เพื่อให้เป็นหลักประกันว่า ชาวพันธมิตรฯ จะสามารถต่อสู้เอาชนะปัญหาอุปสรรคต่างๆ ทั้งที่มาจาก “เขา” และ “เรา” ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจ “ล้างการเมืองเก่า-สร้างการเมืองใหม่” ได้อย่างแท้จริง การปรับแนวคิด วิธีคิด และกระบวนทัศน์ให้ถูกต้อง เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐาน ไม่ทำไม่ได้โดยเด็ดขาด (จัดอยู่ในหมวด “ท่วงทำนอง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “ปัญญาแกนพันธมิตรฯ”)
ทั้งนี้ การปรับกระบวนทัศน์ พัฒนาวิธีคิดและแนวคิดให้ถูกต้อง สอดคล้องกับความเป็นจริงเสมอ จักต้องทำความเข้าใจในความหมายของ “เขา” “เรา” และอะไรอื่นๆ อีกมากมายหลายอย่าง ซึ่งจะทำให้เราได้คำตอบในตอนท้ายว่า ทำไมเราจึงเดินมาถูกทาง ขณะที่กลุ่มการเมืองอื่นๆ เช่น กลุ่มเสื้อแดง จึงเดินผิดทาง ทั้งๆ ที่อ้างตนเองว่า รักประชาธิปไตย ต้องการสังคมใหม่ที่ดีกว่า
ในบริบทของสังคมไทยวันนี้ “เขา”หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ใช่ “เรา” ทั้งที่เป็นบุคคล กลุ่มบุคคล ระบบ กลไก โครงสร้าง ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม ฯลฯ ทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ ทั้งที่เป็นวัตถุและจิตใจ ทั้งที่ดีและไม่ดี
“เรา” ก็คือพวกเราชาวพันธมิตรฯ แบ่งออกได้เป็นสองด้าน คือดีกับไม่ดี ถูกต้องกับไม่ถูกต้อง
ในการปฏิบัติภารกิจทางประวัติศาสตร์ของพันธมิตรฯ ที่มุ่งเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพื่อพาประเทศชาติพ้นไปจากวิกฤต ปัญหาและอุปสรรคที่มาจาก “เขา” เป็นเป้าหมายที่เราจะต้องเข้าไปกระทำ ขจัดปัดเป่าให้หมดสิ้นไป เฉพาะหน้านี้ ที่สำคัญก็คืออำนาจการเมืองแบบเก่า ระบบอำนาจกำหนดเก่า ที่ครอบงำประเทศไทยมานานหลายสิบปี ซึ่งเป็น “ปัญหาปมเงื่อน” จำเป็นจะต้องแก้ไขให้ตกไปให้ได้เป็นอันดับแรก แล้วจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาอื่นๆ ให้ตกตามไปได้
การแก้ไขปัญหานี้จะสำเร็จได้ด้วยการใช้อำนาจของมวลมหาชนภายใต้การนำของพันธมิตรฯ ต่อสู้เอาชนะอำนาจการเมืองน้ำเน่าของกลุ่มทุนสามานย์
ส่วนปัญหาอุปสรรคที่มาจาก “เรา” ก็เป็นเป้าหมายที่เราจะต้องดำเนินการขจัดปัดเป่าให้หมดสิ้นไปเช่นเดียวกัน และดูเหมือนจะเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งกว่าการแก้ไขปัญหาที่มาจาก “เขา”ด้วยซ้ำไป เพราะถ้าเราเป็นปัญหาและอุปสรรคเสียเอง การที่จะไปแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่มาจาก “เขา”ก็ไม่มีทางเป็นไปได้
การแก้ไขปัญหานี้ กระทำกันภายในพันธมิตรฯ มุ่งยกระดับความคิด วิธีคิด ขจัดจุดอ่อนข้อบกพร่องต่างๆ ที่มีอยู่ให้หมดไป
การทำอะไรๆ ถูกต้องเสมอ แม้ผิดก็ผิดแต่น้อยและผิดในเรื่องไม่สำคัญ คือบทพิสูจน์ของความถูกต้องในแนวคิดและวิธีคิดของพันธมิตรฯ ภายใต้การนำของแกนนำชุดปัจจุบัน
การจุดเทียนปัญญา สร้างอำนาจปัญญาให้แก่ประชาชน การเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ โดยยึดหลักสันติอหิงสา เอาธรรมนำหน้า ให้มีความถูกต้องชอบธรรมในทุกขั้นตอน ได้รับการยอมรับและเข้าร่วมอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นธรรม จากทุกสารทิศ ทุกสถานะสังคม ทุกเพศวัย ทุกสาขาอาชีพ ทุกนิกายศาสนา ทุกลัทธิความเชื่อ ทั้งในและต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ การที่เราจะเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่มาจาก “เขา” จำเป็นที่เราจะต้องขจัดปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่จะมาจาก “เรา” ก่อนเสมอ
อีกนัยหนึ่ง การที่พันธมิตรฯ ซึ่งเป็นแกนนำของขบวนการการเมืองภาคประชาชน จะนำพาประชาชนชาวไทยแก้ไขปัญหาการเมืองน้ำเน่า ซึ่งเป็นปัญหาปมเงื่อนของประเทศไทยได้สำเร็จ และสร้างการเมืองใหม่ได้สำเร็จตามแนวคิดอุดมการณ์ จำเป็นจะต้องปรับปรุงและพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ยกระดับมาตรฐานทางความคิด จิตใจ ภูมิปัญญา และท่วงทำนองให้สูงขึ้นในทุกขั้นตอนของการต่อสู้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้เพียงพอที่จะรับมือกับปัญหาใหม่ๆ ที่ยุ่งยากและสลับซับซ้อน และประสบชัยชนะได้ในที่สุด
สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งแรกๆ และเป็นสิ่งต้นๆ ของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงภายในตัว “เรา” ก็คือ การปรับแนวคิด วิธีคิด ด้วยการถือเอาความเป็นจริงเป็นตัวตั้ง ไม่ยึดติดกับตำราหรือค่านิยมตายตัว ไม่ติดอยู่กับปรากฏการณ์เฉพาะส่วนหรือประสบการณ์เฉพาะด้าน เพื่อให้สามารถเข้าถึงความจริงในระดับแก่นแกน ที่เข้าใจได้ด้วยปัญญา อธิบายได้เชิงนามธรรม (ปรัชญา) ซึ่งเป็นสัจธรรม หรือกฎเกณฑ์ที่กำหนดกระบวนการความเป็นไปของประเทศเรา
เมื่อเราเข้าถึง “ความจริงนามธรรม” ที่ฝังลึกอยู่ใต้ปรากฏการณ์หรือ “ความจริงรูปธรรม” ที่เราสัมผัสรู้อยู่เป็นประจำนั้นได้ ก็จะนำไปสู่การยกระดับทางสำนึกรู้(ปัญญา) อย่างยิ่งใหญ่ในตัวเรา เกิดเป็นระบบคิดหรือ “กระบวนทัศน์” ใหม่ที่เป็นของเรา (พันธมิตรฯ) เอง ซึ่งจะค่อยๆ ถักทอต่อเชื่อมเป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบความคิดทฤษฎีที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของสังคมไทยมากที่สุด ในสังคมโลกยุคปัจจุบัน
วิธีการเช่นนี้ จะทำให้กระบวนการพัฒนาปัญญาของชาวพันธมิตรฯ ดำเนินไปได้อย่างไม่หยุดยั้ง แบบไร้ขีดจำกัด สามารถเข้าถึง “ปัญหาปมเงื่อน” ได้ในทุกขั้นตอน รู้ถึงตัวการหรือตัวกำหนดการดำรงอยู่ และการแสดงบทบาทของปัญหา ซึ่งจะทำให้เราเข้าถึง “เหตุ” ที่แท้จริงของปัญหา จากนี้ก็จะมองเห็นช่องทางแก้ไขปัญหา เกิดความคิดและวิธีการหรือ “ปัญญา”ที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหา
การที่พันธมิตรฯ “เดินมาถูกทาง” จนกระทั่งสามารถต่อสู้เอาชนะระบอบทักษิณได้เป็นขั้นๆ ก็เพราะเราเข้าถึงความจริง มองเห็น “ปัญหาปมเงื่อน”ของวิกฤตชาติ เกิดปัญญา เกิดความคิด เกิดวิธีการ เกิดทุกสิ่งทุกอย่างที่ส่งเสริมให้พันธมิตรฯ ทำอะไรๆก็สำเร็จ กระทั่งก้าวขึ้นสู่เวทีการเมือง เพื่อเดินหน้าล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่ เปลี่ยนแปลงการเมืองของประเทศไทยไปในทางที่ประชาชนเรียกร้องต้องการต่อไปจนถึงที่สุด
ตรงกันข้าม กลุ่มอำนาจการเมืองแบบเก่า น้ำเน่า หรือกลุ่มการเมืองที่ชูธงต่อต้านเผด็จการ เช่น กลุ่มคนเสื้อแดง ไม่ได้เริ่มจากจากความเป็นจริงของประเทศไทย เข้าไม่ถึง “ความจริง”มองไม่เห็น “ปัญหาปมเงื่อน”
คนพวกนี้ไม่อยู่ในฐานะที่มาเป็น “เจ้าภาพ” ทำการแก้ไขปัญหาของประเทศ ไม่ว่าพวกเขาจะกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นพวกรักประชาธิปไตย รักความก้าวหน้ามากน้อยเพียงใด และไม่ว่าพวกเขาจะยกเอาทฤษฎีอะไรขึ้นมาเป็นเครื่องอธิบาย เช่นว่า “ทุนสามานย์ดีกว่าศักดินาล้าหลัง” หรือ “โค่นล้มศักดินาก่อนแล้วจึงโค่นล้มทุนนิยม” เพื่อแสดงว่าตนเป็นผู้ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ตามลัทธิอุดมการณ์ที่ตนยึดมั่น
หากพวกเขารักชาติ รักประชาธิปไตยจริง ต้องการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติของประชาชนจริง มีอยู่ทางเดียวคือ พวกเขาจะต้องสละทิ้งแนวคิดและวิธีคิดแบบเดิมๆ หันมาใช้แนวคิดและวิธีคิดแบบพันธมิตรฯ แล้วทำการเคลื่อนไหวปฏิบัติเคียงคู่กับพันธมิตรฯ หรือกระทั่งเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ
เปลี่ยนจากความเป็น “เขา” มาเป็น “เรา” ช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
ทั้งนี้ การปรับกระบวนทัศน์ พัฒนาวิธีคิดและแนวคิดให้ถูกต้อง สอดคล้องกับความเป็นจริงเสมอ จักต้องทำความเข้าใจในความหมายของ “เขา” “เรา” และอะไรอื่นๆ อีกมากมายหลายอย่าง ซึ่งจะทำให้เราได้คำตอบในตอนท้ายว่า ทำไมเราจึงเดินมาถูกทาง ขณะที่กลุ่มการเมืองอื่นๆ เช่น กลุ่มเสื้อแดง จึงเดินผิดทาง ทั้งๆ ที่อ้างตนเองว่า รักประชาธิปไตย ต้องการสังคมใหม่ที่ดีกว่า
ในบริบทของสังคมไทยวันนี้ “เขา”หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ใช่ “เรา” ทั้งที่เป็นบุคคล กลุ่มบุคคล ระบบ กลไก โครงสร้าง ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม ฯลฯ ทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ ทั้งที่เป็นวัตถุและจิตใจ ทั้งที่ดีและไม่ดี
“เรา” ก็คือพวกเราชาวพันธมิตรฯ แบ่งออกได้เป็นสองด้าน คือดีกับไม่ดี ถูกต้องกับไม่ถูกต้อง
ในการปฏิบัติภารกิจทางประวัติศาสตร์ของพันธมิตรฯ ที่มุ่งเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพื่อพาประเทศชาติพ้นไปจากวิกฤต ปัญหาและอุปสรรคที่มาจาก “เขา” เป็นเป้าหมายที่เราจะต้องเข้าไปกระทำ ขจัดปัดเป่าให้หมดสิ้นไป เฉพาะหน้านี้ ที่สำคัญก็คืออำนาจการเมืองแบบเก่า ระบบอำนาจกำหนดเก่า ที่ครอบงำประเทศไทยมานานหลายสิบปี ซึ่งเป็น “ปัญหาปมเงื่อน” จำเป็นจะต้องแก้ไขให้ตกไปให้ได้เป็นอันดับแรก แล้วจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาอื่นๆ ให้ตกตามไปได้
การแก้ไขปัญหานี้จะสำเร็จได้ด้วยการใช้อำนาจของมวลมหาชนภายใต้การนำของพันธมิตรฯ ต่อสู้เอาชนะอำนาจการเมืองน้ำเน่าของกลุ่มทุนสามานย์
ส่วนปัญหาอุปสรรคที่มาจาก “เรา” ก็เป็นเป้าหมายที่เราจะต้องดำเนินการขจัดปัดเป่าให้หมดสิ้นไปเช่นเดียวกัน และดูเหมือนจะเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งกว่าการแก้ไขปัญหาที่มาจาก “เขา”ด้วยซ้ำไป เพราะถ้าเราเป็นปัญหาและอุปสรรคเสียเอง การที่จะไปแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่มาจาก “เขา”ก็ไม่มีทางเป็นไปได้
การแก้ไขปัญหานี้ กระทำกันภายในพันธมิตรฯ มุ่งยกระดับความคิด วิธีคิด ขจัดจุดอ่อนข้อบกพร่องต่างๆ ที่มีอยู่ให้หมดไป
การทำอะไรๆ ถูกต้องเสมอ แม้ผิดก็ผิดแต่น้อยและผิดในเรื่องไม่สำคัญ คือบทพิสูจน์ของความถูกต้องในแนวคิดและวิธีคิดของพันธมิตรฯ ภายใต้การนำของแกนนำชุดปัจจุบัน
การจุดเทียนปัญญา สร้างอำนาจปัญญาให้แก่ประชาชน การเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ โดยยึดหลักสันติอหิงสา เอาธรรมนำหน้า ให้มีความถูกต้องชอบธรรมในทุกขั้นตอน ได้รับการยอมรับและเข้าร่วมอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นธรรม จากทุกสารทิศ ทุกสถานะสังคม ทุกเพศวัย ทุกสาขาอาชีพ ทุกนิกายศาสนา ทุกลัทธิความเชื่อ ทั้งในและต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ การที่เราจะเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่มาจาก “เขา” จำเป็นที่เราจะต้องขจัดปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่จะมาจาก “เรา” ก่อนเสมอ
อีกนัยหนึ่ง การที่พันธมิตรฯ ซึ่งเป็นแกนนำของขบวนการการเมืองภาคประชาชน จะนำพาประชาชนชาวไทยแก้ไขปัญหาการเมืองน้ำเน่า ซึ่งเป็นปัญหาปมเงื่อนของประเทศไทยได้สำเร็จ และสร้างการเมืองใหม่ได้สำเร็จตามแนวคิดอุดมการณ์ จำเป็นจะต้องปรับปรุงและพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ยกระดับมาตรฐานทางความคิด จิตใจ ภูมิปัญญา และท่วงทำนองให้สูงขึ้นในทุกขั้นตอนของการต่อสู้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้เพียงพอที่จะรับมือกับปัญหาใหม่ๆ ที่ยุ่งยากและสลับซับซ้อน และประสบชัยชนะได้ในที่สุด
สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งแรกๆ และเป็นสิ่งต้นๆ ของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงภายในตัว “เรา” ก็คือ การปรับแนวคิด วิธีคิด ด้วยการถือเอาความเป็นจริงเป็นตัวตั้ง ไม่ยึดติดกับตำราหรือค่านิยมตายตัว ไม่ติดอยู่กับปรากฏการณ์เฉพาะส่วนหรือประสบการณ์เฉพาะด้าน เพื่อให้สามารถเข้าถึงความจริงในระดับแก่นแกน ที่เข้าใจได้ด้วยปัญญา อธิบายได้เชิงนามธรรม (ปรัชญา) ซึ่งเป็นสัจธรรม หรือกฎเกณฑ์ที่กำหนดกระบวนการความเป็นไปของประเทศเรา
เมื่อเราเข้าถึง “ความจริงนามธรรม” ที่ฝังลึกอยู่ใต้ปรากฏการณ์หรือ “ความจริงรูปธรรม” ที่เราสัมผัสรู้อยู่เป็นประจำนั้นได้ ก็จะนำไปสู่การยกระดับทางสำนึกรู้(ปัญญา) อย่างยิ่งใหญ่ในตัวเรา เกิดเป็นระบบคิดหรือ “กระบวนทัศน์” ใหม่ที่เป็นของเรา (พันธมิตรฯ) เอง ซึ่งจะค่อยๆ ถักทอต่อเชื่อมเป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบความคิดทฤษฎีที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของสังคมไทยมากที่สุด ในสังคมโลกยุคปัจจุบัน
วิธีการเช่นนี้ จะทำให้กระบวนการพัฒนาปัญญาของชาวพันธมิตรฯ ดำเนินไปได้อย่างไม่หยุดยั้ง แบบไร้ขีดจำกัด สามารถเข้าถึง “ปัญหาปมเงื่อน” ได้ในทุกขั้นตอน รู้ถึงตัวการหรือตัวกำหนดการดำรงอยู่ และการแสดงบทบาทของปัญหา ซึ่งจะทำให้เราเข้าถึง “เหตุ” ที่แท้จริงของปัญหา จากนี้ก็จะมองเห็นช่องทางแก้ไขปัญหา เกิดความคิดและวิธีการหรือ “ปัญญา”ที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหา
การที่พันธมิตรฯ “เดินมาถูกทาง” จนกระทั่งสามารถต่อสู้เอาชนะระบอบทักษิณได้เป็นขั้นๆ ก็เพราะเราเข้าถึงความจริง มองเห็น “ปัญหาปมเงื่อน”ของวิกฤตชาติ เกิดปัญญา เกิดความคิด เกิดวิธีการ เกิดทุกสิ่งทุกอย่างที่ส่งเสริมให้พันธมิตรฯ ทำอะไรๆก็สำเร็จ กระทั่งก้าวขึ้นสู่เวทีการเมือง เพื่อเดินหน้าล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่ เปลี่ยนแปลงการเมืองของประเทศไทยไปในทางที่ประชาชนเรียกร้องต้องการต่อไปจนถึงที่สุด
ตรงกันข้าม กลุ่มอำนาจการเมืองแบบเก่า น้ำเน่า หรือกลุ่มการเมืองที่ชูธงต่อต้านเผด็จการ เช่น กลุ่มคนเสื้อแดง ไม่ได้เริ่มจากจากความเป็นจริงของประเทศไทย เข้าไม่ถึง “ความจริง”มองไม่เห็น “ปัญหาปมเงื่อน”
คนพวกนี้ไม่อยู่ในฐานะที่มาเป็น “เจ้าภาพ” ทำการแก้ไขปัญหาของประเทศ ไม่ว่าพวกเขาจะกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นพวกรักประชาธิปไตย รักความก้าวหน้ามากน้อยเพียงใด และไม่ว่าพวกเขาจะยกเอาทฤษฎีอะไรขึ้นมาเป็นเครื่องอธิบาย เช่นว่า “ทุนสามานย์ดีกว่าศักดินาล้าหลัง” หรือ “โค่นล้มศักดินาก่อนแล้วจึงโค่นล้มทุนนิยม” เพื่อแสดงว่าตนเป็นผู้ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ตามลัทธิอุดมการณ์ที่ตนยึดมั่น
หากพวกเขารักชาติ รักประชาธิปไตยจริง ต้องการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติของประชาชนจริง มีอยู่ทางเดียวคือ พวกเขาจะต้องสละทิ้งแนวคิดและวิธีคิดแบบเดิมๆ หันมาใช้แนวคิดและวิธีคิดแบบพันธมิตรฯ แล้วทำการเคลื่อนไหวปฏิบัติเคียงคู่กับพันธมิตรฯ หรือกระทั่งเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ
เปลี่ยนจากความเป็น “เขา” มาเป็น “เรา” ช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศไทย