จะถือเป็นเหตุบังเอิญ หรือว่า เทวดาดลใจ ก็อาจเป็นได้ เมื่อพบรถต้องสงสัย ที่อาจเป็นพาหนะที่คนร้ายใช้ยิงถล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ เมื่อนักข่าวสาวเอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน แวะเข้าไปยังกองบังคับการตำรวจจราจร หรือบก.02 ถนนวิภาวดีรังสิต โดยไม่ทราบว่า มีอะไรเกิดขึ้นที่นั่น เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงของนักข่าวสาวเอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน แวะเข้าไปยังบก.02 นั้นเพื่อติดต่อ และนัดวันขอสัมภาษณ์ผู้บังคับการตำรวจจราจรในเรื่องอื่น
ระหว่างที่เข้าไปยังบก.02 นั้น ได้เห็นเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) หลายคน กำลังใช้น้ำยาเคมี ปัดถูรอบตัวรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี กันอย่างขมักเขม้น กอปรกับมีทหารจากหน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี (พลร่มป่าหวาย) เดินทางมายังบก.02 กว่า 10 นาย และเข้าดูการทำงานของตำรวจพฐ. จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า รถคันดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคดีอะไร จนในที่สุด ได้ข้อกระจ่างว่า น่าจะเป็นรถต้องสงสัยที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการยิงถล่มนายสนธิ และเมื่อข่าวถูกแพร่สะพัดออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำรถยกมาทำการยกรถปิกอัพคันดังกล่าวไปไว้ยังสถานที่อื่นในทันที!
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผบช.สนว.ตร. ยอมรับว่า ได้รับการประสานฝ่ายสืบสวนนครบาลให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเก็บหลักฐานในรถยนต์ต้องสงสัยไม่ทราบเกี่ยวข้องคดีไหน เจ้าหน้าที่ได้เก็บพยานหลักฐาน และวัตถุพยานเพื่อนำมาตรวจพิสูจน์ส่วนรายละเอียดต้องสอบถามพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีนี้เท่านั้น
อันสถานที่ตั้งของบก.จร.นั้น อยู่ติดกับกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 (บช.ภ.1) ถนนวิภาวดีรังสิต หากไม่มีข่าวใหญ่อะไร ก็จะไม่เป็นสถานที่ ที่กลุ่มผู้สื่อข่าว แวะเวียนเข้าไปบ่อยนัก นอกจากจะยากต่อการเดินทางแล้ว สายงานข่าวของบช.ภ.1 ที่ครอบคุมพื้นที่จังหวัดภาคกลางนั้น ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของผู้สื่อข่าวในกทม.โดยตรง การที่ผู้สื่อข่าวไปพบรถกระบะโตโยต้า วีโก คันนี้ จึงสามารถอนุมานได้ว่า ฤาเทวดาจะเข้าดลใจให้พบพาน!!
ขณะเดียวกัน ตำรวจได้เดินทางไปขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา 2 ราย ที่มีพยานหลักฐานเชื่อว่า เป็นมือปืนที่ยิงถล่มนายสนธิ! โดย พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีสอบสังหารนายสนธิ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย คือ ส.ต.ท.วีระวุฒิ มุ่งสันติ เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าว บช.ปส.กทม. ช่วยราชการ ดีเอสไอ และนายทหาร ยศจ่าสิบเอก สังกัดหน่วยสงครามพิเศษลพบุรี โดยจะออกหมายจับเพิ่มพลเรือนผู้กว้างขวางในพื้นที่ จ.สระบุรี ชื่อ"ปาทาน"เพิ่มเป็นรายต่อไป
การออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหาดังกล่าวนั้น ชุดสืบสวน มีพยานชี้ตัวยืนยัน โดยก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ทางชุดสืบสวนของ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้เข้าพบ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. และยืนยันว่ามีประจักษ์พยานเห็นผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เป็นผู้ลงมือยิงนายสนธิ และอยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุ จึงทำให้มีการออกหมายจับกุมตัวดังกล่าว ซึ่งเมื่อเมื่อย้อนกลับไปดูแนวทางการสืบสวนจะพบว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ มีพยานระบุว่า เห็นคนร้ายที่ซุ่มอยู่หลังกระบะท้ายรถก็ลุกขึ้นมา โดยคนร้ายคนหนึ่งยืนขึ้นประทับปืน ขณะที่อีกคนหนึ่งลุกขึ้นนั่งประทับปืนเล็งเข้าใส่รถนายสนธิ แล้วลั่นไกถล่ม ซึ่งจำได้ว่า 2 คนร้ายใส่เสื้อขาว สวมกางเกงลายพราง โดยคนหนึ่งตัดผมรองทรงสูง
ขณะเดียวกัน แนวทางการสืบสวน กลับปรากฏว่า มีผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่จ.ลพบุรี ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งจะสอดคล้องกับรถกระบะวีโก้ สีดำ ทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี หรือไม่ ยังคงต้องให้เวลาชุดคลี่คลายคดีอีกระยะหนึ่ง ซึ่งแนวทางการสืบสวนดังกล่าวพบข้อมูลว่า มีนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางใน จ.ลพบุรี มีสายสัมพันธ์กับทหารหน่วยรบพิเศษหลายหน่วย ซึ่งทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีการเรียกทหารหน่วยรบพิเศษจาก จ.ลพบุรี 3 นาย และปราจีนบุรี 2 นายเข้ามาในพื้นที่ มารับงานอย่างใดอย่างหนึ่ง
ต่อมา มีหลักฐานปรากฏชัดว่า พ.ต.ท.พรชัย ไข่สนอง รอง ผกก.กสส.(งานสืบสวน) จ.ลพบุรี ได้นำส่งอาวุธปืนอาก้าที่ตรวจยึดมาได้ในพื้นที่ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี มายังกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ในทันทีที่สามารถตรวจยึดอาววุธปืนอาก้ากระบอกนั้นได้ ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ธานี ที่สั่งการไปยังตำรวจทั่วประเทศในขณะนั้น ในขณะที่พื้นที่จังหวัดอื่น ก็มีการส่งอาวุธปืนสงครามเข้ามาตรวจสอบเช่นกัน แต่เมื่อตำรวจ จ.ลพบุรี จับกุมและส่งอาวุธปืนมาตรวจสอบ กลับกลายเป็นประเด็นที่ได้รับการเชื่อถือ
ในหมายจับ 2 ผู้ต้องหาที่ถูกระบุว่าเป็นมือปืนนั้น เป็นทหารชั้นประทวน 1 นาย เป็นตำรวจสังกัดบช.ปส. 1 นาย โดยตำรวจคนที่ถูกออกหมายจับนั้น ทราบต่อมาชื่อ "ส.ต.ท.วีรวุฒิ มุ่งสันติ" สังกัดศูนย์การข่าวบช.ปส. ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ โดยผู้ที่เคยร่วมทำราชการลับกับ ส.ต.ท.วีรวุฒิ ให้ข้อมูลกับเราว่า ส.ต.ท.วีรวุฒิ ถือเป็นบุคคลลึกลับในกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีความใกล้ชิดระดับมือขวาให้กับ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ โดยเป็นผู้ที่มีความชำนาญเกี่ยวกับเรื่องโทรศัพท์ เนื่องจากอดีตเคยทำงานในบริษัทโทรคมนาคมมาก่อน แต่ถูกไล่ออก ก่อนจะเข้ามาเป็นตำรวจบช.ปส.และถูกดึงตัวมาช่วยราชการที่ดีเอสไอเพื่อช่วยงานสืบราชการลับ ทั้งบนดินและใต้ดิน
ส.ต.ท.วีรวุฒิ ยังถือเป็นบุคคลที่ถูกใช้งานในเรื่องการตามหาพยานที่มีปัญหา และเคยไปก่อเหตุยิงข่มขู่บ้านพยานในคดีฆ่านายเจริญ วัดอักษร จนพยานได้มีการร้องเรียนเกิดขึ้น ทั้งนี้ รูปพรรณสันฐานโดยทั่วไปของ ส.ต.ท.วีรวุฒินั้น สูงประมาณ 165-170 ซม.ไว้ผมรองทรงหนา หน้าตาค่อนข้างดี และชอบใส่แว่นดำพลางสายตาอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งอยู่ภายในสำนักงานดีเอสไอก็ตาม ข้อมูลสำคัญชี้ว่า ช่วงหลังเกิดเหตุคดียิงนายสนธิ นั้นพบว่า ส.ต.ท.วีรวุฒิ ได้หายตัวไป และก็ไม่เคยมีใครเห็นมาปรากฎตัวที่ดีเอสไออีกเลย
ส่วนนายทหารที่ร่วมมือกับ ส.ต.ท.วีรวุฒินั้น ถูกระบุว่า มียศ"จ.ส.อ." ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายทหารที่จะนำตัวทหารนอกแถวผู้นี้ออกมา เพื่อไม่ให้กองทัพต้องแปดเปื้อน !
จากนี้ไป เหลือระยะเวลาอีกแค่ 77 วัน หรือราว 2 เดือนเศษ ที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีนี้ จะเกษียณอายุราชการลง เหลือเวลาอีกราว 90 วัน ที่"บิ๊กล้าน" พล.ต.อ.ธานี จะคลี่คลายและปิดคดีนี้ได้อย่างสมบูรณ์ตามที่เคยได้ลั่นวาจาไว้ ทั้งรถกระบะวีโก้ หมายจับ 2 ผู้ต้องหา จึงเป็นเพียงบันไดก้าวแรกสู่การเปิดคดีนี้เท่านั้น ยังคงมี"ผู้บงการ"เบื้องหลัง ที่จะรอพิสูจน์ว่า เวลาอีกราว 90 วัน พล.ต.อ.ธานี จะสามารถถอนรากถอนโคน"ตอ"ที่เคยสะดุดไว้ได้หรือไม่ หรือว่า ต้องรอให้เทวดาดลบรรดาลอีกครั้ง!
ระหว่างที่เข้าไปยังบก.02 นั้น ได้เห็นเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) หลายคน กำลังใช้น้ำยาเคมี ปัดถูรอบตัวรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี กันอย่างขมักเขม้น กอปรกับมีทหารจากหน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี (พลร่มป่าหวาย) เดินทางมายังบก.02 กว่า 10 นาย และเข้าดูการทำงานของตำรวจพฐ. จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า รถคันดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคดีอะไร จนในที่สุด ได้ข้อกระจ่างว่า น่าจะเป็นรถต้องสงสัยที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการยิงถล่มนายสนธิ และเมื่อข่าวถูกแพร่สะพัดออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำรถยกมาทำการยกรถปิกอัพคันดังกล่าวไปไว้ยังสถานที่อื่นในทันที!
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผบช.สนว.ตร. ยอมรับว่า ได้รับการประสานฝ่ายสืบสวนนครบาลให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเก็บหลักฐานในรถยนต์ต้องสงสัยไม่ทราบเกี่ยวข้องคดีไหน เจ้าหน้าที่ได้เก็บพยานหลักฐาน และวัตถุพยานเพื่อนำมาตรวจพิสูจน์ส่วนรายละเอียดต้องสอบถามพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีนี้เท่านั้น
อันสถานที่ตั้งของบก.จร.นั้น อยู่ติดกับกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 (บช.ภ.1) ถนนวิภาวดีรังสิต หากไม่มีข่าวใหญ่อะไร ก็จะไม่เป็นสถานที่ ที่กลุ่มผู้สื่อข่าว แวะเวียนเข้าไปบ่อยนัก นอกจากจะยากต่อการเดินทางแล้ว สายงานข่าวของบช.ภ.1 ที่ครอบคุมพื้นที่จังหวัดภาคกลางนั้น ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของผู้สื่อข่าวในกทม.โดยตรง การที่ผู้สื่อข่าวไปพบรถกระบะโตโยต้า วีโก คันนี้ จึงสามารถอนุมานได้ว่า ฤาเทวดาจะเข้าดลใจให้พบพาน!!
ขณะเดียวกัน ตำรวจได้เดินทางไปขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา 2 ราย ที่มีพยานหลักฐานเชื่อว่า เป็นมือปืนที่ยิงถล่มนายสนธิ! โดย พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีสอบสังหารนายสนธิ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย คือ ส.ต.ท.วีระวุฒิ มุ่งสันติ เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าว บช.ปส.กทม. ช่วยราชการ ดีเอสไอ และนายทหาร ยศจ่าสิบเอก สังกัดหน่วยสงครามพิเศษลพบุรี โดยจะออกหมายจับเพิ่มพลเรือนผู้กว้างขวางในพื้นที่ จ.สระบุรี ชื่อ"ปาทาน"เพิ่มเป็นรายต่อไป
การออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหาดังกล่าวนั้น ชุดสืบสวน มีพยานชี้ตัวยืนยัน โดยก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ทางชุดสืบสวนของ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้เข้าพบ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. และยืนยันว่ามีประจักษ์พยานเห็นผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เป็นผู้ลงมือยิงนายสนธิ และอยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุ จึงทำให้มีการออกหมายจับกุมตัวดังกล่าว ซึ่งเมื่อเมื่อย้อนกลับไปดูแนวทางการสืบสวนจะพบว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ มีพยานระบุว่า เห็นคนร้ายที่ซุ่มอยู่หลังกระบะท้ายรถก็ลุกขึ้นมา โดยคนร้ายคนหนึ่งยืนขึ้นประทับปืน ขณะที่อีกคนหนึ่งลุกขึ้นนั่งประทับปืนเล็งเข้าใส่รถนายสนธิ แล้วลั่นไกถล่ม ซึ่งจำได้ว่า 2 คนร้ายใส่เสื้อขาว สวมกางเกงลายพราง โดยคนหนึ่งตัดผมรองทรงสูง
ขณะเดียวกัน แนวทางการสืบสวน กลับปรากฏว่า มีผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่จ.ลพบุรี ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งจะสอดคล้องกับรถกระบะวีโก้ สีดำ ทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี หรือไม่ ยังคงต้องให้เวลาชุดคลี่คลายคดีอีกระยะหนึ่ง ซึ่งแนวทางการสืบสวนดังกล่าวพบข้อมูลว่า มีนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางใน จ.ลพบุรี มีสายสัมพันธ์กับทหารหน่วยรบพิเศษหลายหน่วย ซึ่งทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีการเรียกทหารหน่วยรบพิเศษจาก จ.ลพบุรี 3 นาย และปราจีนบุรี 2 นายเข้ามาในพื้นที่ มารับงานอย่างใดอย่างหนึ่ง
ต่อมา มีหลักฐานปรากฏชัดว่า พ.ต.ท.พรชัย ไข่สนอง รอง ผกก.กสส.(งานสืบสวน) จ.ลพบุรี ได้นำส่งอาวุธปืนอาก้าที่ตรวจยึดมาได้ในพื้นที่ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี มายังกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ในทันทีที่สามารถตรวจยึดอาววุธปืนอาก้ากระบอกนั้นได้ ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ธานี ที่สั่งการไปยังตำรวจทั่วประเทศในขณะนั้น ในขณะที่พื้นที่จังหวัดอื่น ก็มีการส่งอาวุธปืนสงครามเข้ามาตรวจสอบเช่นกัน แต่เมื่อตำรวจ จ.ลพบุรี จับกุมและส่งอาวุธปืนมาตรวจสอบ กลับกลายเป็นประเด็นที่ได้รับการเชื่อถือ
ในหมายจับ 2 ผู้ต้องหาที่ถูกระบุว่าเป็นมือปืนนั้น เป็นทหารชั้นประทวน 1 นาย เป็นตำรวจสังกัดบช.ปส. 1 นาย โดยตำรวจคนที่ถูกออกหมายจับนั้น ทราบต่อมาชื่อ "ส.ต.ท.วีรวุฒิ มุ่งสันติ" สังกัดศูนย์การข่าวบช.ปส. ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ โดยผู้ที่เคยร่วมทำราชการลับกับ ส.ต.ท.วีรวุฒิ ให้ข้อมูลกับเราว่า ส.ต.ท.วีรวุฒิ ถือเป็นบุคคลลึกลับในกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีความใกล้ชิดระดับมือขวาให้กับ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ โดยเป็นผู้ที่มีความชำนาญเกี่ยวกับเรื่องโทรศัพท์ เนื่องจากอดีตเคยทำงานในบริษัทโทรคมนาคมมาก่อน แต่ถูกไล่ออก ก่อนจะเข้ามาเป็นตำรวจบช.ปส.และถูกดึงตัวมาช่วยราชการที่ดีเอสไอเพื่อช่วยงานสืบราชการลับ ทั้งบนดินและใต้ดิน
ส.ต.ท.วีรวุฒิ ยังถือเป็นบุคคลที่ถูกใช้งานในเรื่องการตามหาพยานที่มีปัญหา และเคยไปก่อเหตุยิงข่มขู่บ้านพยานในคดีฆ่านายเจริญ วัดอักษร จนพยานได้มีการร้องเรียนเกิดขึ้น ทั้งนี้ รูปพรรณสันฐานโดยทั่วไปของ ส.ต.ท.วีรวุฒินั้น สูงประมาณ 165-170 ซม.ไว้ผมรองทรงหนา หน้าตาค่อนข้างดี และชอบใส่แว่นดำพลางสายตาอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งอยู่ภายในสำนักงานดีเอสไอก็ตาม ข้อมูลสำคัญชี้ว่า ช่วงหลังเกิดเหตุคดียิงนายสนธิ นั้นพบว่า ส.ต.ท.วีรวุฒิ ได้หายตัวไป และก็ไม่เคยมีใครเห็นมาปรากฎตัวที่ดีเอสไออีกเลย
ส่วนนายทหารที่ร่วมมือกับ ส.ต.ท.วีรวุฒินั้น ถูกระบุว่า มียศ"จ.ส.อ." ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายทหารที่จะนำตัวทหารนอกแถวผู้นี้ออกมา เพื่อไม่ให้กองทัพต้องแปดเปื้อน !
จากนี้ไป เหลือระยะเวลาอีกแค่ 77 วัน หรือราว 2 เดือนเศษ ที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีนี้ จะเกษียณอายุราชการลง เหลือเวลาอีกราว 90 วัน ที่"บิ๊กล้าน" พล.ต.อ.ธานี จะคลี่คลายและปิดคดีนี้ได้อย่างสมบูรณ์ตามที่เคยได้ลั่นวาจาไว้ ทั้งรถกระบะวีโก้ หมายจับ 2 ผู้ต้องหา จึงเป็นเพียงบันไดก้าวแรกสู่การเปิดคดีนี้เท่านั้น ยังคงมี"ผู้บงการ"เบื้องหลัง ที่จะรอพิสูจน์ว่า เวลาอีกราว 90 วัน พล.ต.อ.ธานี จะสามารถถอนรากถอนโคน"ตอ"ที่เคยสะดุดไว้ได้หรือไม่ หรือว่า ต้องรอให้เทวดาดลบรรดาลอีกครั้ง!