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ค่อนข้างที่จะตกผลึก และมีความสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น โดยมาจนถึงวันนี้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้เข้าไประบาดอยู่ในประเทศกว่า 130 ประเทศ และองค์การอนามัยโลกได้ยอมรับว่าขณะนี้โรคนี้ถือว่าเป็นโรคประจำถิ่นของประเทศต่าง ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว ถึงขั้นที่ว่าขณะนี้องค์การอนามัยโลกก็หยุดในเรื่องของการรายงานจำนวนผู้ป่วย จำนวนผู้เสียชีวิต ที่เป็นตารางที่เคยจัดทำ แทบจะเรียกว่าเกือบทุกวันหรือ 2-3 วัน โดยขณะนี้ไม่ทำแล้ว และไม่แนะนำว่าจะต้องมีการตรวจว่าแต่ละคนที่มีอาการเป็นหรือไม่เป็น
นอกจากนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติเงินอีก 850 ล้านบาท 250 ล้านเพื่อที่จะซื้อยาเพิ่มเติมตัวนี้ให้เรามีสต็อกที่เพียงพอ ในการที่จะดูแลประชาชนของเรา พร้อม ๆ กันไปขณะนี้ได้ขอให้ทาง สธ.จัดระบบในเรื่องของการจ่ายยาและให้ยาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“ผมติดตามเรื่องนี้ตลอด บอกเลยว่าเป็นห่วงมาก ทุกเช้าก็นั่งเปิดอินเทอร์เน็ตดูเฉพาะเรื่องไข้หวัด ประมาณ 20 นาที ซึ่งทุกวันนี้ผมพกเจลล้างมืออยู่ เวลาที่จะไปตามที่ต่าง ๆ หน้ากากก็พกไว้ จะไปใช้ในกรณีซึ่งสมมติไปอยู่ในที่ที่อยู่ห่างจากคนไม่เกิน 1 เมตร ก็ควรจะใส่”นายอภิสิทธิ์กล่าว
“โฆษก ปชป.” ยัน ปชช.มาก่อน
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย จัดประชุมสัมมนาเรื่องไข้หวัดใหญ่ 2009 และมีความเป็นห่วงผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ว่า ขอชี้แจงหลักเกณฑ์ขั้นตอนการปฏิบัติถึงการใช้วัคซีนที่จะนำเข้ามาจากต่างประเทศ หรือการค้นคว้าวิจัยต่อโดยองค์การเภสัชกรรม ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขของไทย ว่า ก่อนการจะนำมาใช้กับประชาชนส่วนใหญ่ ยืนยันมีการนำวัคซีนดังกล่าวไปทดลองในสัตว์ทดลอง และกลุ่มอาสาสมัครเพื่อเฝ้าดูผลข้างเคียง และผลกระทบที่จะตามมา
ดังนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนคนไทยเป็นหลัก ก่อนนำวัคซีนหรือยาใดๆ มาใช้กับประชาชน เพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่
**ญี่ปุ่นป่วยเพิ่มพันรายใน 4 วัน
กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นรายงานในวันอาทิตย์ (19) ว่าจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 4,000 รายแล้ว โดยมีตัวเลขพุ่งขึ้นราว 1,000 รายภายในเวลาเพียง 4 วัน โดยได้ยืนยันจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดเอ (เอช1เอ็น1) จนถึงเวลา 6.00 น.วันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น (ตี4 เวลาเมืองไทย) ว่ามี 4,027 รายด้วยกัน หลังจากที่พบผู้ป่วยรายแรกในประเทศเมื่อต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงจนกระทั่งถึงเช้าวันอาทิตย์พบผู้ป่วยใหม่ 150 ราย และตั้งแต่เช้าวันศุกร์(17)ถึงเช้าวันเสาร์(18) พบผู้ป่วยรายใหม่ 209 ราย ขณะที่เมื่อเช้าวันพุธ(15)ที่แล้วกระทรวงเพิ่งประกาศจำนวนผู้ติดเชื้อทะลุระดับสามพันมาอยู่ที่ 3,122 ราย
ก่อนหน้านี้จำนวนผู้ติดเชื้อหวัด 2009 ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วงแรก แต่กลับเพิ่มในอัตราเร่งในระยะไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
**เตือน นร.ขาดสอบGAT/PATส่งคำร้อง
นายศุรพงศ์ พงศ์เดชขจร ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ศธ.และ ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมสนามสอบวิชาความถนัดทางภาษาต่างประเทศ (PAT 7) ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามสอบของการสอบความถนัดทั่วไป (GAT) และความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ (PAT) รอบที่ 2 ของปีการศึกษานี้ ระหว่างวันที่ 8-9 และ 18-19 ก.ค. ก่อนเข้าห้องสอบมีเจ้าหน้าที่แจกเจลล้างมือให้นักเรียนทุกคนทำความสะอาดก่อนเข้าสอบ และยังมีนักเรียนบางคนสวมหน้ากากอนามัยเข้าสอบเพื่อป้องกันโรคหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
นายศุรพงศ์ กล่าวว่า หลังจากประมวลผลใน 4 วันที่ผ่านมา ภาพรวมถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ส่วนปัญหาที่หลายฝ่ายกังวลคือการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่พบว่าไม่น่าเป็นห่วงเพราะหลังจากตรวจสอบในหลายๆ สนามสอบก็มีมาตรการรับมือเป็นอย่างดี มีการแจกเจลล้างมือ แจกหน้ากากอนามัย และจัดห้องสอบแยกเฉพาะให้สำหรับผู้ป่วย ซึ่งยังไม่ได้รับรายงานว่ามีที่ไหนใช้ห้องสอบเฉพาะ ส่วนเด็กที่ขาดสอบเท่าที่ประเมินเบื้องต้นอยู่ในเกณฑ์ปกติของทุกปี ดังนั้น เรื่องหวัดใหญ่จึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นห่วง ส่วนตัวเลขที่ชัดเจนจะบอกได้หลังจากสรุปยอดจากทั่วประเทศวันนี้
ศ.ดร.อุทุมพร กล่าวว่า จากที่มีนักเรียนขาดสอบเนื่องจากป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ ทาง สทศ.จะจัดสอบชดเชยเป็นกรณีพิเศษ โดยอนุญาตเฉพาะนักเรียนที่มีใบรับรองแพทย์ว่ามีอาการเริ่มต้นของไข้หวัด หรือเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 เท่านั้น ซึ่งการสอบชดเชยจะมีขึ้นในวันที่ 8 และ 9 ส.ค.นี้ ฝากไปยังผู้ที่ขาดสอบให้รีบส่งคำร้อง พร้อมกับใบรับรองแพทย์มาที่ สทศ.ภายในวันที่ 24 ก.ค.นี้ เพื่อจะตรวจสอบหลักฐานในวันที่ 26 ก.ค.จากนั้น สทศ.จะโทรศัพท์แจ้งไปยังนักเรียนที่มีสิทธิ์สอบวันที่ 28 ก.ค.ขณะนี้ได้รับคำร้องขาดสอบสาเหตุจากโรคหวัดในพื้นที่กรุงเทพฯ ประมาณ 140 คน และรวมจากศูนย์สอบ 17 แห่งทั่วประเทศจะมีไม่ต่ำกว่า 200 คน โดยที่ สทศ.จะออกค่าใช้จ่ายการเดินทาง (เฉพาะรถทัวร์ และรถไฟ) และที่พักให้นักเรียนต่างจังหวัดด้วย
วานนี้(19 ก.ค.)นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมร่วมกับ นพ.ไพจิตร์ วราชิต พ.ญ.ศิริพร กัญชนะ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข และนพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.องค์การเภสัชกรรม เพื่อติดตามมาตรการควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ว่า การประชุมในครั้งนี้ ได้ติดตามมาตรการความคืบหน้าการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ใน 4 ประเด็น ได้แก่วัคซีน ประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลในรายที่มีอาการรุนแรง และในรายที่มีความเสี่ยงอาการรุนแรง เพื่อให้ได้รับยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียเร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอผลแล็บ การจัดทำคู่มือประชาชนในการป้องกันโรค รวมทั้งการติดตามข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ประชาชนและหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เสนอแนะ หรือให้คำแนะต่อกระทรวงสาธารณสุข
ในส่วนประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลประชาชนที่ป่วย ขณะนี้ สธ.ได้กระจายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียไปให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนทุกจังหวัด ลงไปถึงระดับโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งอย่างเพียงพอ ขณะนี้มียาสำรองในระบบแล้ว 14 ล้านเม็ด และหลังจากปรับมาตรการรักษาแล้วได้ให้องค์การเภสัชกรรมสั่งวัตถุดิบเพื่อผลิตยาดังกล่าวอีก 10 ล้านเม็ดในสัปดาห์หน้า รวมแล้วมียาสำรองในระบบทั้งสิ้น 24 ล้านเม็ด วัตถุดิบจะมาถึงไทยวันพุธหน้า และใช้เวลาบรรจุ 3-5 วัน ก็จะจัดส่งไปยังสถานพยาบาลต่างๆได้ ยามีเพียงพอ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้
**อัดกลับ พท.แค่เล่นเกมการเมือง
นายวิทยากล่าวถึงกรณีข้อเรียกร้องต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยว่า เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง เช่นกรณีที่เรียกร้องให้รัฐต้องยกเลิกอัตราค่าตรวจเชื้อไข้หวัดจำนวน 3,500 บาทนั้น ความเป็นจริงในโรงพยาบาลของรัฐก็ไม่ได้คิดค่าตรวจอยู่แล้ว หรืออย่างเช่นในเรื่องของการเรียกร้องให้มีการแถลงข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอาทิตย์ละ 3 ครั้ง โดยกล่าวหาว่ามีการปกปิดข้อมูล ก็เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะแม้สธ.จะแถลงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ก็ขอยืนยันว่าเป็นการแถลงข้อมูลในรายละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการติดเชื้อเพิ่มหรือการเสียชีวิต ไม่ได้มีการปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด ทั้งนี้ การดำเนินการของ สธ.เป็นไปตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก ซึ่งขณะนี้ได้เลิกรายงานตัวเลขคนป่วยคนตายเช่นกัน เพราะไม่มีความจำเป็นใดๆ ยกเว้นกรณีประเทศที่เพิ่งติดเชื้อใหม่หรือมีการเสียชีวิตเป็นครั้งแรก
“ผมคิดว่า เขาคงทำตามเกมมากกว่า ส่วนเรื่องการระบาดเพิ่ม ผมยอมรับว่าระบาดเพิ่มจริง แต่เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และองค์การอนามัยโลกก็ไม่เคยโต้แย้งมาตรการการทำงานของรัฐบาลและ สธ. เพราะเราทำทุกอย่างภายใต้คำแนะนำขององค์การอนามัยโลก โดยในการประชุมผู้เชี่ยวชาญ ผู้แทนขององค์การอนามัยโลกในระดับอาเซียนก็เข้าร่วมประชุมด้วยโดยตลอด และยอมรับว่ามาตรการของไทยทำได้ดีมากในระดับภูมิภาค”นายวิทยากล่าว
**ตั้ง กก.3 ชุดเคลียร์ทดลองวัคซีน
นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัด สธ. กล่าวถึงความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ว่า การผลิตวัคซีนดังกล่าว เป็นการคุ้มครองความปลอดภัยแก่ประชาชนไทยและความมั่นคงของประเทศไทยในการป้องกันโรคติดต่อ ขณะนี้ สธ.ได้ตั้งคณะกรรมการดูแลประสิทธิภาพความปลอดภัยของวัคซีนอย่างรัดกุมที่สุดตามหลักวิชาการและมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก มี 3 ชุด ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการทดลองในคน 2.คณะอนุกรรมการขึ้นทะเบียนวัคซีน และ3.คณะอนุกรรมการส่งเสริมการผลิตวัคซีน ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญองค์การเภสัชกรรม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยคาดว่าวัคซีนต้นแบบล็อตแรก จะออกมาช่วงต้นเดือนส.ค.นี้ จากนั้นก็จะทดลองประสิทธิภาพในความปลอดภัยในสัตว์ทดลอง และทดลองในคนต่อไปตามขั้นตอนของหลักสากล หากไม่ได้ผลหรือไม่มีความมั่นใจ จะไม่มีการนำมาใช้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ประเด็นการใช้เงิน 600 ล้านบาท ที่หลายฝ่ายเข้าใจว่าเป็นการลงทุนผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ยืนยันว่าเงินดังกล่าว เป็นเงินที่สั่งจองซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯจำนวน 2 ล้านโดส ที่ผลิตในต่างประเทศ จากบริษัทซาโนฟี่ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก โดยวัคซีนดังกล่าวจะส่งถึงไทยในเดือนธ.ค.นี้
ด้านนพ.วิทิต อรรคเวชกุล ผู้อำนวยการ อภ. กล่าวยืนยันว่า เมื่อผลิตวัคซีนออกมาแล้ว หากไม่มั่นใจในความปลอดภัยก็จะไม่มีการนำมาใช้รักษาคนแน่นอน
**แจกปรอท อสม.วัดไข้
ด้าน พ.ญ.ศิริพร กัญชนะ รองปลัด สธ.กล่าวว่า ในส่วนมาตรการชะลอการแพร่เชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ จะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น ได้มีหนังสือสั่งการกำชับให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดดำเนินการตรวจคัดกรองเด็กที่ป่วยในโรงเรียนทุกแห่งทั้งรัฐเอกชนและติดตามต่อเนื่องทุกวัน เป็นมาตรการเหมือนกันทั่วประเทศ หากพบเด็กป่วย ให้หยุดเรียนและอยู่ที่บ้านจริงๆ แทนการปิดโรงเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองดูแล จนกว่าจะหายป่วย ซึ่งวิธีนี้นับว่าดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด รวมทั้งกิจกรรมรณรงค์ทำความสะอาดโรงเรียน สถานบันเทิง โรงงาน การสำรวจความเพียงพอของอ่างล้างมือของโรงเรียน และให้ส่งรายงานผลการปฏิบัติให้ศูนย์อำนวยการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของ สธ.ทุกวัน
ขณะเดียวกัน สธ.ได้แจกปรอทวัดไข้ให้ อสม.ทั่วประเทศ ทำการคัดกรองผู้ที่มีไข้ในหมู่บ้าน เพื่อส่งตัวเข้าดูแลต่อที่สถานพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างรวดเร็วและถูกต้อง พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จัดพิมพ์คู่มือโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฉบับประชาชน แบบพกพาได้ จำนวน 4 ล้านฉบับ โดยจะเริ่มจัดส่งไปกทม. ในวันที่ 20 ก.ค. และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศในวันที่ 21 ก.ค.นี้ เพื่อให้อสม.นำไปแจกจ่ายให้ประชาชนต่อไป
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัด สธ. กล่าวถึงการให้ข้อมูลกับประชาชนว่า แม้จะมีการรายงานตัวเลขผู้ป่วยผู้เสียชีวิตสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ สธ.ยังได้รับรายงานและรวบรวมข้อมูลทุกวัน ขอชี้แจงว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ระยะที่ 3 คือ เชื้อแพร่กระจายทั่วประเทศแล้ว ทำให้ความสำคัญของห้องปฏิบัติการในการตรวจยืนยันเชื้อลดลงแล้ว จะมีเพียงการเฝ้าระวังกรณีมีอาการรุนแรงในกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น ส่วนผลสำรวจจากโพลต่าง ๆ ระบุว่าประชาชนยังไม่เชื่อมั่นรัฐบาลและกระทรวงฯ ในการรับมือการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่นั้น คิดว่าเป็นที่การสื่อสารมากกว่า ซึ่งต้องแก้ไขปรับปรุง
**คนกรุงร้อยละ 50.5 ยังไม่พอใจรัฐบาล
ศูนย์วิจัยม.กรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) สำรวจ “ความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ ต่อมาตรการป้องกันโรคไข้หวัด 2009” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนชาวกรุงเทพฯ อายุ 18 ปีขึ้นไป ในทุกสาขาอาชีพ จำนวน 1,018 คน เมื่อวันที่ 16-18 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าร้อยละ 50.5 ยังไม่พึงพอใจต่อมาตรการรับมือกับโรคไข้หวัด 2009 ที่ผ่านมาของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้เหตุผลว่า รัฐบาลไม่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่จริงจังชัดเจน จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน ปิดบังความจริง และข้อมูลข่าวสารไม่ทั่วถึง ขณะที่ร้อยละ 49.5 ระบุพอใจ
นอกจากนี้ คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 63.4 ไม่เชื่อมั่นว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ไม่ให้ลุกลามจนถึงขั้นต้องปิดประเทศ ขณะที่ร้อยละ 36.6 ระบุเชื่อมั่น ส่วนสิ่งที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร่งด่วนเพื่อรับมือกับโรคไข้หวัด 2009 ในขณะนี้ คือ เพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดให้จริงจังชัดเจนขึ้น ร้อยละ 64.9 เร่งจัดหาวัคซีนป้องกันโรคให้เพียงพอ ร้อยละ 60.1 ให้บริการรักษาฟรีกับผู้ป่วยโรคไข้หวัด 2009 ทุกคน ร้อยละ 55.3 ประสานการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ไปในทิศทางเดียวกัน ร้อยละ 37.3
**กทม.สั่งทุกเขตเร่งประชาสัมพันธ์
พ.ญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดซื้อหน้ากากอนามัยจำนวน 2 ล้านชิ้นของ กทม. ว่า หน้ากากจะทยอยเข้ามาในวันจันทร์นี้ (20 ก.ค.) เบื้องต้นอาจจะเข้ามาได้เพียงแค่ครึ่งเดียว เนื่องจากบริษัทผู้ผลิต ผลิตไม่ทัน คาดว่าจะได้ครบ 2 ล้านชิ้น ภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจะทยอยแจกไปยังโรงเรียนในสังกัดทั้ง 435 แห่ง และหน่วยงานต่างๆ ในสังกัด กทม. สำหรับปรอทวัดไข้ที่จะแจกจ่ายให้กับโรงเรียน กทม.สั่งซื้อไป 30,000 ชิ้น แต่ได้รับมาเพียง 18,000 ชิ้น ภายในสัปดาห์นี้น่าจะได้ครบเช่นเดียวกัน
ส่วนการจัดหน่วยคัดกรองโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ซึ่งพบว่ามีประชาชนมาใช้บริการน้อยนั้น พ.ญ.มาลินี กล่าวว่า ค่อนข้างกังวล แต่ก็เข้าใจว่าเป็นบริการใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น หลายคนอาจยังไม่ทราบ หรือไม่เข้าใจว่าที่เขตจะบริการได้เทียบเท่าโรงพยาบาลหรือไม่ ดังนั้น จึงได้สั่งการให้สำนักงานเขตเร่งประชาสัมพันธ์ทุกวิถีทางให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบ เพื่อลดความแออัดในการเข้าไปใช้บริการในโรงพยาบาล
**โฆษก พท.ร้องให้ตรวจฟรี
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีออกมาบอกว่า การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ไม่รุนแรง แต่ล่าสุด พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการระดับชาติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ออกมายอมรับและขอให้ประชาชนช่วยเหลือตัวเอง กรณีดังกล่าวถือเป็นความล้มเหลวในการดำเนินนโยบาย
นอกจากนี้ การแถลงเกี่ยวกับการระบาดอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ไม่เพียงพอต่อการให้ข้อมูลกับประชาชน แต่ควรแถลงอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ และรู้สึกเป็นห่วงคนที่มีรายได้น้อยและคนยากจน มีความไม่มั่นใจการบริการสาธารณสุข รวมทั้งขอเรียกร้องให้รัฐต้องยกเลิกอัตราค่าตรวจเชื้อไข้หวัดจำนวน 3,500 บาท โดยนายกรัฐมนตรีต้องประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ และเปิดให้บริการตรวจเชื้อและตรวจรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยหากรัฐบาลไม่ดำเนินการ ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตนตั้งโต๊ะให้ประชาชนมาร้องเรียนและจะนำเรื่องไปยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบเอาผิดกับนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
**”มาร์ค”กำชับ สธ.จ่ายยาให้มีประสิทธิภาพ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ว่า ขณะนี้ต้องถือว่าความรู้ของผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ค่อนข้างที่จะตกผลึก และมีความสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น โดยมาจนถึงวันนี้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้เข้าไประบาดอยู่ในประเทศกว่า 130 ประเทศ และองค์การอนามัยโลกได้ยอมรับว่าขณะนี้โรคนี้ถือว่าเป็นโรคประจำถิ่นของประเทศต่าง ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว ถึงขั้นที่ว่าขณะนี้องค์การอนามัยโลกก็หยุดในเรื่องของการรายงานจำนวนผู้ป่วย จำนวนผู้เสียชีวิต ที่เป็นตารางที่เคยจัดทำ แทบจะเรียกว่าเกือบทุกวันหรือ 2-3 วัน โดยขณะนี้ไม่ทำแล้ว และไม่แนะนำว่าจะต้องมีการตรวจว่าแต่ละคนที่มีอาการเป็นหรือไม่เป็น
นอกจากนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติเงินอีก 850 ล้านบาท 250 ล้านเพื่อที่จะซื้อยาเพิ่มเติมตัวนี้ให้เรามีสต็อกที่เพียงพอ ในการที่จะดูแลประชาชนของเรา พร้อม ๆ กันไปขณะนี้ได้ขอให้ทาง สธ.จัดระบบในเรื่องของการจ่ายยาและให้ยาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“ผมติดตามเรื่องนี้ตลอด บอกเลยว่าเป็นห่วงมาก ทุกเช้าก็นั่งเปิดอินเทอร์เน็ตดูเฉพาะเรื่องไข้หวัด ประมาณ 20 นาที ซึ่งทุกวันนี้ผมพกเจลล้างมืออยู่ เวลาที่จะไปตามที่ต่าง ๆ หน้ากากก็พกไว้ จะไปใช้ในกรณีซึ่งสมมติไปอยู่ในที่ที่อยู่ห่างจากคนไม่เกิน 1 เมตร ก็ควรจะใส่”นายอภิสิทธิ์กล่าว
“โฆษก ปชป.” ยัน ปชช.มาก่อน
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย จัดประชุมสัมมนาเรื่องไข้หวัดใหญ่ 2009 และมีความเป็นห่วงผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ว่า ขอชี้แจงหลักเกณฑ์ขั้นตอนการปฏิบัติถึงการใช้วัคซีนที่จะนำเข้ามาจากต่างประเทศ หรือการค้นคว้าวิจัยต่อโดยองค์การเภสัชกรรม ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขของไทย ว่า ก่อนการจะนำมาใช้กับประชาชนส่วนใหญ่ ยืนยันมีการนำวัคซีนดังกล่าวไปทดลองในสัตว์ทดลอง และกลุ่มอาสาสมัครเพื่อเฝ้าดูผลข้างเคียง และผลกระทบที่จะตามมา
ดังนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนคนไทยเป็นหลัก ก่อนนำวัคซีนหรือยาใดๆ มาใช้กับประชาชน เพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่
**ญี่ปุ่นป่วยเพิ่มพันรายใน 4 วัน
กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นรายงานในวันอาทิตย์ (19) ว่าจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 4,000 รายแล้ว โดยมีตัวเลขพุ่งขึ้นราว 1,000 รายภายในเวลาเพียง 4 วัน โดยได้ยืนยันจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดเอ (เอช1เอ็น1) จนถึงเวลา 6.00 น.วันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น (ตี4 เวลาเมืองไทย) ว่ามี 4,027 รายด้วยกัน หลังจากที่พบผู้ป่วยรายแรกในประเทศเมื่อต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงจนกระทั่งถึงเช้าวันอาทิตย์พบผู้ป่วยใหม่ 150 ราย และตั้งแต่เช้าวันศุกร์(17)ถึงเช้าวันเสาร์(18) พบผู้ป่วยรายใหม่ 209 ราย ขณะที่เมื่อเช้าวันพุธ(15)ที่แล้วกระทรวงเพิ่งประกาศจำนวนผู้ติดเชื้อทะลุระดับสามพันมาอยู่ที่ 3,122 ราย
ก่อนหน้านี้จำนวนผู้ติดเชื้อหวัด 2009 ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วงแรก แต่กลับเพิ่มในอัตราเร่งในระยะไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
**เตือน นร.ขาดสอบGAT/PATส่งคำร้อง
นายศุรพงศ์ พงศ์เดชขจร ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ศธ.และ ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมสนามสอบวิชาความถนัดทางภาษาต่างประเทศ (PAT 7) ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามสอบของการสอบความถนัดทั่วไป (GAT) และความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ (PAT) รอบที่ 2 ของปีการศึกษานี้ ระหว่างวันที่ 8-9 และ 18-19 ก.ค. ก่อนเข้าห้องสอบมีเจ้าหน้าที่แจกเจลล้างมือให้นักเรียนทุกคนทำความสะอาดก่อนเข้าสอบ และยังมีนักเรียนบางคนสวมหน้ากากอนามัยเข้าสอบเพื่อป้องกันโรคหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
นายศุรพงศ์ กล่าวว่า หลังจากประมวลผลใน 4 วันที่ผ่านมา ภาพรวมถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ส่วนปัญหาที่หลายฝ่ายกังวลคือการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่พบว่าไม่น่าเป็นห่วงเพราะหลังจากตรวจสอบในหลายๆ สนามสอบก็มีมาตรการรับมือเป็นอย่างดี มีการแจกเจลล้างมือ แจกหน้ากากอนามัย และจัดห้องสอบแยกเฉพาะให้สำหรับผู้ป่วย ซึ่งยังไม่ได้รับรายงานว่ามีที่ไหนใช้ห้องสอบเฉพาะ ส่วนเด็กที่ขาดสอบเท่าที่ประเมินเบื้องต้นอยู่ในเกณฑ์ปกติของทุกปี ดังนั้น เรื่องหวัดใหญ่จึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นห่วง ส่วนตัวเลขที่ชัดเจนจะบอกได้หลังจากสรุปยอดจากทั่วประเทศวันนี้
ศ.ดร.อุทุมพร กล่าวว่า จากที่มีนักเรียนขาดสอบเนื่องจากป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ ทาง สทศ.จะจัดสอบชดเชยเป็นกรณีพิเศษ โดยอนุญาตเฉพาะนักเรียนที่มีใบรับรองแพทย์ว่ามีอาการเริ่มต้นของไข้หวัด หรือเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 เท่านั้น ซึ่งการสอบชดเชยจะมีขึ้นในวันที่ 8 และ 9 ส.ค.นี้ ฝากไปยังผู้ที่ขาดสอบให้รีบส่งคำร้อง พร้อมกับใบรับรองแพทย์มาที่ สทศ.ภายในวันที่ 24 ก.ค.นี้ เพื่อจะตรวจสอบหลักฐานในวันที่ 26 ก.ค.จากนั้น สทศ.จะโทรศัพท์แจ้งไปยังนักเรียนที่มีสิทธิ์สอบวันที่ 28 ก.ค.ขณะนี้ได้รับคำร้องขาดสอบสาเหตุจากโรคหวัดในพื้นที่กรุงเทพฯ ประมาณ 140 คน และรวมจากศูนย์สอบ 17 แห่งทั่วประเทศจะมีไม่ต่ำกว่า 200 คน โดยที่ สทศ.จะออกค่าใช้จ่ายการเดินทาง (เฉพาะรถทัวร์ และรถไฟ) และที่พักให้นักเรียนต่างจังหวัดด้วย