xs
xsm
sm
md
lg

เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน!

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

เคยให้กำลังใจคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กันตรงๆ ต่อหน้าต่อตาไปหนหนึ่งว่า อำนาจของนายกรัฐมนตรีที่ได้รับโปรดเกล้าฯ มานั้นมีอานุภาพมาก สร้างความเจริญรุ่งเรืองก็ได้ และสร้างความวิบัติให้กับบ้านเมืองก็ได้ ขอให้ตั้งหน้าทำการสนองพระเดชพระคุณให้สำเร็จ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะตายเพราะการถูกลอบสังหารเป็นอันขาด

และยังให้กำลังใจอีกว่าการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้มีภาระหนักเพราะประชาชนตั้งความหวังเอาไว้มาก แต่หนักจะเป็นเบา เพราะประชาชนสนับสนุนมาก คนสนับสนุนมีทั้งที่ปรากฏตนและไม่ปรากฏตน มีทั้งคนที่แสดงท่าทีทางการเมืองต่างๆ นานาหลากหลาย

แต่ก็ได้เตือนด้วยว่า ผู้เป็นใหญ่นั้นต้องสามารถทนฟังคำเตือนคนอื่นหรือฟังเสียงติติงของคนอื่นได้ เพราะเสียงเตือนและเสียงติติงนั้นเป็นเสียงของความปรารถนาดี

คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนักการเมืองหนุ่ม มีความนอบน้อมและความอ่อนน้อมครองกายวาจาอยู่เป็นนิตย์ จึงได้รับความมงคลตามโลกนิติ และเป็นไปตามเงื่อนไขที่จะได้รับพรตามคำพระในเวลาท่านให้พร ซึ่งตั้งเงื่อนไขไว้เสมอว่าพรทั้งหลายและอายุ วรรณะ สุขะ พละนั้น จะบังเกิดมีเฉพาะแก่ผู้ที่มีความนอบน้อมเป็นนิตย์

พบกันคราวนั้นแล้วก็เชื่อว่ารัฐบาลนี้จะทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองไปครบเทอมดังที่คาดคะเนเหตุการณ์ไว้ตั้งแต่ตอนจัดตั้งรัฐบาลแล้ว และด้วยความหวังอย่างนั้น การใดชอบก็ต้องชื่นชม การใดไม่ชอบก็ต้องติติงตักเตือน ซึ่งเป็นสิทธิและอำนาจของประชาชนที่จะทำได้

เพราะประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เป็นเจ้านายโดยตรงของรัฐบาลและฝ่ายค้าน ตลอดจนสมาชิกวุฒิสภาและข้าราชการทั้งปวงด้วย ยกเว้นก็แต่พวกข้าขายเจ้า บ่าวขายนาย ที่ไม่นำพาความรู้สึกนึกคิดของประชาชน ยอมตนเป็นทาสน้ำเงิน แล้วประพฤติปฏิบัติตนไปตามกระแสเงินที่พัดพาให้เป็นไป

คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกลอบสังหารมาอย่างน้อย 3 ครั้งแล้ว แต่รอดตัวมาได้ทุกครั้ง เพราะชะตาจะไม่ตายด้วยการถูกลอบสังหารอย่างหนึ่ง และสวรรค์มีตา ฟ้ามีใจ เทพยดาและมนุษย์ผู้หวังดีต่อบ้านเมืองอุปถัมภ์ปกป้องค้ำจุนอยู่

ก็ต้องพูดกันตรงนี้ว่า การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นเป็นภาระอันหนัก เป็นภาระอันเสี่ยง และเสี่ยงต่อชีวิต ทั้งทางกายภาพและทางการเมืองไปพร้อมๆ กัน พลาดเข้าวันไหนเป็นอันแย่วันนั้น

แต่ที่ยังไม่พลาดก็เพราะชะตาไม่ถึงเวลาพลาด และเทพยดา ตลอดจนมนุษย์ผู้รักบ้านรักเมืองแผ่บารมีและเงื้อมมือมาปกป้องคุ้มครอง ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องตระหนักและต้องถือว่าเป็นขวัญกำลังใจอันสำคัญ ที่จะต้องทำให้ภารกิจอันสำคัญที่ได้รับมอบหมายมาให้บรรลุผลสำเร็จให้จงได้

ในห้วงเวลาใกล้ๆ นี้ก็เกือบพลาดท่าเสียทีอีกสองครั้ง สองหน

หนล่าสุดก็คือการที่มีผู้ปรารถนาดีนำงาช้างคู่ไปมอบเป็นบรรณาการในโอกาสที่เดินทางไปลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ แต่ในที่สุดก็ไหวตัวทัน แล้วคืนของกำนัลนั้นไป

ผู้รู้ย่อมรู้ว่า จะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ยากที่จะชี้ขาด แต่ถ้าหากคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับของกำนัลไว้เป็นสิทธิ ก็จะมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ดังนั้นการไหวตัวทันแล้วรีบคืนไปจึงทำให้ปลอดภัยจากความผิดดังกล่าว

และควรต้องสังวรไว้ให้จงดีว่าทุกย่างก้าว ทุกฝีเท้าที่ก้าวเดิน แม้อยู่ในท่ามกลางรอยยิ้มและไออุ่นใดๆ ก็ตาม แต่ขวากหนามหรือหุบเหวแม้กับดักก็มีอยู่ดาษดื่นทั่วไป

ก่อนเรื่องของขวัญก็มีเรื่องการสมนาคุณให้กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ด้วยการตั้งข้อหาเป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งมีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต

เรื่องนี้เชื่อว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี คงมิได้เกี่ยวข้องสั่งการ แต่อยู่ในข่ายที่สามารถรับรู้หรือรับรายงานว่าจะมีปฏิบัติการอย่างนั้น เพราะในฐานะผู้บริหารสูงสุดของรัฐบาลก็ดี ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ดี มีฐานะและอำนาจหน้าที่ที่จะต้องได้รับรู้รับทราบกระบวนการที่ดำเนินไป

เชื่อว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับทราบเรื่องนี้ แต่เหตุการณ์สมนาคุณแก่กลุ่มพันธมิตรฯ ก็เกิดขึ้น และเมื่อเกิดขึ้นแล้วลองหวนทวนไปตรวจสอบดูก็จะรู้เองว่าได้บังเกิดกระแสใหญ่ที่จะไล่คุณกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง

ทั้งผู้คนภายในรัฐบาล ทั้งฝ่ายค้าน ทั้งนักวิชาการสังกัดค่ายบางส่วน และสื่อมวลชนสังกัดค่ายบางสำนัก ประสานเสียงก้องกระหึ่มยิ่งกว่าการบรรเลงสังคีตสัมพันธ์ แต่เป้าหมายของมันเป็นอย่างเดียวกันคือ ไล่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

แต่แผ่นดินนี้ใช่ว่าจะไม่มีผู้รู้ทัน ดังนั้นบรรดาผู้รู้ทันและปรารถนาดีต่อรัฐบาลจึงได้ขวางแผนการร้ายในครั้งนี้อย่างกว้างขวาง ไม่ต่างกับการขับไล่เท่าใดนัก

ที่มีการขวางก็เพราะรู้กระจ่างว่า นี่มิใช่แผนขับไล่เฉพาะแต่คุณกษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่งเท่านั้น เป้าหมายหลักทางยุทธศาสตร์ของแผนการนี้คือไล่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และล้มรัฐบาลผสมชุดนี้

มีผู้กล่าวว่าทันทีที่รัฐบาลนี้ล้มครืนลง รัฐบาลแห่งชาติที่ประกอบด้วยพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย โดยมีคุณเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชเป็นนายกรัฐมนตรีก็จะปรากฏขึ้น แต่จะไม่มีคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในทางการเมืองอีกต่อไป

กระแสไล่กับกระแสขวางประดาบกันเลือดเดือดไม่ทันนาน ประสานกับสายลมวิเวกหวิวพัดจากใต้เข้ากรุง พวกแกนนำในรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้สติยั้งคิด แล้วบรรดาพรรคร่วมก็ได้สติยั้งคิด ดังนั้นการตีโต้แผนการลอบสังหารทางการเมืองต่อรัฐบาลและคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงเกิดขึ้นดังที่เห็นๆ กันอยู่

แต่ทว่าในส่วนของการตั้งข้อกล่าวหาผู้ก่อการร้ายนั้นยังคงเป็นชนักปักหน้าปักหลังรัฐบาลอยู่

เพราะในวันนี้หากไม่ถอนหอกโมกขศักดิ์ด้ามนี้ออกไป รัฐบาลนั่นแหละจะได้ชื่อว่าเป็นแหล่งซ่องสุมการก่อการร้าย

เพราะรัฐมนตรีต่างประเทศก็ดี ผู้มีศักดิ์จอมพลของกองทัพไทยซึ่งเป็นสามีของที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีก็ดี ที่ปรึกษารัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลก็ดี อดีตรัฐมนตรีบางคนก็ดี แม้กระทั่งคนจัดรายการธรรมะซึ่งไปจัดรายการให้ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ฟังก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

คนเหล่านั้นล้วนแวดล้อมอยู่กับรัฐบาล ดังนี้รัฐบาลจะหนีข้อหาเป็นแหล่งซ่องสุมผู้ก่อการร้ายไปได้อย่างไร

แต่ทว่าเป็นเรื่องการก่อการร้ายที่ไร้เดียงสา และต่ำกว่ามาตรฐานการก่อการร้าย จนกลายเป็นเรื่องโจ๊กตลกโปกฮาระดับสากล ที่เป็นที่กล่าวขวัญกล่าวขานกันอย่างสนุกสนานในเวทีการทูตและผู้นำประเทศต่างๆ ไปแล้ว

พบหน้าทูตบางประเทศเขาก็พูดเล่นว่า ประเทศของคุณนี้แปลกจริงๆ มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าพวกผู้ก่อการร้าย แต่หัวหน้าผู้ก่อการร้ายและผู้ก่อการร้ายที่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศก็ได้ประชุมร่วมกับผู้นำประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศที่เป็นหลักในการต่อต้านการก่อการร้ายอันดับหนึ่งของโลกด้วย

เป็นเรื่องการก่อการร้ายที่มีการเลือกปฏิบัติที่ชัดเจนที่สุด เพราะเรื่องความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ดี เรื่องบุกการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนจนบรรดาผู้นำชาติต่างๆ เผ่นกระเจิง แล้วเสื่อมเสียต่อชาติบ้านเมืองและเกิดความเสียหายใหญ่หลวงก็ดี การพยายามฆ่านายกรัฐมนตรีถึง 3 ครั้งก็ดี การเผาบ้านเผาเมืองก็ดี ไม่มีใครถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายเลย

มีแต่พวกที่นั่งๆ ยืนๆ ร้องรำทำเพลง กล่าวปราศรัย ฟังรายการธรรมะเท่านั้นที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายและความจริงก็มีคนเข้าร่วมนับแสนคน แต่เลือกปฏิบัติเอาแค่ 36 คน ส่อว่าจะขัดกับรัฐธรรมนูญอีกประการหนึ่งแล้ว

ความเสื่อม ความวิกฤต ในกระบวนการยุติธรรม กำลังถึงจุดที่วิกฤตที่สุดเท่าที่บ้านเมืองเคยมีมา นี่คือสภาวะที่บ้านเมืองขาดธรรม

ย่อมมีอนาคตที่ต้องเป็นไปดังคำเตือนของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ที่ว่า “เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน”

คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลจะยอ จะยั้ง จะหยุดมิให้ความบรรลัยพินาศเกิดกับบ้านเมืองก็ต้องฟื้นฟูธรรมขึ้นในบ้านเมืองให้เป็นที่ประจักษ์ ขื่อแปบ้านเมืองแข็งแรงเมื่อใด ความศิวิไลซ์รุ่งเรืองและความมั่นคงมั่นใจและความอยู่เย็นเป็นสุขก็จะมีขึ้นเมื่อนั้น และนี่ก็คือภาระใหญ่ใจกลางที่วางอยู่บนบ่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้ว

ไม่ใช่เรื่องการท่องเที่ยว ไม่ใช่เรื่องหุ้นขึ้นลง หรือเรื่องเงินฝืดเงินเฟ้อแต่ประการใดเลย.
กำลังโหลดความคิดเห็น