พิษณุโลก -พันธมิตรฯเหนือล่าง ค้านแก้รัฐธรรมนูญ ย้ำไร้ประโยชน์ต่อบ้านเมือง ชี้นักการเมืองมองแต่ตัวเองก่อนประเทศชาติ ขณะที่แนวคิดการตั้งพรรคพันธมิตรฯ ยังมีทั้งเห็นด้วยและคัดค้าน ระบุ “พรรคพันธมิตรฯ” ต้องออกแบบให้เป็นได้ทั้งฝ่ายบริหาร – ตรวจสอบ “เจ๊ศรี” แกนนำพันธมิตรฯพิจิตร หวั่นเกิดปัญหาทุน ชี้วันนี้ความดีของพันธมิตรฯ ยังเอาชนะทุนสามานย์ไม่ได้ จี้รัฐเร่งให้ความรู้ประชาชนระดับล่าง
นายสาคร สงมา เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชน(เอ็นจีโอ) ให้ความเห็นต่อการแก้รัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาแก้ ถ้าแก้เวลานี้ ก็เป็นการทำเพราะผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มนักการเมือง ถือว่า เอื้อประโยชน์ให้แก่นักการเมืองที่ทำผิด ยกความผิดให้นักการเมือง ราวกับว่า นักการเมืองทำผิดแล้ว สามารถทำให้ตัวเองพ้นผิดได้เท่านั้น
กรณีถ้าการนิรโทษกรรม ภาพรวมก็ถือว่า พอเป็นประโยชน์ แต่ก็ต้องมองให้ลึกอีกครั้งว่า บุคคลใดเป็นคนแก้รัฐธรรมนูญ เพราะเท่าที่เห็น ฝ่ายการเมืองแก้กฎหมายเอง เชื่อว่าปัญหาไม่จบ แนวทางที่ถูกต้องคือ จะต้องดึงเอาบุคคลหลายๆส่วนเข้ามามีส่วนรวมให้มากกว่านี้
ด้านนางชนกวรรณ บุญรักษา (เจ๊ศรี)พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญไม่ควรแก้ไข เพราะถ้าไม่แก้ไขที่นักการเมือง ที่ทำตัวเหมือนศรีธนชัยไม่มีประโยชน์
“วันนี้นักการเมืองไทยยังไม่มีมาตรฐานเหมือนอารยประเทศ”
นางอดิศรา เตียวตระกูล (เจ๊น้อย) พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญไม่มีประโยชน์ ต้องแก้ที่นักการเมืองมากกว่า นักการเมืองต้องปรับตัวเข้าหารัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
นายสมเกียรติ โสภณพงศ์พิพัฒน์ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการแก้เพื่อประโยชน์ของนักการเมืองเอง โดยเฉพาะมาตรา 237 และ 265 ควรให้โอกาสรัฐธรรมนูญปี 50 ใช้ไปก่อนสักช่วงหนึ่ง
หนุน พธม.ตั้งพรรคแต่ต้องเชื่อมภาค ปชช.
นายสาคร บอกว่า ส่วนประเด็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ควรมีพรรคการเมืองหรือไม่ น่าจะถึงเวลาตั้งพรรคการเมืองแล้ว แต่การเมืองภาคประชาชนก็ยังต้องมีอยู่ คำถามก็คือ พรรคพันธมิตรฯ จะทำอย่างไร ที่จะเชื่อมต่อระหว่างพรรคการเมืองกับการเมืองภาคประชาชน ซึ่งพรรคการเมืองที่เป็นพรรคพันธมิตรฯต้องออกแบบมาก็คือ เป็นได้ทั้งฝ่ายบริหาร และฝ่ายตรวจสอบ
“การเมืองภาคประชาชนเวลานี้เข้มแข็งมาก ซึ่งไม่ใช่มองแค่การประท้วงเท่านั้น การเมืองประชาชนที่แท้จริงคือ ข้อมูลความเดือดร้อนที่ในพื้นที่หรือชุมชน ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ ผ่านเวทีระดมความคิด วิเคราะห์และมีบทสรุป นำเสนอต่อภาคการเมือง หากแก้ไม่ได้ นั่นคือ กระบวนการประท้วง แต่ ณ วันนี้ มีกลุ่มผลประโยชน์นำการเมืองภาคประชาชนไปใช้เลอะเทอะ”
เช่นเดียวกัน เจ๊น้อย อีกหนึ่งในพันธมิตรฯพิษณุโลก ที่ให้ความเห็นว่า การตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯนั้น คิดว่า ถึงเวลาแล้วที่พันธมิตรตั้งพรรคการเมือง เพราะวันนี้ ไม่มีอำนาจไปต่อรองพรรคการเมือง จำเป็นต้องมีพรรคเพื่อมีอำนาจไปตรวจสอบ ไปตรวจสอบการทำงานของรัฐให้ถูกต้องและโปร่งใส ทำอย่างไรให้ประเทศไทยไม่มีคอร์รัปชัน แต่วันนี้ ยังต้องหาคนดีมีคุณภาพก่อนที่จะตั้งพรรคการเมือง
ขณะที่นายสมเกียรติ ที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มแกนหลักพันธมิตรฯพิจิตร มองว่า ไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะตั้งพรรคการเมือง วิธีคิดของการเมืองน้ำเน่ายังมีอยู่มาก ต่อให้พรรคพันธมิตรฯ ได้ ส.ส. สัก 40-50 คน ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะจะต้องไปจับมือกับการเมืองน้ำเน่าเดิมๆ พันธมิตรฯควรเป็น ภาคประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ที่คอยตรวจสอบอำนาจรัฐอย่างเข้มแข็งต่อไป
ด้าน เจ๊ศรี อีกหนึ่งแกนนำ พันธมิตรฯพิจิตร มองว่า ชั่วโมงนี้ พันธมิตรฯไม่มีทุน ตราบใดที่ประชาชนรากหญ้าไม่มีความรู้ ก็ยากที่พันธมิตรฯเอาเงินไปทุ่ม แม้พันธมิตรฯจะมีทุนความดีสัก 10 ปี แต่ก็ไม่อาจสู้กับคนมีเงินเพียง 1 ปีหรือ 1 เดือน ที่จะเอาชนะคะแนนเสียงของคนรากหญ้าได้
ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลหรือพันธมิตรฯจะต้องนำความรู้ไปสู่ประชาชนรากหญ้ามากกว่านี้ และประชาชนในชนบทก็แทบเรียกได้ว่า ไม่มีสื่อ หนังสือพิมพ์แทบไม่ได้อ่าน ก็เหลือเพียงสื่อทีวีที่เข้าถึงประชาชนได้ง่าย
พธม.16 จังหวัดใต้ ยันยังไม่ควรตั้งพรรค
ขณะที่พันธมิตรฯ 16 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งได้มีการประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ โดยมีประกาศพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 16 จังหวัดภาคใต้ ออกมา 4 ข้อ ดังนี้
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 16 จังหวัดภาคใต้ ได้ประชุมเพื่อหาแนวทางร่วมสร้างการเมืองใหม่ จนได้ข้อสรุปมีมติ ดังนี้
1.ในเวลานี้ยังไม่มีความเหมาะสมที่พันธมิตรฯ จะตั้งพรรคการเมือง และพันธมิตรฯ 16 จังหวัดภาคใต้ ยังคงยืนยันที่จะทำงานการเมืองภาคประชาชนต่อไป แต่จะสนับสนุนพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ และดำเนินการตามข้อเรียกร้อง 13 ข้อของพันธมิตรฯ
2.คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการนิรโทษกรรมทางการเมือง
3.สนับสนุนกิจกรรมการสัมมนา เพื่อหาแนวทางการสร้างการเมืองใหม่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2552 ณ เมืองทองธานี โดยส่งตัวแทนเข้าร่วมการสัมมนาจังหวัดละ 10 คน
4.สนับสนุนและระดมมวลชนอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม 193 วันรำลึก 1 ปี การต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 ณ สนามศุภชลาศัย