นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งว่า พรรคร่วมรัฐบาลคงต้องมานั่งวิเคราะห์กันว่า งานที่ยังมีปัญหากันนั้นเป็นเพราะอะไร มีการหารือในระหว่างกันเองในโครงการหลักๆ น้อยไปหรือไม่ โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เมื่อมีการนำเสนออย่างเป็นทางการ ก็มักจะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ การโต้แย้งคัดค้าน หากพรรคร่วมรัฐบาลสรุปปัญหาได้เช่นนี้ ต่อไปเวลามีโครงการอะไรเสนอก็จะได้หารือกันก่อนว่า โครงการนี้ประชาชนคิดอย่างไร และตนคิดว่ารัฐบาลนี้จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับสิ่งนี้มากเป็นพิเศษ เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ประชาชนไม่ไว้ใจนักการเมือง ขณะเดียวกัน จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนถึงปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากภายนอก เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ พร้อมๆ กับการให้ความหวังว่า ผ่านขั้นตอนจากนี้ไปกี่เดือน ที่งบประมาณซึ่งรัฐบาลเสนอจะเป็นผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า การประชาสัมพันธ์ยังน้อยไป ดังนั้นเชื่อว่า หากทำความเข้าใจได้ทั้งประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาล ก็ไม่น่าจะมีปัญหา และไม่น่าจะมีผลให้เกิดเหตุการณ์ขัดแย้งจนถึงขั้นต้องยุบสภากลางคัน
"6 เดือนในการทำงานระหว่างพรรคร่วมด้วยกันก็เห็นแล้วว่าอะไรเป็นปัญหา หรือไม่เป็นปัญหา และปัญหาความรู้สึกของประชาชนเกิดขึ้นจากอะไร และแม้จะยังคงมีปัญหามากมาย แต่ถ้าฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะรัฐบาล ยืนอยู่บนจุดเหล่านี้ให้แข็งแรง และเอาประสบการณ์ บทเรียนที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ประคับประคองทิศทางการเมืองให้เดินไปข้างหน้าได้ มีความชัดเจนมากขึ้น ประชาชนรู้สาเหตุ ประชาชนรู้อนาคต ผมคิดว่ารัฐบาลน่าจะพอเดินหน้าต่อไปได้" นายบัญญัติกล่าว
นายบัญญัติ ยอมรับว่าการทำงานในการพิจารณาโครงการต่างๆ ของพรรคร่วมรัฐบาลมีปัญหาพอสมควร แต่ถือเป็นบทเรียนที่ทำให้รู้สึกว่า การทำงานร่วมกันต่อไปนี้จะต้องมีความรัดกุมมากขึ้น และในการนำเสนอแนวคิดเรื่องต่างๆ ก็น่าที่จะหารือกันเพื่อประเมินกระแสสังคมว่า เห็นด้วยหรือไม่ ตรงไหนยังมีจุดอ่อนอยู่ และแก้ไขจุดอ่อนนั้น ซึ่งหากพรรคร่วมรัฐบาลย้อนกลับมาดูตามความเป็นจริงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ยับยั้งโครงการของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น เป็นเพราะกระแสสังคมเริ่มปฏิเสธต่อต้าน วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงก่อน ซึ่งถือเป็นภารกิจของรัฐบาลทั้งคณะที่ต้องทบทวน เพราะหากฝืนเดินไปข้างหน้า ก็เท่ากับปฏิเสธกระแสสังคม
นายบัญญัติ กล่าวว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวคงยังไม่หยุดกันง่าย ๆ แต่เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองก็ต้องระมัดระวังความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อความเคลื่อนไหว เพราะฉะนั้นถ้ารัฐบาลสร้างความเข้าใจในหมู่ประชาชน ทำให้มีความรู้สึกว่า การแสดงออกของประชาชนต่อการเคลื่อนไหวทางการเมือง และต่อกิจกรรมทางการเมืองจะมีผลเป็นอันมากในการประคับประคองสถานการณ์ทางการเมือง
เมื่อถามว่าม็อบเสื้อแดงที่นัดจะกลับมารวมตัวกันในช่วงวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่ายังไม่คิดว่าจะทำได้ขนาดนั้น แต่สิ่งสำคัญคือ ประชาชนต้องรู้เท่าทัน และช่วยกันแสดงออกว่า การเคลื่อนไหวบางอย่างเป็นการเคลื่อนไหวด้วยความสุจริตใจบนพื้นฐานของสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือมีวาระซ้อนเร้น ทำเพื่อใคร ซึ่งคิดว่าถ้าประชาชนเข้าใจสิ่งนี้ และกล้าแสดงออก จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นแน่นอน
"6 เดือนในการทำงานระหว่างพรรคร่วมด้วยกันก็เห็นแล้วว่าอะไรเป็นปัญหา หรือไม่เป็นปัญหา และปัญหาความรู้สึกของประชาชนเกิดขึ้นจากอะไร และแม้จะยังคงมีปัญหามากมาย แต่ถ้าฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะรัฐบาล ยืนอยู่บนจุดเหล่านี้ให้แข็งแรง และเอาประสบการณ์ บทเรียนที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ประคับประคองทิศทางการเมืองให้เดินไปข้างหน้าได้ มีความชัดเจนมากขึ้น ประชาชนรู้สาเหตุ ประชาชนรู้อนาคต ผมคิดว่ารัฐบาลน่าจะพอเดินหน้าต่อไปได้" นายบัญญัติกล่าว
นายบัญญัติ ยอมรับว่าการทำงานในการพิจารณาโครงการต่างๆ ของพรรคร่วมรัฐบาลมีปัญหาพอสมควร แต่ถือเป็นบทเรียนที่ทำให้รู้สึกว่า การทำงานร่วมกันต่อไปนี้จะต้องมีความรัดกุมมากขึ้น และในการนำเสนอแนวคิดเรื่องต่างๆ ก็น่าที่จะหารือกันเพื่อประเมินกระแสสังคมว่า เห็นด้วยหรือไม่ ตรงไหนยังมีจุดอ่อนอยู่ และแก้ไขจุดอ่อนนั้น ซึ่งหากพรรคร่วมรัฐบาลย้อนกลับมาดูตามความเป็นจริงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ยับยั้งโครงการของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น เป็นเพราะกระแสสังคมเริ่มปฏิเสธต่อต้าน วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงก่อน ซึ่งถือเป็นภารกิจของรัฐบาลทั้งคณะที่ต้องทบทวน เพราะหากฝืนเดินไปข้างหน้า ก็เท่ากับปฏิเสธกระแสสังคม
นายบัญญัติ กล่าวว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวคงยังไม่หยุดกันง่าย ๆ แต่เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองก็ต้องระมัดระวังความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อความเคลื่อนไหว เพราะฉะนั้นถ้ารัฐบาลสร้างความเข้าใจในหมู่ประชาชน ทำให้มีความรู้สึกว่า การแสดงออกของประชาชนต่อการเคลื่อนไหวทางการเมือง และต่อกิจกรรมทางการเมืองจะมีผลเป็นอันมากในการประคับประคองสถานการณ์ทางการเมือง
เมื่อถามว่าม็อบเสื้อแดงที่นัดจะกลับมารวมตัวกันในช่วงวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่ายังไม่คิดว่าจะทำได้ขนาดนั้น แต่สิ่งสำคัญคือ ประชาชนต้องรู้เท่าทัน และช่วยกันแสดงออกว่า การเคลื่อนไหวบางอย่างเป็นการเคลื่อนไหวด้วยความสุจริตใจบนพื้นฐานของสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือมีวาระซ้อนเร้น ทำเพื่อใคร ซึ่งคิดว่าถ้าประชาชนเข้าใจสิ่งนี้ และกล้าแสดงออก จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นแน่นอน