ASTVผู้จัดการรายวัน-ครม.ไฟเขียวพาณิชย์ยกเว้นการปฏิบัติตามมติครม. เดิมที่กำหนดให้ตรวจสอบคุณภาพข้าวโพดให้เสร็จก่อนเปิดประมูล ส่งผลให้สามารถเปิดขายข้าวโพดในสต๊อกรัฐบาล 1 ล้านตันได้ทันที พร้อมแต่งตั้ง “กอร์ปศักดิ์” ตรวจสอบสาเหตุทำไมข้าวโพดที่เก็บถึงเสียหายยับเยิน พร้อมอนุมัติประกันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2552/53 กิโลละ 7.10 บาท และเร่งรัดการขึ้นทะเบียนเกษตรกร
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (14 ก.ค.) ได้เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ยกเว้นการดำเนินการตามมติครม. เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. เรื่องการจำหน่ายสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในโครงการของรัฐต้องได้รับการตรวจสอบจากผู้ตรวจสอบ (เซอร์เวเยอร์) ก่อนเท่านั้น และยังได้มอบหมายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.)รายงานให้ครม.ทราบโดยด่วนถึงสาเหตุที่ไม่สามารถจัดหาเซอร์เวเยอร์มาตรวจสอบคุณภาพข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามมติครม.ได้
ทั้งนี้ การที่ครม.มีมติดังกล่าว ทำให้กระทรวงพาณิชย์สามารถเปิดระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในสต๊อกรัฐบาลที่มีอยู่จำนวน 1 ล้านตันได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้มีการตรวจสอบคุณภาพจากเซอร์เวเยอร์ตามมติครม.เดิม โดยเหตุผลที่กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ประกอบการเสนอให้ครม. พิจารณานั้น ระบุว่า ขณะนี้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เริ่มเสื่อมสภาพ มีปัญหาเน่าเสีย
หากรอให้มีการตรวจสอบคุณภาพครบทั้ง 291 โกดัง จะทำให้ระบายไม่ทันตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดคือภายในเดือนก.ค. และข้าวโพดฤดูกาลใหม่กำลังจะออกมา หากไม่เร่งระบาย ก็จะมีปัญหาทำให้ราคาตกต่ำได้
ขณะเดียวกัน ครม. ยังได้มีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบความเสียหายของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่อยู่ในสต๊อกของรัฐบาล โดยมีตนเองเป็นประธาน เพื่อหาข้อมูลที่ชัดเจนของสาเหตุที่ข้าวโพดเกิดความเสียหายนั้นมาจากสาเหตุใด เพราะตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าโกดังได้ระบุความรับผิดชอบของเจ้าของโกดังไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องดำเนินการอย่างไร
นายกอร์ปศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการประกันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในปีการผลิต 2552/53 ครม. ได้ให้ความเห็นชอบให้กำหนดราคาที่กก. ละ 7.10 บาท โดยใช้เกณฑ์ต้นทุนการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% เฉลี่ยทั้งประเทศเท่ากับก.ก.ละ 5.43 บาท รวมค่าขนส่งให้แก่เกษตรกรจากไร่นาไปยังผู้รับซื้อเฉลี่ยกก.ละ 0.25 บาท และให้ค่าตอบแทนแก่เกษตรกร 25%โดยให้เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้ เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ครม. ยังได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปเร่งรัดการลงทะเบียนเกษตรกร เพื่อรับสิทธิ์ดังกล่าวให้ชัดเจน รวมถึงกรณีที่เกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองที่ดิน รวมถึงที่ไม่มีสัญญาเช่าที่ดินให้ชัดเจน โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะให้สิทธิ์ตามที่เกษตรกรที่เคยได้รับเหมือนก่อนแต่ต้องกำหนดเงื่อนไขห้ามไม่ให้เกษตรกรบุกรุกพื้นที่เพื่อปลูกข้าวโพดเพิ่มมากขึ้นไปอีก คาดว่าจะมีเกษตรกรมาลงทะเบียนทั้งสิ้น 290,000 ราย หรือคิดเป็นพื้นที่คนละ 20 ไร่
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (14 ก.ค.) ได้เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ยกเว้นการดำเนินการตามมติครม. เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. เรื่องการจำหน่ายสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในโครงการของรัฐต้องได้รับการตรวจสอบจากผู้ตรวจสอบ (เซอร์เวเยอร์) ก่อนเท่านั้น และยังได้มอบหมายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.)รายงานให้ครม.ทราบโดยด่วนถึงสาเหตุที่ไม่สามารถจัดหาเซอร์เวเยอร์มาตรวจสอบคุณภาพข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามมติครม.ได้
ทั้งนี้ การที่ครม.มีมติดังกล่าว ทำให้กระทรวงพาณิชย์สามารถเปิดระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในสต๊อกรัฐบาลที่มีอยู่จำนวน 1 ล้านตันได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้มีการตรวจสอบคุณภาพจากเซอร์เวเยอร์ตามมติครม.เดิม โดยเหตุผลที่กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ประกอบการเสนอให้ครม. พิจารณานั้น ระบุว่า ขณะนี้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เริ่มเสื่อมสภาพ มีปัญหาเน่าเสีย
หากรอให้มีการตรวจสอบคุณภาพครบทั้ง 291 โกดัง จะทำให้ระบายไม่ทันตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดคือภายในเดือนก.ค. และข้าวโพดฤดูกาลใหม่กำลังจะออกมา หากไม่เร่งระบาย ก็จะมีปัญหาทำให้ราคาตกต่ำได้
ขณะเดียวกัน ครม. ยังได้มีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบความเสียหายของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่อยู่ในสต๊อกของรัฐบาล โดยมีตนเองเป็นประธาน เพื่อหาข้อมูลที่ชัดเจนของสาเหตุที่ข้าวโพดเกิดความเสียหายนั้นมาจากสาเหตุใด เพราะตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าโกดังได้ระบุความรับผิดชอบของเจ้าของโกดังไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องดำเนินการอย่างไร
นายกอร์ปศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการประกันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในปีการผลิต 2552/53 ครม. ได้ให้ความเห็นชอบให้กำหนดราคาที่กก. ละ 7.10 บาท โดยใช้เกณฑ์ต้นทุนการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% เฉลี่ยทั้งประเทศเท่ากับก.ก.ละ 5.43 บาท รวมค่าขนส่งให้แก่เกษตรกรจากไร่นาไปยังผู้รับซื้อเฉลี่ยกก.ละ 0.25 บาท และให้ค่าตอบแทนแก่เกษตรกร 25%โดยให้เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้ เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ครม. ยังได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปเร่งรัดการลงทะเบียนเกษตรกร เพื่อรับสิทธิ์ดังกล่าวให้ชัดเจน รวมถึงกรณีที่เกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองที่ดิน รวมถึงที่ไม่มีสัญญาเช่าที่ดินให้ชัดเจน โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะให้สิทธิ์ตามที่เกษตรกรที่เคยได้รับเหมือนก่อนแต่ต้องกำหนดเงื่อนไขห้ามไม่ให้เกษตรกรบุกรุกพื้นที่เพื่อปลูกข้าวโพดเพิ่มมากขึ้นไปอีก คาดว่าจะมีเกษตรกรมาลงทะเบียนทั้งสิ้น 290,000 ราย หรือคิดเป็นพื้นที่คนละ 20 ไร่
