ต้องขอแสดงความยินดีกับคณะกรรมการชุดใหม่ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แม้ว่ายังไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนักกับคุณสมบัติของกรรมการบางคนซึ่งเคยมีเรื่องอื้อฉาวมาแต่ก่อน
กรรมการบางคนที่ได้รับแต่งตั้งเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ เพราะมีการทุจริตในช่วงวิกฤตการเงินปี 2540 จนต้องใช้เงินภาษีของประชาชนเข้าไปชดเชยและถึงวันนี้ก็ยังชำระหนี้ไม่เสร็จ
แต่เอาล่ะ การทำงานโดยคณะก็ต้องพิจารณาในภาพรวมของคณะ และก็พอจะวางใจผู้เป็นกรรมการส่วนใหญ่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็จำเป็นจะต้องกล่าวถึงบทบาทในสถานการณ์ใหม่ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสักครั้งหนึ่ง
เพราะหน่วยงานนี้มีความสำคัญ เป็นมันสมองในการกำหนดทิศทางพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งได้ทำต่อเนื่องมานับถึงวันนี้เป็นเวลาร่วม 50 ปีแล้ว ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอันเป็นผลจากการวางแผนของหน่วยงานแห่งนี้ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างไร มีความอุดมสมบูรณ์เพียงพอที่จะชี้ผิดถูกได้แล้ว
จึงอยากจะขอให้คณะกรรมการชุดใหม่เปิดใจให้กว้าง แล้วฟังเหตุฟังผลและต้นสายปลายเหตุที่ไปที่มา เพื่อร่วมกันพิจารณาอนาคตของประเทศ เพื่ออาณาประโยชน์ร่วมกันของประชาชาติไทยทั้งมวล
ประเทศไทยของเรานี้เคยมีการวางแผนกำหนดทิศทางพัฒนาประเทศมาก่อนแล้ว อย่างน้อยที่สุดที่เด่นชัดคือในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
คราวนั้นทรงวางทิศทางพัฒนาประเทศไทยโดยสอดคล้องกับความเป็นจริงของประเทศไทยและคนไทย มุ่งเป้าประสงค์ต่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติและความร่มเย็นเป็นสุขของอาณาราษฎร
แนวทางหรือทิศทางพัฒนาประเทศไทยที่ทรงกำหนดขึ้นคือ สภาพของประเทศไทยนั้นจะต้องพัฒนาไปเป็นประเทศเกษตรอุตสาหกรรม เพราะจะทำเกษตรกรรมธรรมชาติอย่างเดียวไม่ได้ เนื่องจากไม่มีชาติไหนมั่งคั่งหรืออยู่รอดได้เพราะทำเกษตรกรรมธรรมชาติ แต่จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้เพราะประเทศไทยไม่มีปัจจัยใดๆ เลย ไม่ว่าเครื่องจักร วัตถุดิบ โนฮาว ทุน เทคโนโลยี ตลาด จึงต้องพึ่งพาจมูกคนอื่นหายใจตลอดไป ดังนั้นความเหมาะสมที่สุดคือต้องแปรรูปภาคเกษตรเป็นเกษตรอุตสาหกรรม
อีกด้านหนึ่ง ทรงเล็งเห็นว่าประเทศไทยเป็นแหล่งทรัพยากร การท่องเที่ยว และบริการที่ล้ำเลิศของโลก มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติมากหลาย มีวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม และคนไทยมีจิตใจโอบอ้อมอารี มีขีดความสามารถที่จะทำงานบริการทุกชนิดด้วยจิตใจบริการอันยอดเยี่ยม จึงเหมาะสมที่จะเป็นประเทศอุตสาหกรรมบริการ
ดังนั้นธงชัยใหญ่ในการพัฒนาประเทศในยุคนั้นจึงมีถึง 2 ผืน คือแนวทางพัฒนาประเทศเป็นประเทศเกษตรอุตสาหกรรมภาคหนึ่ง และแนวทางพัฒนาประเทศเป็นประเทศอุตสาหกรรมบริการอีกภาคหนึ่ง
ผลจากการดำเนินพระบรมราโชบายที่ว่านี้ สยามได้พัฒนาก้าวหน้ากลายเป็นประเทศที่ก้าวหน้าและรุ่งเรืองมากที่สุดในเอเชีย เศรษฐกิจของประเทศรุ่งเรืองเฟื่องฟู ค่าเงินบาทแข็งแกร่งที่สุด มีอัตราแลกเปลี่ยน 1 บาทเท่ากับ 2 ปอนด์สเตอริง นานาประเทศในย่านนี้ล้วนชื่นชมยินดีและส่งผู้คนมาเล่าเรียนงาน ราษฎรสยามอยู่ดีมีสุขถ้วนหน้า
ครั้นมีการก่อตั้งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็มีการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 ขึ้น และจัดทำต่อเนื่องกันมานับถึงปัจจุบันร่วม 10 ฉบับแล้ว
แผนพัฒนาฯ ตั้งแต่ฉบับแรกได้ล้มเลิกธงชัยอันศักดิ์สิทธิ์ของรัชกาลที่ 5 ที่นำพาสยามและราษฎรให้รุ่งเรืองมั่งคั่งอย่างไม่ไยดี หันเหทิศทางของประเทศไปสู่ทิศทางหายนะที่ทรงเคยชี้ไว้ คือพัฒนาประเทศเป็นประเทศอุตสาหกรรม
นับแต่นั้นมาได้มีการจัดตั้งองค์กรและหน่วยงานของรัฐ จัดระบบภาษีอากรและกำหนดอภิสิทธิ์มากหลายเพื่อให้รองรับกับการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ในขณะที่ภาคเกษตรอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมบริการถูกทอดทิ้ง ไร้การเหลียวแลอีกต่อไป
50 ปีมาแล้ว จากดินแดนที่เจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูมั่งคั่งเกือบจะที่สุดในเอเชีย กลายเป็นประเทศที่ต้องยืมจมูกชาติอื่นหายใจ มีหนี้สินพะรุงพะรัง ที่ไม่รู้จะชดใช้หนี้ถึงชั้นลูกหลานเหลนโหลนหมดหรือไม่ ผืนดิน แผ่นน้ำ และอากาศ เต็มไปด้วยมลพิษเป็นพิษ ในขณะที่จิตใจประชาชนเกรอะกรังไปด้วยความคิดริษยาเบียดเบียนกัน และเกิดความแตกแยกร้าวฉานขนานใหญ่ในบ้านเมือง
ความมั่งคั่งของชาติถูกทำลายยับเยิน และก้าวสู่หนทางหายนะ รายได้ของประเทศจากการผลิตภาคเกษตรและจากการท่องเที่ยวมีจำนวนไม่ถึงครึ่งหนึ่งของรายจ่ายของประเทศ คือการนำเข้าพลังงาน ซึ่ง 80% หมดไปกับการขนส่งทางรถยนต์ และยังจะเดินหน้าไปสู่ความหายนะที่หนักขึ้นไปอีก
วันนี้ชาติบ้านเมืองตกอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลก ภาคอุตสาหกรรมที่ทำนุบำรุงมาอย่างผิดๆ กำลังก้าวสู่หายนะ คงเหลือแต่ภาคเกษตรที่ค้ำจุนชาติบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัยได้ถึงวันนี้
มิหนำซ้ำ ทรัพย์สมบัติของชาติมากหลาย ไม่ว่าธนาคาร สถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนสิทธิในอวกาศ ในอากาศ บนดิน ในน้ำ กลับถูกเฉือนขายให้กับต่างชาติไปเป็นลำดับๆ จนเกือบจะสิ้นไร้ไม้ตอกอยู่แล้ว
เพียงพอหรือยังที่จะพร้อมใจกันประกาศว่า จะต้องยุติการเดินหนทางผิด แล้วตั้งต้นสัมมาทิฐิเสียใหม่ ด้วยการอัญเชิญพระบรมราโชบายในการกำหนดทิศทางพัฒนาประเทศไทยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 มาใช้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ประเทศไทยของเราจะต้องหยุดการเดินหนทางอุตสาหกรรมอย่างบ้าคลั่งเสียที และต้องหันเหไปสู่ทิศทางที่จะสร้างความรุ่งเรืองเฟื่องฟูมั่งคั่งให้แก่ประเทศชาติ ตามที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงวางไว้อีกครั้งหนึ่ง
นั่นคือการกำหนดแนวทางพัฒนาประเทศไปสู่ความเป็นชาติมหาอำนาจทางเกษตรอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งประเทศไทยและคนไทยมีพื้นฐานที่มั่งคั่งที่สุดในโลก
ในการดำเนินสู่ทิศทางสร้างชาติเป็นมหาอำนาจทางเกษตรอุตสาหกรรมนั้น จะต้องวางเข็มมุ่งในด้านการวางแผนและปรับปรุงการผลิตใหม่ และรองรับด้วยการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรอย่างทั่วด้าน จัดระบบการขนส่งระบบรางรองรับการขนส่งและขนถ่ายสินค้าในภาคนี้อย่างทั่วถึงทั้งประเทศ ฟื้นฟูปรับปรุงพัฒนาและสร้างสรรค์แหล่งน้ำใหม่ ให้มีอัตราปริมาณน้ำใกล้เคียงหรือเท่ากับที่เคยมีอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 5
องค์กรของรัฐ ระบบกฎหมาย สิทธิพิเศษทางภาษี จะต้องรองรับกับการสร้างชาติเป็นมหาอำนาจทางเกษตรอุตสาหกรรม รวมทั้งการจัดตั้งกองทัพเศรษฐกิจแห่งชาติ เพื่อนำพาผลิตผลของชาติออกสู่โลกกว้าง โดยสอดคล้องกับสภาพประเทศไทยที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำและคลังธัญญาหารใหญ่ของโลก ซึ่งเหมาะสมกับยุคสมัยที่กำลังเข้าสู่ยุคช่วงชิงทรัพยากรและอาหารในศตวรรษใหม่นี้
ในการดำเนินสู่ทิศทางสร้างชาติเป็นมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมบริการนั้น จะต้องวางเข็มมุ่งในด้านการวางแผนและปรับปรุงทรัพยากรพื้นฐานด้านบริการของประเทศอย่างทั่วด้าน ฟื้นฟู สร้างและเพิ่มทรัพยากรท่องเที่ยวทั้งบนดิน ในแม่น้ำลำคลอง ในทะเล และป่าเขา ฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย ตลอดจนงานสถาปัตยกรรมทั้งปวง ตลอดจนการฟื้นฟู อนุรักษ์และส่งเสริมภูมิปัญญาด้านบริการในภาคบริการของไทยอย่างทั่วด้านให้สอดคล้องต้องกัน งานศิลป์ งานช่าง ศิลปกรรมดนตรี สถาปัตยกรรม การนวดแผนไทย การแพทย์แผนไทย จะต้องได้รับการส่งเสริมสนับสนุน และต้องรองรับด้วยระบบการขนส่งในทุกทาง ทุกมิติ เพื่อนำพาประชากรโลกเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
จะต้องวางเข็มมุ่งที่เด่นชัด กำหนดให้ประชาชาติทั่วโลกคือนักท่องเที่ยวของประเทศไทย ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยคือแหล่งท่องเที่ยวของชาวโลก ผลผลิตและบริการทุกด้านของประเทศคือแหล่งที่มารายได้หลักของชาติ ที่จะทำให้ชาติสามารถอยู่รอดปลอดภัยอย่างยั่งยืนและมั่งคั่งได้ในทุกกาล
ไม่ต้องคลุ้มคลั่งอยู่กับอัตราขึ้นลงของดอกเบี้ย และดัชนีขึ้นลงของตลาดหุ้น หรือสภาวะเงินเฟ้อเงินฝืด ตลอดจนวิกฤตและโอกาสทางเศรษฐกิจของระบอบทุนที่เน่าเฟะอีกต่อไป
เราจะต้องหยุดสภาพการยืมจมูกชาติอื่นหายใจไว้ในทันที แล้วค่อยๆ เริ่มต้นยืนบนขาของตนเอง ใช้สติปัญญาความสามารถของคนไทยและภูมิปัญญาอื่นๆ ในโลกมารับใช้ชาติของเรา ฟื้นฟูประเทศไทยขึ้นมาใหม่ให้รุ่งเรืองเฟื่องฟูและยิ่งใหญ่ในบูรพา และอาณาประชาราษฎรร่มเย็นเป็นสุขเหมือนที่เคยเป็นมาแล้วเมื่อ 150 ปีก่อน
คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเอย! พวกท่านมีความกล้าหาญและองอาจเพียงพอที่จะคิดเก่าทำใหม่ ดำเนินตามรอยพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า พระมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ของชาติเราหรือไม่เล่า?
กรรมการบางคนที่ได้รับแต่งตั้งเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ เพราะมีการทุจริตในช่วงวิกฤตการเงินปี 2540 จนต้องใช้เงินภาษีของประชาชนเข้าไปชดเชยและถึงวันนี้ก็ยังชำระหนี้ไม่เสร็จ
แต่เอาล่ะ การทำงานโดยคณะก็ต้องพิจารณาในภาพรวมของคณะ และก็พอจะวางใจผู้เป็นกรรมการส่วนใหญ่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็จำเป็นจะต้องกล่าวถึงบทบาทในสถานการณ์ใหม่ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสักครั้งหนึ่ง
เพราะหน่วยงานนี้มีความสำคัญ เป็นมันสมองในการกำหนดทิศทางพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งได้ทำต่อเนื่องมานับถึงวันนี้เป็นเวลาร่วม 50 ปีแล้ว ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอันเป็นผลจากการวางแผนของหน่วยงานแห่งนี้ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างไร มีความอุดมสมบูรณ์เพียงพอที่จะชี้ผิดถูกได้แล้ว
จึงอยากจะขอให้คณะกรรมการชุดใหม่เปิดใจให้กว้าง แล้วฟังเหตุฟังผลและต้นสายปลายเหตุที่ไปที่มา เพื่อร่วมกันพิจารณาอนาคตของประเทศ เพื่ออาณาประโยชน์ร่วมกันของประชาชาติไทยทั้งมวล
ประเทศไทยของเรานี้เคยมีการวางแผนกำหนดทิศทางพัฒนาประเทศมาก่อนแล้ว อย่างน้อยที่สุดที่เด่นชัดคือในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
คราวนั้นทรงวางทิศทางพัฒนาประเทศไทยโดยสอดคล้องกับความเป็นจริงของประเทศไทยและคนไทย มุ่งเป้าประสงค์ต่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติและความร่มเย็นเป็นสุขของอาณาราษฎร
แนวทางหรือทิศทางพัฒนาประเทศไทยที่ทรงกำหนดขึ้นคือ สภาพของประเทศไทยนั้นจะต้องพัฒนาไปเป็นประเทศเกษตรอุตสาหกรรม เพราะจะทำเกษตรกรรมธรรมชาติอย่างเดียวไม่ได้ เนื่องจากไม่มีชาติไหนมั่งคั่งหรืออยู่รอดได้เพราะทำเกษตรกรรมธรรมชาติ แต่จะทำอุตสาหกรรมก็ไม่ได้เพราะประเทศไทยไม่มีปัจจัยใดๆ เลย ไม่ว่าเครื่องจักร วัตถุดิบ โนฮาว ทุน เทคโนโลยี ตลาด จึงต้องพึ่งพาจมูกคนอื่นหายใจตลอดไป ดังนั้นความเหมาะสมที่สุดคือต้องแปรรูปภาคเกษตรเป็นเกษตรอุตสาหกรรม
อีกด้านหนึ่ง ทรงเล็งเห็นว่าประเทศไทยเป็นแหล่งทรัพยากร การท่องเที่ยว และบริการที่ล้ำเลิศของโลก มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติมากหลาย มีวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม และคนไทยมีจิตใจโอบอ้อมอารี มีขีดความสามารถที่จะทำงานบริการทุกชนิดด้วยจิตใจบริการอันยอดเยี่ยม จึงเหมาะสมที่จะเป็นประเทศอุตสาหกรรมบริการ
ดังนั้นธงชัยใหญ่ในการพัฒนาประเทศในยุคนั้นจึงมีถึง 2 ผืน คือแนวทางพัฒนาประเทศเป็นประเทศเกษตรอุตสาหกรรมภาคหนึ่ง และแนวทางพัฒนาประเทศเป็นประเทศอุตสาหกรรมบริการอีกภาคหนึ่ง
ผลจากการดำเนินพระบรมราโชบายที่ว่านี้ สยามได้พัฒนาก้าวหน้ากลายเป็นประเทศที่ก้าวหน้าและรุ่งเรืองมากที่สุดในเอเชีย เศรษฐกิจของประเทศรุ่งเรืองเฟื่องฟู ค่าเงินบาทแข็งแกร่งที่สุด มีอัตราแลกเปลี่ยน 1 บาทเท่ากับ 2 ปอนด์สเตอริง นานาประเทศในย่านนี้ล้วนชื่นชมยินดีและส่งผู้คนมาเล่าเรียนงาน ราษฎรสยามอยู่ดีมีสุขถ้วนหน้า
ครั้นมีการก่อตั้งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็มีการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 ขึ้น และจัดทำต่อเนื่องกันมานับถึงปัจจุบันร่วม 10 ฉบับแล้ว
แผนพัฒนาฯ ตั้งแต่ฉบับแรกได้ล้มเลิกธงชัยอันศักดิ์สิทธิ์ของรัชกาลที่ 5 ที่นำพาสยามและราษฎรให้รุ่งเรืองมั่งคั่งอย่างไม่ไยดี หันเหทิศทางของประเทศไปสู่ทิศทางหายนะที่ทรงเคยชี้ไว้ คือพัฒนาประเทศเป็นประเทศอุตสาหกรรม
นับแต่นั้นมาได้มีการจัดตั้งองค์กรและหน่วยงานของรัฐ จัดระบบภาษีอากรและกำหนดอภิสิทธิ์มากหลายเพื่อให้รองรับกับการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ในขณะที่ภาคเกษตรอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมบริการถูกทอดทิ้ง ไร้การเหลียวแลอีกต่อไป
50 ปีมาแล้ว จากดินแดนที่เจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูมั่งคั่งเกือบจะที่สุดในเอเชีย กลายเป็นประเทศที่ต้องยืมจมูกชาติอื่นหายใจ มีหนี้สินพะรุงพะรัง ที่ไม่รู้จะชดใช้หนี้ถึงชั้นลูกหลานเหลนโหลนหมดหรือไม่ ผืนดิน แผ่นน้ำ และอากาศ เต็มไปด้วยมลพิษเป็นพิษ ในขณะที่จิตใจประชาชนเกรอะกรังไปด้วยความคิดริษยาเบียดเบียนกัน และเกิดความแตกแยกร้าวฉานขนานใหญ่ในบ้านเมือง
ความมั่งคั่งของชาติถูกทำลายยับเยิน และก้าวสู่หนทางหายนะ รายได้ของประเทศจากการผลิตภาคเกษตรและจากการท่องเที่ยวมีจำนวนไม่ถึงครึ่งหนึ่งของรายจ่ายของประเทศ คือการนำเข้าพลังงาน ซึ่ง 80% หมดไปกับการขนส่งทางรถยนต์ และยังจะเดินหน้าไปสู่ความหายนะที่หนักขึ้นไปอีก
วันนี้ชาติบ้านเมืองตกอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลก ภาคอุตสาหกรรมที่ทำนุบำรุงมาอย่างผิดๆ กำลังก้าวสู่หายนะ คงเหลือแต่ภาคเกษตรที่ค้ำจุนชาติบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัยได้ถึงวันนี้
มิหนำซ้ำ ทรัพย์สมบัติของชาติมากหลาย ไม่ว่าธนาคาร สถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนสิทธิในอวกาศ ในอากาศ บนดิน ในน้ำ กลับถูกเฉือนขายให้กับต่างชาติไปเป็นลำดับๆ จนเกือบจะสิ้นไร้ไม้ตอกอยู่แล้ว
เพียงพอหรือยังที่จะพร้อมใจกันประกาศว่า จะต้องยุติการเดินหนทางผิด แล้วตั้งต้นสัมมาทิฐิเสียใหม่ ด้วยการอัญเชิญพระบรมราโชบายในการกำหนดทิศทางพัฒนาประเทศไทยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 มาใช้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ประเทศไทยของเราจะต้องหยุดการเดินหนทางอุตสาหกรรมอย่างบ้าคลั่งเสียที และต้องหันเหไปสู่ทิศทางที่จะสร้างความรุ่งเรืองเฟื่องฟูมั่งคั่งให้แก่ประเทศชาติ ตามที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงวางไว้อีกครั้งหนึ่ง
นั่นคือการกำหนดแนวทางพัฒนาประเทศไปสู่ความเป็นชาติมหาอำนาจทางเกษตรอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งประเทศไทยและคนไทยมีพื้นฐานที่มั่งคั่งที่สุดในโลก
ในการดำเนินสู่ทิศทางสร้างชาติเป็นมหาอำนาจทางเกษตรอุตสาหกรรมนั้น จะต้องวางเข็มมุ่งในด้านการวางแผนและปรับปรุงการผลิตใหม่ และรองรับด้วยการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรอย่างทั่วด้าน จัดระบบการขนส่งระบบรางรองรับการขนส่งและขนถ่ายสินค้าในภาคนี้อย่างทั่วถึงทั้งประเทศ ฟื้นฟูปรับปรุงพัฒนาและสร้างสรรค์แหล่งน้ำใหม่ ให้มีอัตราปริมาณน้ำใกล้เคียงหรือเท่ากับที่เคยมีอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 5
องค์กรของรัฐ ระบบกฎหมาย สิทธิพิเศษทางภาษี จะต้องรองรับกับการสร้างชาติเป็นมหาอำนาจทางเกษตรอุตสาหกรรม รวมทั้งการจัดตั้งกองทัพเศรษฐกิจแห่งชาติ เพื่อนำพาผลิตผลของชาติออกสู่โลกกว้าง โดยสอดคล้องกับสภาพประเทศไทยที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำและคลังธัญญาหารใหญ่ของโลก ซึ่งเหมาะสมกับยุคสมัยที่กำลังเข้าสู่ยุคช่วงชิงทรัพยากรและอาหารในศตวรรษใหม่นี้
ในการดำเนินสู่ทิศทางสร้างชาติเป็นมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมบริการนั้น จะต้องวางเข็มมุ่งในด้านการวางแผนและปรับปรุงทรัพยากรพื้นฐานด้านบริการของประเทศอย่างทั่วด้าน ฟื้นฟู สร้างและเพิ่มทรัพยากรท่องเที่ยวทั้งบนดิน ในแม่น้ำลำคลอง ในทะเล และป่าเขา ฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย ตลอดจนงานสถาปัตยกรรมทั้งปวง ตลอดจนการฟื้นฟู อนุรักษ์และส่งเสริมภูมิปัญญาด้านบริการในภาคบริการของไทยอย่างทั่วด้านให้สอดคล้องต้องกัน งานศิลป์ งานช่าง ศิลปกรรมดนตรี สถาปัตยกรรม การนวดแผนไทย การแพทย์แผนไทย จะต้องได้รับการส่งเสริมสนับสนุน และต้องรองรับด้วยระบบการขนส่งในทุกทาง ทุกมิติ เพื่อนำพาประชากรโลกเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
จะต้องวางเข็มมุ่งที่เด่นชัด กำหนดให้ประชาชาติทั่วโลกคือนักท่องเที่ยวของประเทศไทย ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยคือแหล่งท่องเที่ยวของชาวโลก ผลผลิตและบริการทุกด้านของประเทศคือแหล่งที่มารายได้หลักของชาติ ที่จะทำให้ชาติสามารถอยู่รอดปลอดภัยอย่างยั่งยืนและมั่งคั่งได้ในทุกกาล
ไม่ต้องคลุ้มคลั่งอยู่กับอัตราขึ้นลงของดอกเบี้ย และดัชนีขึ้นลงของตลาดหุ้น หรือสภาวะเงินเฟ้อเงินฝืด ตลอดจนวิกฤตและโอกาสทางเศรษฐกิจของระบอบทุนที่เน่าเฟะอีกต่อไป
เราจะต้องหยุดสภาพการยืมจมูกชาติอื่นหายใจไว้ในทันที แล้วค่อยๆ เริ่มต้นยืนบนขาของตนเอง ใช้สติปัญญาความสามารถของคนไทยและภูมิปัญญาอื่นๆ ในโลกมารับใช้ชาติของเรา ฟื้นฟูประเทศไทยขึ้นมาใหม่ให้รุ่งเรืองเฟื่องฟูและยิ่งใหญ่ในบูรพา และอาณาประชาราษฎรร่มเย็นเป็นสุขเหมือนที่เคยเป็นมาแล้วเมื่อ 150 ปีก่อน
คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเอย! พวกท่านมีความกล้าหาญและองอาจเพียงพอที่จะคิดเก่าทำใหม่ ดำเนินตามรอยพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า พระมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ของชาติเราหรือไม่เล่า?