ASTVผู้จัดการรายวัน - ”อภิสิทธิ์” เคลียร์ ”กษิต”แล้ว แสดงจุดยืนชัดแค่ถูกกล่าวหา ไม่ปลดพ้นเก้า ให้รออัยการสั่งฟ้องก่อน ด้าน ”กษิต” ปลื้ม ”มาร์ค” เป็นนายกฯแสนดี ยันไม่มีเจตนาอัดทหารแต่ถูกถามนำ ปฏิเสธข้อกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย ส่งทนายบุก สำนักงานตำรวจฯ คัดค้านก่อนกล่าวหาต่อ ผบ.ตร.วันนี้ ด้านเทพเทือก ระบุ ”กษิต” เป็นยิ่งกว่าเพื่อน ติงตำรวจตั้งข้อหารุนแรงเกินเหตุ พร้อมปัดจับมือบิ๊กกองทัพกดดันให้ออก งานเบิร์ดเดย์ที่สมุย มีแต่ครอบครัว ไร้เงานักการเมือง ข้าราชการ ขุนทหารร่วม ”ประวิตร” ย้ำกองทัพไม่เคยกดดันปลด รมว.ต่างประเทศ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้พูดกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศแล้ว และทราบว่านายกษิตได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้ว คือตนได้แสดงจุดยืน ไปอย่างชัดเจนแล้วว่ากรณีเจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา เป็นผู้ก่อการร้ายในการปิดล้อมสนามบิน ซึ่งเป็นเพียงหมายเรียกท่านยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ ซึ่งนายกษิตก็บอกว่าไม่ได้ติดใจหรือข้องใจอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับเรื่องของรัฐบาล เพราะมีบางฝ่ายมากล่าวหาเหมือนกับว่ารัฐบาลไปกลั่นแกล้ง หรือไปชี้นำ แทรกแซง ซึ่งนายกษิตบอกว่าเข้าใจระบบดี เป็นการพูดคุย แลกเปลี่ยนกัน
”จริงๆ ก็มองความเหมาะสมต่างๆ ไม่ได้ต่างกันอยู่แล้ว ทั้งในส่วนรัฐบาลและท่านก็ไม่ได้ติดใจเรื่องอื่นๆ ฉะนั้นตอนนี้ก็ขอให้ท่านทำงาน วันนี้ท่านก็ไปประชุมกลุ่มนามที่เมืองไครโรห์ ประเทศอียิป กลับมาก็จะเริ่มในกระบวนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซี่ยน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าท่านจะไม่ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับทหาร เพราะก่อนหน้านี้บอกว่าพร้อมที่จะไปทำความเข้าใจกับกองทัพ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า ไม่มีความจำเป็นอะไร เพราะตนไม่ได้มองว่ามันมีปัญหาอะไร เป็นรายงานข่าวเกี่ยวกับความคิดเห็นของคน คิดว่านายกษิตควรจะใช้เวลาช่วงนี้ทุ่มเทเรื่องการประชุมผู้นำอาเซียนให้มากที่สุด เพราะมีเรื่องสำคัญที่ประเทศไทยต้องเป็นเวลาช่วยแก้ปัญหาหลายปัญหาที่เป็นเรื่องความมั่นคงระดับโลกด้วยซ้ำในการประชุมกลางเดือนนี้
ส่วนที่มีการไปต่อความคำพูดนายกรัฐมนตรี ว่าจะปรับนายกษิต ออกหลังประชุมผู้นำอาเซียน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเป็นเพียงการตั้งข้อสังเกตุผลโพลที่ให้ออกหลังประชุมอาเซียน แต่ตนได้พูดไปแล้วว่า สถานะที่เป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาและมีหมายเรียกคิดว่าสามารถดำรงตำแหน่งได้ แต่ถ้าอัยการสั่งฟ้องตนคิดว่าก็เป็นเหตุผล แต่จะก่อนหรือหลังนั้นหรือเปล่าต้องดูข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้นต่อไป พูดขณะนี้จะเร็วเกินไป ตอนนี้นายกษิตก็ไปรายงานตัวกับตำรวจแล้ว พร้อมจะสู้ทุกอ่าง เข้าใจว่าได้นัดกับตำรวจแล้ในการส่งคำปฏิเสธ ระหว่างนี้ท่านก็ปฏิบัติหน้าที่ไป
** “กษิต”ประทับใจนายกฯให้เกียรติ
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แถลงว่า มีความมั่นใจและประทับใจในตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่มีความมั่นใจในตัวของตนไม่ได้มีข้อสงสัยในคุณความดีและสติปัญญาของนายกรัฐมนตรีในการดูแลลูกพรรคและลูกทีมใน คณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะตนที่อยู่ในสถานะที่อยู่ในข้อโต้แย้งทางการเมืองมากมาย และตนดีใจที่มีนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเป็นนายอภิสิทธิ์ และมีโอกาสได้ร่วมทำงานด้วย
”ขอความกรุณาอย่าได้ตีความใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีข้อสงสัยและเราทำงานกันอย่างเต็มที่และท่านนายกฯว่าอย่างไรตัวผมก็เป็นเช่นนั้น ผมเองก็ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหลังจากถูกหมายเรียกจากตำรวจเพราะถือเป็นเรืองจริยธรรมและภาระขั้นพื้นฐานของนักการเมืองเมื่อถูกเรียกเข้ามาก็ต้องไป แต่ผมก็ได้ปฏิเสธทุกข้อ กล่าวหา เพราะว่าผมไม่เห็นว่ามันสมเหตุสมผลอะไร ที่จะมากล่าวหาว่าผม เป็น ผู้ก่อการร้าย อย่างไรก็ตามยังเหลือเวลาอีก 20 วันที่จะให้ทนายเข้าไปแก้ข้อต่างได้”
นายกษิต กล่าวว่า ส่วนที่กระวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนระบุว่าทหารออกมากดดันให้รัฐบาลปลดตนออกจากตำแหน่งนั้นจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปพาดพิงกับเพื่อนๆ ที่กระทรวงกลาโหมหรือทหารใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่มีข่าวอ้างว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งตนก็ถาม ว่าหนังสือพิมพ์ไปเอามาจากไหน ตนก็อยากจะรู้ ทั้งนี้ยินดีที่จะไปจับเข่าคุยกับทุกคนจะเป็นใครก็ตาม เพราะเราทำงานด้วยความโปร่งใส หากไม่รู้อะไรหรือสงสัยอะไรเกี่ยวกับกระทรวงการต่างประเทศให้มาถามตนได้ แต่อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์กันโดยที่ไม่ยอมรับทราบข้อเท็จจริงหรือรับทราบแล้วก็ยังอยากจะวิจารณ์ในทางลบ จึงต้องออกมาอธิบายให้ฟัง
”ผมอยู่ในตำแหน่ง 6 เดือน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำสามารถตอบได้ ทุกอย่างที่ทำกับนายกฯ เพราะว่ากระทรวงการต่างประเทศก็เป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่จัดให้ นายกฯ ไปต่างประเทศ ผมสามารถชี้แจงได้ว่าเป็นอย่างไร และในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ผมก็พยายามที่จะขับเคลื่อนสิ่งที่ค้างมาเป็นเวลานานโดยเฉพาะการประชุมร่วม ต่างประเทศ และคืนนี้ตนก็จะเดินทางไปร่วมประชุมระดับผู้นำประเทศที่ประเทศอียิปต์ ของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด โดยเป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี”
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจในการทำงานหรือไม่ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามาทำงาน จนถึงวันนี้ 6 เดือนก็โดนโจมตีมาตลอดก็อาจจะมีการหวั่นไหว นายกรัฐมนตรีก็ได้พูดกับสาธารณชนตลอดเวลา ตนก็มีความซาบซึ้ง ในเรื่องนี้ ซึ่งทำให้สามารถทำงานได้เต็มที่ เนื่องจากมีผู้นำที่แน่วแน่และยืนหยัดอยู่บน ความถูกต้องไม่ได้หวั่นไหวไปกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และพูดด้วยเหตุด้วยผลด้วยหลักด้วยเกณฑ์ทั้งนั้น
ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั้นก็ได้คุยกันแล้วไม่มีปัญหาอะไรเป็นรัฐบาลเดียวกันก็ทำงานกันมาตนมีความมั่นใจและเคารพในตัวนายสุเทพ แม้กระทั่งพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.อย่าได้มีข้อสงสัยอะไร เพราะว่าตนเดินทางตลอดไม่ค่อยได้อยู่ที่กรุงเทพ เนื่องจากงานเยอะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องเจอกันแน่นอนเนื่องจากว่าทุกคนต้องลงไปอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต
** “กษิต”ส่งทนายคัดค้านวันนี้
อย่างไรก็ตามตนก็ต้องขอวิงวอนประชาชนชาวไทยร่วมกันเป็นภาพ อย่าเอา การเมืองภายในทำให้การต่างประเทศต้องเสียไปด้วย เราต้องมุ่งหน้าในเรื่องของ อาเซียน ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซึ่งเป็นผลประโยชน์ของประเทศไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ก.ค.) เวลา 11.00 น. นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้มอบหมายให้ นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความเข้ายื่นร้องคัดค้านข้อกล่าวหา ผู้ก่อการร้าย ในการปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สวรรณ ผบ.ตร. เนื่องจากเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงเกินจริง
** “สุเทพ”อุ้ม”กษิต”เป็นกำลังหลักรัฐบาล
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีนายกษิต ประการแรกตั้งแต่เป็น รมว.ต่างประเทศได้ช่วยทำงานให้รัฐบาลตามกำลังสามารถ แสดงให้เห็นว่า เป็นผู้ที่มีความสันทัดจัดเจนในเรื่องกิจการต่างประเทศและเป็นกำลังให้รัฐบาลได้ดีที่สุด ประการที่สองในขณะที่เข้ามารับหน้าที่ รมว.ต่างประเทศยังไม่กระทำความผิดอะไรเลย ประการที่สาม กรณีที่ตำรวจมีหมายเรียกให้นายกษิตไปให้ปากคำ เป็นกรณีของการไปร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการจัดตั้งรัฐบาลเป็นปี
ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ไม่ได้ทำอะไรบกพร่องแล้วถูกดำเนินการ เรื่องนี้ต้องแยกกัน ผมถือว่า สิ่งที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหา ก็ต้องให้ รมว.ต่างประเทศไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรมจะถูกผิดอย่างไรรัฐบาลเข้าไปแทรกแซงไม่ได้ ไม่เข้าไปปกป้อง ช่วยเหลือ ไม่ซ้ำเติม ทุกคดีความที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างแน่นอน แล้วทุกฝ่ายก็มีสิทธิพิสูจน์ตัวเอง ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนติดตามเรื่องนี้ได้
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้วางบรรทัดฐานเรื่องกระบวนการยุติธรรม ต้องไม่มีใครเป็นแทรกแซงในทุกขั้นตอน ส่วนที่ใครจะมากดดันรัฐบาลก็พร้อมรับความกดดัน เราเอาความจริงเข้าว่า ตนไม่มีอคติกับใครในการทำงาน ส่วนแต่ละคนที่เมื่อรู้สึกว่ากระทบตัวเองแล้วกลับมาป้ายสีรัฐบาลหรือตนเองก็ไม่เป็นไร ต้องทนเอา จะชี้แจงกับประชนไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งสิ้น
ส่วนที่ฝ่ายค้านดำเนินการเรียนร้องนั้นว่า ประชาชนเห็นอยู่แล้วว่า ฝ่ายค้านดำเนินการมีเป้าหมาย สามารถติดตามได้ว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านกำลังดำเนินการมีเหตุผลอย่างไร
*** “จวกปูดข่าวมั่วทหารบีบให้ปลด”กษิต”
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าทางทหารกดดันให้ปลดนายกษิตนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เคยมี ส่วนที่เชื่อมโยงว่าทหารไปพูดกับตนเมื่อตอนเข้าร่วมงานวันเกิดของตนที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีนั้น ขอชี้แจงว่า ตนไม่ได้เชิญใครที่อยู่ในวงราชการ การเมืองไปร่วมงานวันเกิดเลย เพราะตนเป็นคนไม่นิยมจัดงานวันเกิดอยู่แล้ว แต่ได้ไปทำบุญวันเกิดที่วัดสวนโมก และบังเอิญที่วันเกิดปีนี้ตรงกับวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ไปที่วัดจึงมีคนไปทำบุญกันมาก จึงเลือกวันที่ไปทำบุญเพื่อถวายภัตตาหารพระ
”ไม่มีใครในวงราชการ การเมืองไปร่วมงานกับผมเลย และวันเกิดจริงๆ อยู่ที่เกาะสมุย ร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัว และภรรยา ไม่มีนักการเมือง ตำรวจ ทหาร แม้แต่คนเดียว ผมทานข้าวกันแค่โต๊ะเดียวมีแค่ ภรรยา ผม และลูกๆ ข่าวที่ออกมาเป็นการจงใจให้เกิดความวุ่นวายปั่นป่วน ผมทำงานร่วมกับ ผู้หลักผู้ใหญ่วงการทหารมา ไม่เคยมีการก้าวก่ายแทรกแซงในเรื่องการเมืองเลย บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่วงการทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ ท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน รัฐบาล ขอให้มาช่วยทำงานเรื่องหนึ่งเรื่องใด ท่านก็มาช่วยทำงาน ไม่เคยมายุ่งเรื่องการเมือง การเมืองเป็นเรื่องของผมและนักการเมืองเท่านั้น ฉะนั้นการเอาข่าวนี้มาปูด เป็นการสร้างเจตนาให้เข้าใจผิด” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าไม่ได้พบ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ พล.อ.ประยุทธ จันทโอชา เสธ.ทบ. นายสุเทพ ตอบว่า ไม่ได้พบกัน แล้วก็หยุดชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อว่า เอาเป็นว่า ตั้งแต่ต้นเดือนมายังไม่เคยพูดคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ครั้งสุดท้ายมีการประชุมร่วมเรื่องการเตรียมการดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับผู้เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีและประเทศคู่เจรจาที่ภูเก็ต ในช่วงต้นเดือนไม่มีเรื่องพรรค์อย่างนี้
ส่วนที่นายกษิตออกมาแสดงความไม่พอใจที่มีทหารออกมาพูดขอให้ลาออกนั้น นายสุเทพ ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่าท่านพูดเองหรือมีคนไปถาม อย่างนี้ต้องขอความ กรุณาสื่อเป็นพิเศษว่า ต้องแยกว่าบางครั้งสื่อถามแต่ไปเขียนว่าตนเป็นคนไปพูด ไม่ได้อย่างนี้คนอื่นเสียหาย
** ระบุ”กษิต”เป็นมากกว่าเพื่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาพูดหลายเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้บงการ การที่แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาพูดอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้บงการ นายสุเทพ กล่าวว่า น่าเวทนา ผมใช้คำนี้เลยว่า คนที่คิดอย่างนี้น่าเวทนา ที่เขาใช้จิตนาการในทางที่ผิด จะเป็นใครก็แล้วแต่ คือเขาไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงคือ ผมกับนายกษิต รู้จักกันมาก่อนที่เขาจะรู้จักกัน ผมไม่ได้ฟังที่นายกษิต ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สงสัยว่า ผมเป็นผู้ปองร้ายนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ และนายกรัฐมนตรี แต่ผมยืนยันได้ว่า ในชีวิตนี้ นายกษิต ไม่มีวันสงสัยผมแน่นอน ยืนยันได้ เพราะรู้จักกันเป็นอย่างดี ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่าถือได้ว่าเป็นเพื่อนแท้ได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อาจจะเป็นได้มากกว่าเพื่อน เมื่อถามว่า การปล่อยข่าวถือเป็นการพยายามก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพันธมิตรฯกับขั้วสีเขียวและรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าตนมันเข้าทุกเรื่องอยู่แล้ว เข้าใจดี ให้ลองไตร่ตรองดูว่า หากไม่มีชื่อนายกษิตอยู่ในชื่อของ ผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหา พวกเสื้อแดง และฝ่ายต่างๆ ก็ต้องตำหนิว่าตนช่วยนายกษิต พอมีชื่อ นายกษิต อีกฝ่ายก็มองว่า นายสุเทพเล่นงานนายกษิต ตนเข้าใจอยู่แล้วไม่ว่าออกซ้าย หรือขวา แต่ตั้งใจแน่วแน่ว่าสามารถตอบคำถามสังคมได้ ถ้านายกษิตผิดก็ต้องรับโทษ
** ติงตร.ตั้งข้อหาก่อการร้ายแรงเกินไป
”ผมเห็นตั้งแต่ต้นแล้วว่า การตั้งข้อหาการก่อการร้าย มันรุนแรงเกินเหตุ เพราะเรารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลายอย่างมันไม่ใช่การก่อการร้าย ถ้าผิดในกฎหมายอื่นก็ว่าไปสิ ไม่ได้หมายความว่า ถ้าไม่ผิดก่อการร้าย ไม่ผิดเลยก็ไม่ใช่ ต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้คดี” นายสุเทพ มองถึงการตั้งข้อหาการก่อการร้าย”
ต่อข้อถามว่าเมื่อรู้จักกันดี คิดว่านายกษิต มีพฤติกรรมการก่อการร้าย ตามที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาหรือไม่ นายสุเทพ หัวเราะ ก่อนจะตอบว่า ไม่เป็น แต่ว่า ถ้าคนที่ใช้ปากเป็นอาวุธ ท่านอาจจะเข้าข่าย ตั้งแต่มีเรื่องไม่ได้เจอกัน เพราะท่านไปต่างประเทศ ตนกับนายกษิต รู้จักกันมาเป็นอย่างดี ได้ช่วยกันทำงานหลายเรื่องมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่รัฐบาลมีปัญหากับพันธมิตรฯ จะทำให้รัฐบาลมีชะตากรรมเหมือนรัฐบาลยุคพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องที่รัฐบาลนี้จะทำงานแล้วถูกใครเล่นงานหรือไม่ไม่สำคัญ อยู่ที่ประชาชนเห็นข้อเท็จจริงทั้งหมดคิดอย่างไร ในระบอบประชาธิปไตยต้องเชื่อในเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ รัฐบาลนี้ไม่ได้ทุจริต คอรัปชั่น ใช้อำนาจบาตรใหญ่ อุ้มฆ่าใคร บริหารบ้านเมืองตามหลักนิติธรรม ไม่ต้องกลัวใคร ถูกใจใครไม่ถูกใจใครช่วยไม่ได้ เราทำเอาประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้งก็โอเค
**ยันไม่เคยร่วมงานกับพันธมิตรฯ
ส่วนจะบอกถึงเพื่อนที่เคยร่วมงานด้วยอย่างไร โดยเฉพาะนายคำนูญ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา หนึ่งในพันธมิตรฯ นายสุเทพ กล่าวปฏิเสธว่า ผมไม่เคยร่วมงานกับพันธมิตรฯ ต้องให้ชัดเจน ไม่เคยส่งเสริม สนับสนุน ขัดแย้งกับพันธมิตรฯ โดยส่วนตัว เมื่อมาถึงวันนี้ถ้าใครรู้สึกว่า ตนเข้ามาทำงานในหน้าที่แล้ว ทำให้พันธมิตรฯไม่สบายใจ ขอเรียนว่า ไม่ใช่ความตั้งใจของตนเอง ขอให้มองให้ละเอียดว่าตนทำตามหน้าที่ ส่วนที่ด่าตนเองบ่อยๆถือเป็นธรรมดา
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่นายคำนูญมองว่า พรรคประชาธิปัตย์จะโหนกระแสสังคมและสุดท้ายจะเขี่ยนายกษิต ทิ้งจากรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เคยได้ยินว่า นายคำนูญพูดเช่นนั้น แต่ถ้านายคำนูญพูดเช่นนั้นจริงๆ ก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่นายคำนูญ ซึ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียงพูดจาก็เป็นเรื่องราวมาตลอด มาวันนี้พูดในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเป็นราวมาเสียแล้ว
** “ประวิต”ยัน”กษิต”ไม่ติดใจทหาร
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ปฏิเสธกรณีมีกระแสข่าวระบุว่า กองทัพกดดันรัฐบาลให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่ง โดยยืนยันว่า กองทัพไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับนายกษิต และนายกษิตก็ไม่ได้ติดใจอะไร
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่นายอภิสิทธิ์ เห็นว่า นายกษิต ควรทำงานต่อไปเพื่อเป็นการไม่ทำลายทรัพยากรบุคคล เพราะที่ผ่านมา ผลงานของนายกษิตก็ถือว่าใช้ได้ ส่วนหากนายกษิตยังทำงานอยู่จะเป็นสายล่อฟ้า สำหรับรัฐบาลนั้นตนเห็นว่ามันเป็นแบบนีมานานแล้ว แต่การเป็นสายล่อฟ้าเส้นเดียว ก็ดีกว่าเป็นสายล่อฟ้าที่กระจายทั่วไปหมายถึงรับอยู่สายเดียวดีกว่าโดนทุกคน
**ส.ส.ปชป.เชียร์”กษิต”อยู่แทงศัตรูต่อ
นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในฐานะส.ส.ยังคง ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนให้นายกษิต ให้ดำรงตำแหน่งต่อไป เพราะนายกษิต เปรียบเหมือนหอกโมกข์ศักดิ์ทิ่มแทงศัตรูของประเทศได้ โดยเฉพาะระบอบทักษิณ ที่สร้างความแตกแยกให้กับบ้านเมือง
นอกจากนี้ประชาชนทั่วประเทศคงรู้ดีว่ามาตรฐานของตำรวจไทยเป็นอย่างไร ดังลำพังเพียงข้อกล่าวหาเช่นนี้จึงไม่เป็นบรรทัดฐานที่จะให้นายกษิตลาออกได้ เป็นเพียง ความต้องการของลูกสมุนทรราชย์เท่านั้น อย่างไรก็ตามขณะนี้มีคนในระบอบทักษิณ พยายามอ้างประชาชนเพื่อล่าชื่อถวายฎีกา ถือเป็นเรื่องมิบังควร ดังนั้นตนจึงทำป้าย รณรงค์ติดในพื้นที่ฝั่งธนบุรี 10 จุดเพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่า ใครคือต้นเหตุทำให้ บ้านเมืองต้องแตกแยก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้พูดกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศแล้ว และทราบว่านายกษิตได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้ว คือตนได้แสดงจุดยืน ไปอย่างชัดเจนแล้วว่ากรณีเจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา เป็นผู้ก่อการร้ายในการปิดล้อมสนามบิน ซึ่งเป็นเพียงหมายเรียกท่านยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ ซึ่งนายกษิตก็บอกว่าไม่ได้ติดใจหรือข้องใจอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับเรื่องของรัฐบาล เพราะมีบางฝ่ายมากล่าวหาเหมือนกับว่ารัฐบาลไปกลั่นแกล้ง หรือไปชี้นำ แทรกแซง ซึ่งนายกษิตบอกว่าเข้าใจระบบดี เป็นการพูดคุย แลกเปลี่ยนกัน
”จริงๆ ก็มองความเหมาะสมต่างๆ ไม่ได้ต่างกันอยู่แล้ว ทั้งในส่วนรัฐบาลและท่านก็ไม่ได้ติดใจเรื่องอื่นๆ ฉะนั้นตอนนี้ก็ขอให้ท่านทำงาน วันนี้ท่านก็ไปประชุมกลุ่มนามที่เมืองไครโรห์ ประเทศอียิป กลับมาก็จะเริ่มในกระบวนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซี่ยน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าท่านจะไม่ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับทหาร เพราะก่อนหน้านี้บอกว่าพร้อมที่จะไปทำความเข้าใจกับกองทัพ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า ไม่มีความจำเป็นอะไร เพราะตนไม่ได้มองว่ามันมีปัญหาอะไร เป็นรายงานข่าวเกี่ยวกับความคิดเห็นของคน คิดว่านายกษิตควรจะใช้เวลาช่วงนี้ทุ่มเทเรื่องการประชุมผู้นำอาเซียนให้มากที่สุด เพราะมีเรื่องสำคัญที่ประเทศไทยต้องเป็นเวลาช่วยแก้ปัญหาหลายปัญหาที่เป็นเรื่องความมั่นคงระดับโลกด้วยซ้ำในการประชุมกลางเดือนนี้
ส่วนที่มีการไปต่อความคำพูดนายกรัฐมนตรี ว่าจะปรับนายกษิต ออกหลังประชุมผู้นำอาเซียน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเป็นเพียงการตั้งข้อสังเกตุผลโพลที่ให้ออกหลังประชุมอาเซียน แต่ตนได้พูดไปแล้วว่า สถานะที่เป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาและมีหมายเรียกคิดว่าสามารถดำรงตำแหน่งได้ แต่ถ้าอัยการสั่งฟ้องตนคิดว่าก็เป็นเหตุผล แต่จะก่อนหรือหลังนั้นหรือเปล่าต้องดูข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้นต่อไป พูดขณะนี้จะเร็วเกินไป ตอนนี้นายกษิตก็ไปรายงานตัวกับตำรวจแล้ว พร้อมจะสู้ทุกอ่าง เข้าใจว่าได้นัดกับตำรวจแล้ในการส่งคำปฏิเสธ ระหว่างนี้ท่านก็ปฏิบัติหน้าที่ไป
** “กษิต”ประทับใจนายกฯให้เกียรติ
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แถลงว่า มีความมั่นใจและประทับใจในตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่มีความมั่นใจในตัวของตนไม่ได้มีข้อสงสัยในคุณความดีและสติปัญญาของนายกรัฐมนตรีในการดูแลลูกพรรคและลูกทีมใน คณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะตนที่อยู่ในสถานะที่อยู่ในข้อโต้แย้งทางการเมืองมากมาย และตนดีใจที่มีนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเป็นนายอภิสิทธิ์ และมีโอกาสได้ร่วมทำงานด้วย
”ขอความกรุณาอย่าได้ตีความใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีข้อสงสัยและเราทำงานกันอย่างเต็มที่และท่านนายกฯว่าอย่างไรตัวผมก็เป็นเช่นนั้น ผมเองก็ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหลังจากถูกหมายเรียกจากตำรวจเพราะถือเป็นเรืองจริยธรรมและภาระขั้นพื้นฐานของนักการเมืองเมื่อถูกเรียกเข้ามาก็ต้องไป แต่ผมก็ได้ปฏิเสธทุกข้อ กล่าวหา เพราะว่าผมไม่เห็นว่ามันสมเหตุสมผลอะไร ที่จะมากล่าวหาว่าผม เป็น ผู้ก่อการร้าย อย่างไรก็ตามยังเหลือเวลาอีก 20 วันที่จะให้ทนายเข้าไปแก้ข้อต่างได้”
นายกษิต กล่าวว่า ส่วนที่กระวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนระบุว่าทหารออกมากดดันให้รัฐบาลปลดตนออกจากตำแหน่งนั้นจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปพาดพิงกับเพื่อนๆ ที่กระทรวงกลาโหมหรือทหารใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่มีข่าวอ้างว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งตนก็ถาม ว่าหนังสือพิมพ์ไปเอามาจากไหน ตนก็อยากจะรู้ ทั้งนี้ยินดีที่จะไปจับเข่าคุยกับทุกคนจะเป็นใครก็ตาม เพราะเราทำงานด้วยความโปร่งใส หากไม่รู้อะไรหรือสงสัยอะไรเกี่ยวกับกระทรวงการต่างประเทศให้มาถามตนได้ แต่อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์กันโดยที่ไม่ยอมรับทราบข้อเท็จจริงหรือรับทราบแล้วก็ยังอยากจะวิจารณ์ในทางลบ จึงต้องออกมาอธิบายให้ฟัง
”ผมอยู่ในตำแหน่ง 6 เดือน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำสามารถตอบได้ ทุกอย่างที่ทำกับนายกฯ เพราะว่ากระทรวงการต่างประเทศก็เป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่จัดให้ นายกฯ ไปต่างประเทศ ผมสามารถชี้แจงได้ว่าเป็นอย่างไร และในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ผมก็พยายามที่จะขับเคลื่อนสิ่งที่ค้างมาเป็นเวลานานโดยเฉพาะการประชุมร่วม ต่างประเทศ และคืนนี้ตนก็จะเดินทางไปร่วมประชุมระดับผู้นำประเทศที่ประเทศอียิปต์ ของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด โดยเป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี”
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจในการทำงานหรือไม่ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามาทำงาน จนถึงวันนี้ 6 เดือนก็โดนโจมตีมาตลอดก็อาจจะมีการหวั่นไหว นายกรัฐมนตรีก็ได้พูดกับสาธารณชนตลอดเวลา ตนก็มีความซาบซึ้ง ในเรื่องนี้ ซึ่งทำให้สามารถทำงานได้เต็มที่ เนื่องจากมีผู้นำที่แน่วแน่และยืนหยัดอยู่บน ความถูกต้องไม่ได้หวั่นไหวไปกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และพูดด้วยเหตุด้วยผลด้วยหลักด้วยเกณฑ์ทั้งนั้น
ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั้นก็ได้คุยกันแล้วไม่มีปัญหาอะไรเป็นรัฐบาลเดียวกันก็ทำงานกันมาตนมีความมั่นใจและเคารพในตัวนายสุเทพ แม้กระทั่งพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.อย่าได้มีข้อสงสัยอะไร เพราะว่าตนเดินทางตลอดไม่ค่อยได้อยู่ที่กรุงเทพ เนื่องจากงานเยอะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องเจอกันแน่นอนเนื่องจากว่าทุกคนต้องลงไปอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต
** “กษิต”ส่งทนายคัดค้านวันนี้
อย่างไรก็ตามตนก็ต้องขอวิงวอนประชาชนชาวไทยร่วมกันเป็นภาพ อย่าเอา การเมืองภายในทำให้การต่างประเทศต้องเสียไปด้วย เราต้องมุ่งหน้าในเรื่องของ อาเซียน ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซึ่งเป็นผลประโยชน์ของประเทศไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ก.ค.) เวลา 11.00 น. นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้มอบหมายให้ นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความเข้ายื่นร้องคัดค้านข้อกล่าวหา ผู้ก่อการร้าย ในการปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สวรรณ ผบ.ตร. เนื่องจากเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงเกินจริง
** “สุเทพ”อุ้ม”กษิต”เป็นกำลังหลักรัฐบาล
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีนายกษิต ประการแรกตั้งแต่เป็น รมว.ต่างประเทศได้ช่วยทำงานให้รัฐบาลตามกำลังสามารถ แสดงให้เห็นว่า เป็นผู้ที่มีความสันทัดจัดเจนในเรื่องกิจการต่างประเทศและเป็นกำลังให้รัฐบาลได้ดีที่สุด ประการที่สองในขณะที่เข้ามารับหน้าที่ รมว.ต่างประเทศยังไม่กระทำความผิดอะไรเลย ประการที่สาม กรณีที่ตำรวจมีหมายเรียกให้นายกษิตไปให้ปากคำ เป็นกรณีของการไปร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการจัดตั้งรัฐบาลเป็นปี
ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ไม่ได้ทำอะไรบกพร่องแล้วถูกดำเนินการ เรื่องนี้ต้องแยกกัน ผมถือว่า สิ่งที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหา ก็ต้องให้ รมว.ต่างประเทศไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรมจะถูกผิดอย่างไรรัฐบาลเข้าไปแทรกแซงไม่ได้ ไม่เข้าไปปกป้อง ช่วยเหลือ ไม่ซ้ำเติม ทุกคดีความที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างแน่นอน แล้วทุกฝ่ายก็มีสิทธิพิสูจน์ตัวเอง ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนติดตามเรื่องนี้ได้
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้วางบรรทัดฐานเรื่องกระบวนการยุติธรรม ต้องไม่มีใครเป็นแทรกแซงในทุกขั้นตอน ส่วนที่ใครจะมากดดันรัฐบาลก็พร้อมรับความกดดัน เราเอาความจริงเข้าว่า ตนไม่มีอคติกับใครในการทำงาน ส่วนแต่ละคนที่เมื่อรู้สึกว่ากระทบตัวเองแล้วกลับมาป้ายสีรัฐบาลหรือตนเองก็ไม่เป็นไร ต้องทนเอา จะชี้แจงกับประชนไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งสิ้น
ส่วนที่ฝ่ายค้านดำเนินการเรียนร้องนั้นว่า ประชาชนเห็นอยู่แล้วว่า ฝ่ายค้านดำเนินการมีเป้าหมาย สามารถติดตามได้ว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านกำลังดำเนินการมีเหตุผลอย่างไร
*** “จวกปูดข่าวมั่วทหารบีบให้ปลด”กษิต”
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าทางทหารกดดันให้ปลดนายกษิตนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เคยมี ส่วนที่เชื่อมโยงว่าทหารไปพูดกับตนเมื่อตอนเข้าร่วมงานวันเกิดของตนที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีนั้น ขอชี้แจงว่า ตนไม่ได้เชิญใครที่อยู่ในวงราชการ การเมืองไปร่วมงานวันเกิดเลย เพราะตนเป็นคนไม่นิยมจัดงานวันเกิดอยู่แล้ว แต่ได้ไปทำบุญวันเกิดที่วัดสวนโมก และบังเอิญที่วันเกิดปีนี้ตรงกับวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ไปที่วัดจึงมีคนไปทำบุญกันมาก จึงเลือกวันที่ไปทำบุญเพื่อถวายภัตตาหารพระ
”ไม่มีใครในวงราชการ การเมืองไปร่วมงานกับผมเลย และวันเกิดจริงๆ อยู่ที่เกาะสมุย ร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัว และภรรยา ไม่มีนักการเมือง ตำรวจ ทหาร แม้แต่คนเดียว ผมทานข้าวกันแค่โต๊ะเดียวมีแค่ ภรรยา ผม และลูกๆ ข่าวที่ออกมาเป็นการจงใจให้เกิดความวุ่นวายปั่นป่วน ผมทำงานร่วมกับ ผู้หลักผู้ใหญ่วงการทหารมา ไม่เคยมีการก้าวก่ายแทรกแซงในเรื่องการเมืองเลย บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่วงการทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ ท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน รัฐบาล ขอให้มาช่วยทำงานเรื่องหนึ่งเรื่องใด ท่านก็มาช่วยทำงาน ไม่เคยมายุ่งเรื่องการเมือง การเมืองเป็นเรื่องของผมและนักการเมืองเท่านั้น ฉะนั้นการเอาข่าวนี้มาปูด เป็นการสร้างเจตนาให้เข้าใจผิด” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าไม่ได้พบ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ พล.อ.ประยุทธ จันทโอชา เสธ.ทบ. นายสุเทพ ตอบว่า ไม่ได้พบกัน แล้วก็หยุดชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อว่า เอาเป็นว่า ตั้งแต่ต้นเดือนมายังไม่เคยพูดคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ครั้งสุดท้ายมีการประชุมร่วมเรื่องการเตรียมการดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับผู้เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีและประเทศคู่เจรจาที่ภูเก็ต ในช่วงต้นเดือนไม่มีเรื่องพรรค์อย่างนี้
ส่วนที่นายกษิตออกมาแสดงความไม่พอใจที่มีทหารออกมาพูดขอให้ลาออกนั้น นายสุเทพ ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่าท่านพูดเองหรือมีคนไปถาม อย่างนี้ต้องขอความ กรุณาสื่อเป็นพิเศษว่า ต้องแยกว่าบางครั้งสื่อถามแต่ไปเขียนว่าตนเป็นคนไปพูด ไม่ได้อย่างนี้คนอื่นเสียหาย
** ระบุ”กษิต”เป็นมากกว่าเพื่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาพูดหลายเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้บงการ การที่แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาพูดอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้บงการ นายสุเทพ กล่าวว่า น่าเวทนา ผมใช้คำนี้เลยว่า คนที่คิดอย่างนี้น่าเวทนา ที่เขาใช้จิตนาการในทางที่ผิด จะเป็นใครก็แล้วแต่ คือเขาไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงคือ ผมกับนายกษิต รู้จักกันมาก่อนที่เขาจะรู้จักกัน ผมไม่ได้ฟังที่นายกษิต ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สงสัยว่า ผมเป็นผู้ปองร้ายนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ และนายกรัฐมนตรี แต่ผมยืนยันได้ว่า ในชีวิตนี้ นายกษิต ไม่มีวันสงสัยผมแน่นอน ยืนยันได้ เพราะรู้จักกันเป็นอย่างดี ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่าถือได้ว่าเป็นเพื่อนแท้ได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อาจจะเป็นได้มากกว่าเพื่อน เมื่อถามว่า การปล่อยข่าวถือเป็นการพยายามก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพันธมิตรฯกับขั้วสีเขียวและรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าตนมันเข้าทุกเรื่องอยู่แล้ว เข้าใจดี ให้ลองไตร่ตรองดูว่า หากไม่มีชื่อนายกษิตอยู่ในชื่อของ ผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหา พวกเสื้อแดง และฝ่ายต่างๆ ก็ต้องตำหนิว่าตนช่วยนายกษิต พอมีชื่อ นายกษิต อีกฝ่ายก็มองว่า นายสุเทพเล่นงานนายกษิต ตนเข้าใจอยู่แล้วไม่ว่าออกซ้าย หรือขวา แต่ตั้งใจแน่วแน่ว่าสามารถตอบคำถามสังคมได้ ถ้านายกษิตผิดก็ต้องรับโทษ
** ติงตร.ตั้งข้อหาก่อการร้ายแรงเกินไป
”ผมเห็นตั้งแต่ต้นแล้วว่า การตั้งข้อหาการก่อการร้าย มันรุนแรงเกินเหตุ เพราะเรารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลายอย่างมันไม่ใช่การก่อการร้าย ถ้าผิดในกฎหมายอื่นก็ว่าไปสิ ไม่ได้หมายความว่า ถ้าไม่ผิดก่อการร้าย ไม่ผิดเลยก็ไม่ใช่ ต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้คดี” นายสุเทพ มองถึงการตั้งข้อหาการก่อการร้าย”
ต่อข้อถามว่าเมื่อรู้จักกันดี คิดว่านายกษิต มีพฤติกรรมการก่อการร้าย ตามที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาหรือไม่ นายสุเทพ หัวเราะ ก่อนจะตอบว่า ไม่เป็น แต่ว่า ถ้าคนที่ใช้ปากเป็นอาวุธ ท่านอาจจะเข้าข่าย ตั้งแต่มีเรื่องไม่ได้เจอกัน เพราะท่านไปต่างประเทศ ตนกับนายกษิต รู้จักกันมาเป็นอย่างดี ได้ช่วยกันทำงานหลายเรื่องมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่รัฐบาลมีปัญหากับพันธมิตรฯ จะทำให้รัฐบาลมีชะตากรรมเหมือนรัฐบาลยุคพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องที่รัฐบาลนี้จะทำงานแล้วถูกใครเล่นงานหรือไม่ไม่สำคัญ อยู่ที่ประชาชนเห็นข้อเท็จจริงทั้งหมดคิดอย่างไร ในระบอบประชาธิปไตยต้องเชื่อในเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ รัฐบาลนี้ไม่ได้ทุจริต คอรัปชั่น ใช้อำนาจบาตรใหญ่ อุ้มฆ่าใคร บริหารบ้านเมืองตามหลักนิติธรรม ไม่ต้องกลัวใคร ถูกใจใครไม่ถูกใจใครช่วยไม่ได้ เราทำเอาประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้งก็โอเค
**ยันไม่เคยร่วมงานกับพันธมิตรฯ
ส่วนจะบอกถึงเพื่อนที่เคยร่วมงานด้วยอย่างไร โดยเฉพาะนายคำนูญ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา หนึ่งในพันธมิตรฯ นายสุเทพ กล่าวปฏิเสธว่า ผมไม่เคยร่วมงานกับพันธมิตรฯ ต้องให้ชัดเจน ไม่เคยส่งเสริม สนับสนุน ขัดแย้งกับพันธมิตรฯ โดยส่วนตัว เมื่อมาถึงวันนี้ถ้าใครรู้สึกว่า ตนเข้ามาทำงานในหน้าที่แล้ว ทำให้พันธมิตรฯไม่สบายใจ ขอเรียนว่า ไม่ใช่ความตั้งใจของตนเอง ขอให้มองให้ละเอียดว่าตนทำตามหน้าที่ ส่วนที่ด่าตนเองบ่อยๆถือเป็นธรรมดา
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่นายคำนูญมองว่า พรรคประชาธิปัตย์จะโหนกระแสสังคมและสุดท้ายจะเขี่ยนายกษิต ทิ้งจากรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เคยได้ยินว่า นายคำนูญพูดเช่นนั้น แต่ถ้านายคำนูญพูดเช่นนั้นจริงๆ ก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่นายคำนูญ ซึ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียงพูดจาก็เป็นเรื่องราวมาตลอด มาวันนี้พูดในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเป็นราวมาเสียแล้ว
** “ประวิต”ยัน”กษิต”ไม่ติดใจทหาร
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ปฏิเสธกรณีมีกระแสข่าวระบุว่า กองทัพกดดันรัฐบาลให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่ง โดยยืนยันว่า กองทัพไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับนายกษิต และนายกษิตก็ไม่ได้ติดใจอะไร
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่นายอภิสิทธิ์ เห็นว่า นายกษิต ควรทำงานต่อไปเพื่อเป็นการไม่ทำลายทรัพยากรบุคคล เพราะที่ผ่านมา ผลงานของนายกษิตก็ถือว่าใช้ได้ ส่วนหากนายกษิตยังทำงานอยู่จะเป็นสายล่อฟ้า สำหรับรัฐบาลนั้นตนเห็นว่ามันเป็นแบบนีมานานแล้ว แต่การเป็นสายล่อฟ้าเส้นเดียว ก็ดีกว่าเป็นสายล่อฟ้าที่กระจายทั่วไปหมายถึงรับอยู่สายเดียวดีกว่าโดนทุกคน
**ส.ส.ปชป.เชียร์”กษิต”อยู่แทงศัตรูต่อ
นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในฐานะส.ส.ยังคง ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนให้นายกษิต ให้ดำรงตำแหน่งต่อไป เพราะนายกษิต เปรียบเหมือนหอกโมกข์ศักดิ์ทิ่มแทงศัตรูของประเทศได้ โดยเฉพาะระบอบทักษิณ ที่สร้างความแตกแยกให้กับบ้านเมือง
นอกจากนี้ประชาชนทั่วประเทศคงรู้ดีว่ามาตรฐานของตำรวจไทยเป็นอย่างไร ดังลำพังเพียงข้อกล่าวหาเช่นนี้จึงไม่เป็นบรรทัดฐานที่จะให้นายกษิตลาออกได้ เป็นเพียง ความต้องการของลูกสมุนทรราชย์เท่านั้น อย่างไรก็ตามขณะนี้มีคนในระบอบทักษิณ พยายามอ้างประชาชนเพื่อล่าชื่อถวายฎีกา ถือเป็นเรื่องมิบังควร ดังนั้นตนจึงทำป้าย รณรงค์ติดในพื้นที่ฝั่งธนบุรี 10 จุดเพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่า ใครคือต้นเหตุทำให้ บ้านเมืองต้องแตกแยก