xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นหมายจับเพิ่มทีมยิง"สนธิ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ความคืบหน้าคดีลอบสังหารนาย สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งASTVผู้จัดการ ได้เดินมาถึงขั้นทีมสอบสวน โดยการนำของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยร่วมทีมยิงถล่มนายสนธิ 2 คน คือ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการปรามปราบยาเสพติด และจ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ทหารชั้นประทวนประจำหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ กองทัพบก แต่หลังจากจากศาลอาญาได้ออกหมายจับเมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่าน ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมตัวคนทั้งสองได้ เนื่องจากคนทั้งสองรู้ข่าวไหวตัวหลบหนีไปได้
การยกกำลังตำรวจเข้าตรวจค้นแหล่งกบดานของจ่าปัญญาที่ จ.ตราด พบว่าข้อมูลเคยเป็นที่หลบซ่อนตัวของกลุ่มมือปืนชุดนี้จริงตามที่ปรากฎในสำนวนการสอบสวน แม้ว่าจะไม่พบตัวผู้ต้องหารายนี้ แต่ก็ทำให้ทราบว่า "จ่าญา"ไม่ได้ไปทำงานที่กองทัพภาคที่ 4 ตามที่อ้างว่าถูกส่งไปทำงานช่วยราชการที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แต่อย่างใด แต่หนีราชการทหารมาอยู่ทำงานที่ จ.ตราด
**การพบว่าแหล่งที่อยู่ที่แท้จริงของจ่าญานั้น จะเป็นประโยชน์ต่อสำนวนคดี เพราะคาดว่าเรื่องนี้จะถูกยกขึ้นเป็นประเด็นข้อโต้แย้งในการสู้คดีต่อไป สังเกตุได้จากมีการแสดงท่าทีที่จะมีการให้ความช่วยเหลือกันในประเด็นนี้ ว่าจ่าญา ทำงานอยู่ภาคใต้ เป็นไปไม่ได้ที่จะร่วมในทีมยิงถล่มนายสนธิ
อย่างไรก็ดี ต้องรอติดตามความเคลื่อนไหวต่อไปในสัปดาห์นี้ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองทัพบก จะให้ความร่วมมือในการส่งตัวคนมีสีนอกแถวทั้งสองมาให้ตำรวจดำเนินคดีหรือไม่ แต่ก็เกรงกันว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนจะถูกคนบงการสั่งเก็บให้หายไปจากโลกนี้ เพราะทั้งสองเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะไขปริศนาแห่งคดีไปถึงคนสั่งฆ่า และตัวบงการใหญ่ที่อยู่ระดับบนสุดของขบวนการลอบสังหารนายสนธิ
ตามข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ตำรวจยังตะครุบตัวผู้ต้องหาทั้งสองไม่ได้ เนื่องจากคนทั้งสองรู้ข่าวล่วงหน้า ว่าจะมีการขอออกหมายจับ จึงเผ่นหนีไปก่อน เหตุนี้เป็นปัญหาจากมีนายตำรวจบางคนทำตัวเป็นหนอนบ่อนไส้ในทีมตำรวจชุดดังกล่าว ซึ่งต่อมาได้รับการยืนยันว่า เป็นความจริง
**โดยพล.ต.อ.ธานีได้ออกมาเปิดเผยเองว่า มีไส้ศึกเป็นนายตำรวจชั้นยศพลตำรวจโท แอบนำความลับในสำนวนคดีออกมาปูดให้กลุ่มคนร้ายในคดีนี้ได้รู้ความเคลื่อนไหวของทีมสอบสวนมาตลอด รวมถึงการขอออกหมายจับ ก็เชื่อว่ามีไส้ศึกแอบส่งข่าวดังกล่าว จึงเป็นผลให้ความลับการขอออกหมายจับรั่วไหลออกไป และผู้ต้องหาทั้งสองรู้ข่าวก่อน จึงไหวตัวหลบหนีไปได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจชุดสืบสวนได้ออกปฏิบัติการไล่ล่าเพื่อจับกุมตัวคนทั้งสองมาเพื่อดำเนินคดีต่อไปอย่างไม่ลดละ หลังจากเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา ทีมตำรวจชุดไล่ล่าได้ยกกำลังพร้อมกับหมายตรวจค้นไปที่ จ.ตราด เข้าตรวจค้นบริษัทไม้กฤษณาฟ้าสยาม จำกัดและบริษัทผลิตน้ำหอมฐานะจาโร จำกัด ที่มีพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตผบ.ทบ. และนักการเมืองสังกัดพรรคไทยรักไทย และคนในครอบครัวเป็นเจ้าของ เพื่อหาตัวจ่าญา พร้อมทั้งหาอาวุธปืนที่ใช้ลงมือ เนื่องจากการสืบสวนทราบว่า บริษัททั้งสองเป็นแหล่งกบดานหลบซ่อนของจ่าญา และทีมมือปืนหลังลงมือยิงถล่มนายสนธิแล้ว แต่ก็คว้าน้ำเหลว ไม่พบอาวุธ หรือสิ่งผิดกฎหมายใดๆ
คนงานในบริษัทดังกล่าวบอกว่า จ่าญา เคยเป็นคนงานอยู่ที่บริษัทจริง แต่ได้หายตัวไปเมื่อเดือนก่อน คำบอกกล่าวนี้เป็นประโยชน์ต่อคดีในทางการตรวจสอบความเคลื่อนไหวจ่าญา
ส่วนด้าน จ.ส.ต.วรวุฒิ ที่มีข่าวว่าได้ขาดราชการไปเกินกว่า 15 วันแล้ว ก็ยังไม่กลับเข้ามารายงานตัวต่อต้นสังกัด ซึ่งจะมีการดำเนินเสนอเรื่องให้ไล่ตำรวจนอกแถวคนนี้ออกจากราชการต่อไป
อย่างไรก็ตาม มีการออกข่าวลวงว่า จ.ส.ต.วรวุฒิ จะขอเข้ามอบตัวเพื่อสู้คดี แต่ถึงขณะนี้ยังไม่ปรากฎวี่แววว่า จ.ส.ต.วรวุฒิจะมอบตัวแต่อย่างใด
น่าสังเกตุว่า ผู้ต้องสงสัยในการกระทำผิดคดีสังหารนายสนธิทั้งสองคนเป็นทหารและตำรวจ ซึ่งตามหลักกฎหมาย ผู้บังคับบัญชาจะต้องให้ความร่วมมือในการเอาตัวมารับทราบข้อกล่าวหาโดยไม่อิดเอื้อนหรือรอช้า แต่ในคดีนี้ส่อเห็นว่า ผู้บังคับบัญชาทั้งตำรวจและทหาร กำลังจะเตะถ่วงดึงเวลาให้ลูกน้องเลวของตนหลบหนี แล้วค่อยออกมาชี้แจงแก่สังคมในภายหลัง
การลอบสังหารนายสนธิ เป็นคดีอาชญากรรมอุกฉกรรจ์ เนื่องจากเป็นการลอบสังหารบุคคลที่มีบทบาทหน้าที่ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองในภาคประชาชน ที่ได้เสียสละ ด้วยความกล้าหาญ โค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นไปจากอำนาจ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะบริหารประเทศได้ใช้อำนาจในการกอบโกยหาผลประโยชน์เพื่อความร่ำรวยแก่ตนเอง และญาติพี่น้อง ตลอดถึงพวกพ้อง จนถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองพิพากษาให้จำคุก 2 ปี ในคดีที่ดินรัชดา
ขณะนี้ น.ช.ทักษิณได้หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ แต่ก็ยังไม่สำนึกถึงความผิด โดยก่อการวางแผนและเคลื่อนไหวทุกด้านเพื่อทำลายความมั่นคงของประเทศ เช่น สร้างความเข้าใจแก่สถาบันกษัตริย์และสถาบันตุลาการ ว่าอยู่เบื้องหลังการโค่นล้มอำนาจของตน
น.ช.ทักษิณ และลิ่วล้อที่รับจ้างสร้างความไม่สงบ และทำลายความมั่นคงให้แก่ชาติบ้านเมือง ยังเดินหน้าสร้างเวรกรรมต่อไป เพื่อไปสู่แผนการยึดประเทศไทย ในเป้าหมายล้มล้างสถาบันชาติและกษัตริย์
ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนเมษายน จากเหตุการณ์ที่ยกพลเสื้อแดงไปถล่มเวทีการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เหตุปิดล้อมหวังเอาชีวิต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่กระทรวงมหาดไทย และก่อเหตุจลาจลเผาบ้านเผาเมืองระหว่างวันสงกรานต์ แต่ไม่แผนการไม่สำเร็จเพราะประชาชนไม่เอาด้วย เหตุเหล่านี้ได้ถูกกำหนดขึ้นโดยน.ช.ทักษิณ ที่บงการอยู่ยังต่างประเทศ
กระทั่งล่าสุดได้ออกอุบายให้คนเสื้อแดงล่ารายชื่อหนึ่งล้านชื่อ เพื่อถวายฎีกา จนมีการคัดค้านท้วงติงจากสังคมว่าเป็นการจาบจ้วงล่วงเกินพระเจ้าอยู่หัว เพราะไม่มีระเบียบให้ทำเช่นนี้ได้
**แต่น.ช.ทักษิณ ก็ไม่ฟังเสียงดันทุรัง ให้ลิ่วล้อเดินหน้าต่อไป ตามกำหนดจะยื่นถวายฎีกาไว้ในวันเกิดครบรอบ 6o ปีของตน วันที่ 26 ก.ค. ที่จะถึงนี้
ย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่า ขบวนการทักษิณ คิดและทำในเรื่องการทำลายสถานบันหลักของชาติจริง ไม่ได้ต่อสู้ตามที่กล่าวอ้างเพื่ออำนาจการเมืองเพื่อปกป้องระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแต่อย่างใด ในปัจจุบันแม้สื่อต่างชาติก็ไม่เชื่อคำพูดของน.ช.ทักษิณแล้ว ที่มักอวดอ้างว่าเป็นนักประชาธิปไตย
กล่าวถึงเหตุการลอบสังหารนายสนธิ เกิดขึ้นหลังการล้มที่ประชุมสุดยอดอาเซียนฯ หลังเหตุปิดล้อมสังหารนายกฯอภิสิทธิ์ ที่มหาดไทย แต่ล้มเหลว และหลังเหตุจลาจลในกรุงเทพ ในวันที่ 13-14เมษายน คำสั่งฆ่านายสนธิ ได้ออกมาเป็นรายการหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์นี้ด้วย
เรื่องนี้ยืนยันได้ตามปรากฎหลักฐานในชั้นสืบสวนว่า มีตัวจักรสำคัญคือ พ.อ.(ส) หัวหน้าทีมลอบสังหารเป็นสะพานเชื่อมระหว่างนช.ทักษิณ กับกลุ่มอำนาจใหม่
**ทั้งสองขั้วอำนาจต้องการเก็บนายสนธิ เพราะฝ่ายหนึ่งแค้นที่ถูกนายสนธิโค่นลงจากอำนาจ และอีกฝ่ายก็เห็นว่านายสนธิเป็นกำแพงที่จะกั้นไม่ให้เข้าสู่อำนาจ จึงลงขันกันฆ่านายสนธิ โดยเชื่อว่ามีพ.อ.(ส)เป็นสะพานเชื่อมของขั้วอำนาจทั้งสองในภารกิจปิดบัญชีแค้นครั้งนี้
จากการสืบสวนพบว่า พ.อ.(ส) มีพฤติกรรมน่าสงสัยในระหว่างเกิดเหตุลอบสังหารนายสนธิ จากการใช้โทรศัพท์มือถือ จากเบอร์ที่ซื้อพร้อมกันจำนวน 6 เบอร์ จากแหล่งที่ซื้อ คือหน้าหน่วยงานรักษาความปลอดภัของกองทัพในกรุงเทพฯแห่งหนึ่ง ติดต่อโทรศัพท์ รายงานผลการทำงานให้หญิงคนหนึ่งที่ขณะนั้นหนีไปตั้งหลักจากเหตุเมษายนทมิฬไปหลบที่ประเทศดูไบ และยังใช้เบอร์โทรศัพท์เดียวกันโทรหาเบอร์ที่น.ช.ทักษิณ ใช้อยู่ในช่วงเวลานั้นด้วย
พ.อ.(ส) ยังได้ใช้เบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้ติดต่อแจ้งสื่อสารกับ “บิ๊กป.” ซึ่งว่ากันว่าเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มอำนาจใหม่หลังเหตุลอบยิงถล่มนายสนธิ อีกด้วย ยังพบด้วยว่ามีการใช้โทรศัพท์กลุ่มที่ซื้อเบอร์พร้อมกัน 6 เบอร์ เป็นใยแมงมุม ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เบอร์ของ พ.อ.(ส)
**ข่าวในทางลับเผยว่า ในคดีลอบสังหารนายสนธิ พ.อ.(ส)ได้ร่วมมือกับเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารคนหนึ่ง ที่มีอำนาจอยู่ในหน่วยงานสืบสวนพิเศษ ซึ่งตอนนี้คนๆนี้ มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับน้องสาวนักการเมืองคนดัง ดังปรากฎหลักฐานทั้งคน และรถยนต์ ที่ทีมยิงใช้ในการทำงาน ล้วนแต่พัวพันกับคนมีอำนาจในหน่วยสืบสวนพิเศษนี้ทั้งสิ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า ในสัปดาห์นี้ อาจจะมีการขอออกหมายจับคนร้ายในคดีลอบสังหารนายสนธิเพิ่ม อีก 2-3 คนซึ่งไม่แน่ว่าจะมีชื่อของ พ.อ.(ส)หรือไม่ แต่ในขณะนี้ความเคลื่อนไหวของ พ.อ.(ส)ได้อยู่ในการติดตามของทีมตำรวจชุดนี้ตลอดเวลา แต่พ.อ.(ส) ก็ไวเหมือนปรอท ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ ล่าสุดพ.อ.(ส) ได้ถูกส่งตัวให้ไปช่วยราชการในกองทัพภาคที่ 4 มีหน้าที่รับผิดชอบงานปฏิบัติการข่าว และระหว่างการเคลียร์พื้นที่ใน จ.ภูเก็ต เพื่อเตรียมต้อนรับการประชุมผู้นำอาเซียน พ.อ.(ส) ก็ถูกส่งตัวไปช่วยหาข่าวที่ จ.ภูเก็ตด้วย แต่เมื่อมีข่าวถูกเปิดเผยว่าเป็นหัวหน้าทีมลอบสังหาร นายสนธิ พ.อ.(ส) ก็หายหน้าไปจากพื้นที่จังหวัดภาคใต้
**ถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครยืนยันว่าพ.อ.(ส)ไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหนแน่ แต่ยังเชื่อว่าไม่ได้หลบหนีออกไปนอกประเทศ และหากมีการออกหมายจับหรือหมายเรียก ก็ไม่แน่ใจว่าพ.อ.(ส) จะเข้ามอบตัวสู้คดีหรือจะหลบหนีตามลูกน้องจ่าญาไปอีกราย เพื่อตัดตอนไม่ให้มีการสาวถึงคนบงการนั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น