นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันพรุ่งนี้(14 ก.ค.) จะขอมติระบายข้าวโพดที่อยู่ในโกดังกลางรัฐบาลเกือบ 1 ล้านตัน จากมติเดิมให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) จัดหาบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าวโพด หรือเซอร์เวเยอร์ แต่ที่ผ่านมาไม่มีเอกชนสนใจ จึงจำเป็นต้องเร่งระบายข้าวโพด และขอให้มีการระบายแบบรายโกดัง โดยที่ผ่านมารัฐบาลยกเลิกประมูลข้าวโพดเกือบ 2 เดือน แต่คุณภาพข้าวโพดจะมีอายุเฉลี่ย 6-8 เดือน ในเรื่องดังกล่าวแม้จะไม่ได้เซอร์เวเยอร์ แต่ยืนยันว่า ในการดูแลคุณภาพข้าวโพดโกดังกลางต่างๆ จากการเปิดรับจำนำ จะมีเซอร์เวเยอร์ และโกดังเป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบอยู่แล้ว หากคุณภาพข้าวโพดเสื่อมก็จะต้องตรวจเช็กย้อนหลังว่า ก่อนหน้ารับจำนำข้าวโพดเซอร์เวเยอร์มีการรับจำนำอย่างไร หากเกิดความเสียหายผู้ที่จะต้องรับผิดชอบ คือโกดังกลาง ไม่ใช่รัฐบาล เพราะรัฐบาลเสียค่าเช่าโกดัง หาก ครม.เห็นชอบกระทรวงพาณิชย์จะเปิดประมูล ส่วนจะเป็นอัตราเท่าใด ยังไม่สามารถบอกได้ ซึ่งการระบายให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ ส่วนการเคาะราคาเป็นหน้าที่คณะรัฐมนตรี
สำหรับการดูแลสินค้าข้าวโดยเฉพาะการเปิดรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลใหม่ปี 2552/2553 จะเริ่มเดือนพฤศจิกายนนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ไปพิจารณาหลักเกณฑ์การรับจำนำ เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ โดยแนวคิดของตนยังต้องการใช้วิธีค้ำประกัน โดยให้มีการตั้งราคาค้ำประกันเอาต้นทุนเป็นที่ตั้งแล้ว บวกกำไรอีกร้อยละ 20-30 แต่นายกรัฐมนตรีต้องการให้เปิดรับจำนำ อย่างไรก็ตาม คงต้องพิจารณารายละเอียด ทั้งค้ำประกันและรับจำนำ คาดว่า ภายใน 2-3 สัปดาห์จะมีความชัดเจน
สำหรับการดูแลสินค้าข้าวโดยเฉพาะการเปิดรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลใหม่ปี 2552/2553 จะเริ่มเดือนพฤศจิกายนนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ไปพิจารณาหลักเกณฑ์การรับจำนำ เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ โดยแนวคิดของตนยังต้องการใช้วิธีค้ำประกัน โดยให้มีการตั้งราคาค้ำประกันเอาต้นทุนเป็นที่ตั้งแล้ว บวกกำไรอีกร้อยละ 20-30 แต่นายกรัฐมนตรีต้องการให้เปิดรับจำนำ อย่างไรก็ตาม คงต้องพิจารณารายละเอียด ทั้งค้ำประกันและรับจำนำ คาดว่า ภายใน 2-3 สัปดาห์จะมีความชัดเจน
