ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติจำนน! สั่งแบงก์พาณิชย์ไม่ได้ ข้องใจดอกเบี้ยเงินกู้ปัจจุบันไม่สอดคล้องดอกเบี้ยนโยบาย ฮึดจวกแบงก์นำประเด็นส่วนต่างดอกเบี้ยแคบมาเป็นข้ออ้างในไม่ลดดอกเบี้ยทั้งๆ เป็นเรื่องที่มองไม่เห็น พร้อมโยนกลับกรณีแบงก์ทวงถามมาตรฐาน MLR แนะแบงก์คุยกันเอง ขณะเดียวกันสนับสนุนใช้ดอกเบี้ย BIBOR ในการกู้ยืมระหว่างสถาบันการเงินกันเอง
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่นำมาอ้างอิงกันในตลาดควรมีการปรับให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ถือเป็นการสร้างความโปร่งใสและชัดเจนให้แก่ผู้บริโภค โดยหากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระบบติดลบมากๆ ก็จะไม่สะท้อนอัตราดอกเบี้ยแท้จริง ซึ่งไม่เช่นนี้จะเป็นอุปสรรคต่อกลไกการส่งผ่านนโยบายการเงินด้วย
“อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารพาณิชย์ให้แก่ลูกค้ามันไม่ได้ไปด้วยกันกับนโยบายการเงินในขณะนี้ ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญ ทำให้เห็นว่าไม่มีการส่งผ่านดอกเบี้ยนโยบายไปยังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ จึงควรให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทำให้สาธารณะชนเห็นได้ชัดเจน โดยเห็นว่ามีการปรับเปลี่ยนตามดอกเบี้ยนโยบายไม่ใช่นำเรื่องส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างเงินฝากและเงินกู้ (Spread) ที่เรามองไม่เห็น จึงเป็นเรื่องที่ธนาคารพาณิชย์ต้องทำให้ชัดเจนกว่าในปัจจุบัน” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธปท.กล่าว
สำหรับแนวคิดปรับอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR)ให้มีมาตรฐานขั้นต่ำ และธนาคารพาณิชย์สามารถบวกเพิ่มได้ตามความเสี่ยงผู้กู้นั้น กลุ่มสถาบันการเงินต้องมีการหารือร่วมกันเองว่าควรใช้อัตราดอกเบี้ย MLR อย่างไร เพราะการปล่อยกู้เป็นธุรกิจหลักของธนาคารพาณิชย์ อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะต้องไปในทิศทางเดียวกันและสามารถช่วยให้การแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม จึงควรมีการปรับให้เป็นมาตรฐานมากกว่าในปัจจุบัน
ขณะที่การกู้ยืมเงินกันเองของกลุ่มสถาบันการเงิน ธปท.พร้อมที่จะสนับสนุนให้สมาคมธนาคารไทยที่กำลังศึกษาวิธีการนำอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ(BIBOR) หันมาใช้กู้ยืมระหว่างสถาบันการเงินมากขึ้นในปัจจุบัน จากเดิมใช้อัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมระหว่างธนาคาร (Interbank rates) เพื่อให้เกิดความนิยมมากขึ้น
ส่วนกรณีที่มีคนเสนอให้ใช้อัตราดอกเบี้ยในรูปแบบของเงินกู้ระยะยาวอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสกุลบาท (Thai Baht Fixed - THBFIX) มาใช้กู้ยืมเงินระหว่างสถาบันการเงินนั้นไม่เป็นผลดีนัก เพราะอัตราดอกเบี้ย Thai Baht Fixed เชื่อมโยงกับอัตราแลกเปลี่ยน โดยหากเกิดปัญหาขาดสภาพคล่องดอลลาร์สหรัฐเหมือนในอดีต อัตราดอกเบี้ยตัวนี้จะถูกบิดเบือนไป จึงไม่สามารถนำมาใช้ได้ทุกสถานการณ์ ถือเป็นการสร้างปัญหามากในการนำมาใช้ ดังนั้น การพิจารณาจะนำอัตราดอกเบี้ยใดมาใช้ควรทำแบบตรงไปตรงมาและสามารถเข้าได้ทุกสถานการณ์
วันนี้ (15 ก.ค.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการประชุมฯ นายธนาคารส่วนใหญ่คาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% เนื่องจากการลดดอกเบี้ยในขณะนี้จะไม่มีผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้นโยบายทางการคลังโดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาครัฐน่าจะดีกว่า นอกจากนี้ แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อและเงินฝืดยังไม่มี ส่วนปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ไม่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจ.
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่นำมาอ้างอิงกันในตลาดควรมีการปรับให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ถือเป็นการสร้างความโปร่งใสและชัดเจนให้แก่ผู้บริโภค โดยหากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระบบติดลบมากๆ ก็จะไม่สะท้อนอัตราดอกเบี้ยแท้จริง ซึ่งไม่เช่นนี้จะเป็นอุปสรรคต่อกลไกการส่งผ่านนโยบายการเงินด้วย
“อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารพาณิชย์ให้แก่ลูกค้ามันไม่ได้ไปด้วยกันกับนโยบายการเงินในขณะนี้ ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญ ทำให้เห็นว่าไม่มีการส่งผ่านดอกเบี้ยนโยบายไปยังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ จึงควรให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทำให้สาธารณะชนเห็นได้ชัดเจน โดยเห็นว่ามีการปรับเปลี่ยนตามดอกเบี้ยนโยบายไม่ใช่นำเรื่องส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างเงินฝากและเงินกู้ (Spread) ที่เรามองไม่เห็น จึงเป็นเรื่องที่ธนาคารพาณิชย์ต้องทำให้ชัดเจนกว่าในปัจจุบัน” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธปท.กล่าว
สำหรับแนวคิดปรับอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR)ให้มีมาตรฐานขั้นต่ำ และธนาคารพาณิชย์สามารถบวกเพิ่มได้ตามความเสี่ยงผู้กู้นั้น กลุ่มสถาบันการเงินต้องมีการหารือร่วมกันเองว่าควรใช้อัตราดอกเบี้ย MLR อย่างไร เพราะการปล่อยกู้เป็นธุรกิจหลักของธนาคารพาณิชย์ อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะต้องไปในทิศทางเดียวกันและสามารถช่วยให้การแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม จึงควรมีการปรับให้เป็นมาตรฐานมากกว่าในปัจจุบัน
ขณะที่การกู้ยืมเงินกันเองของกลุ่มสถาบันการเงิน ธปท.พร้อมที่จะสนับสนุนให้สมาคมธนาคารไทยที่กำลังศึกษาวิธีการนำอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ(BIBOR) หันมาใช้กู้ยืมระหว่างสถาบันการเงินมากขึ้นในปัจจุบัน จากเดิมใช้อัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมระหว่างธนาคาร (Interbank rates) เพื่อให้เกิดความนิยมมากขึ้น
ส่วนกรณีที่มีคนเสนอให้ใช้อัตราดอกเบี้ยในรูปแบบของเงินกู้ระยะยาวอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสกุลบาท (Thai Baht Fixed - THBFIX) มาใช้กู้ยืมเงินระหว่างสถาบันการเงินนั้นไม่เป็นผลดีนัก เพราะอัตราดอกเบี้ย Thai Baht Fixed เชื่อมโยงกับอัตราแลกเปลี่ยน โดยหากเกิดปัญหาขาดสภาพคล่องดอลลาร์สหรัฐเหมือนในอดีต อัตราดอกเบี้ยตัวนี้จะถูกบิดเบือนไป จึงไม่สามารถนำมาใช้ได้ทุกสถานการณ์ ถือเป็นการสร้างปัญหามากในการนำมาใช้ ดังนั้น การพิจารณาจะนำอัตราดอกเบี้ยใดมาใช้ควรทำแบบตรงไปตรงมาและสามารถเข้าได้ทุกสถานการณ์
วันนี้ (15 ก.ค.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการประชุมฯ นายธนาคารส่วนใหญ่คาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% เนื่องจากการลดดอกเบี้ยในขณะนี้จะไม่มีผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้นโยบายทางการคลังโดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาครัฐน่าจะดีกว่า นอกจากนี้ แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อและเงินฝืดยังไม่มี ส่วนปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ไม่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจ.
