นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการตั้งโต๊ะล่าชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเรื่องการเมืองอย่าไปดึงสถาบันหลักของชาติมาเกี่ยวข้อง และอยากทำความเข้าใจว่าการพระราชทานอภัยโทษโดยหลักต้องทำโดยเจ้าตัวหร้อญาติพี่น้องที่สำนึกผิด ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้เป็นประเด็นการเมืองหรือใช้จำนวนคน เพราะเป็นเรื่องพระราชวินิจฉัย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ายิ่งระบุถึงที่มาของรัฐบาลว่ามิชอบ และต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจยิ่งเป็นเรื่องการเมืองจึงไม่เหมาะที่จะดึงสถาบันมาเกี่ยวข้อง รัฐบาลจะให้ทุกหน่วยงานทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อไม่ให้ตกเป็นเยื่อของคนที่พยายามทำให้เกิดความสับสน
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า เนื้อหาในหนังสือถวายฎีกาที่กลุ่มคนเสื้อแดงใช้ล่ารายชื่อประชาชนเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นผิดนั้น เจตนาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและก้าวล่วงระคายเคืองเบื้องพระยุคละบาทอย่างชัดเจน เช่นที่ระบุว่า การยึดอำนาจทางการเมืองเมื่อวันที่ 19 ก.ย. นั่นเป็นการทำลายระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้กลายเป็นระบอบเผด็จการทหารที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถือเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพดึงฟ้าลงต่ำ และหลอกว่าพระเจ้าอยู่หัวไปในที เพราะถ้าจะโจมตีการรัฐประหารก็ต้องพุ่งเป้าไปที่ คมช.
นอกจากนี้ในหนังสือฏีกา ข้อ 2 ยังกล่าวหาศาลและกระบวนการยุติธรรมว่า เลือกปฏิบัติหรือ 2 มาตรฐาน ซึ่งหมายถึงการทำหน้าที่ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองกรณีที่ดินรัชดา ซึ่งกรณีเป็นการหมิ่นศาลอย่างชัดแจ้ง
ที่สำคัญในหนังสือฏีกา ข้อ 4 ที่ระบุว่า ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม มีสายพระเนตรยาวไกล คงจะไม่ปล่อยปละละเลยพสกนิกรให้จมอยู่กับความระทมทุกข์เป็นเวลายาวนานเกินไป ถือว่ามีเจตนาก้าวล่วง กดดันพระเจ้าอยู่หัว เสมือนบีบบังคบให้ต้องมีพระบรมราชวินิจฉัยอภัยโทษ ถ้าไม่วินิจฉัยบ้านเมืองก็จะไม่มีทางสงบสุขไม่สมานฉันท์
นายสุริยะใส กล่าวว่าถ้าอ่านอย่างละเดียดของหนังสือฎีกาทั้งฉบับ แล้วผู้ดำเนินการไม่หวังผลจากพระบรมราชวินิจฉัยอย่างที่พยายามแสดงออก แต่ลึกๆ เนื้อหาระหว่างบรรทัดหรือเจตนาทั้งหมดเป็นเพียงใบปลิวหลอกโจมตีสถาบันพระมหากษัติรย์และสถาบันศาลมากกว่า
เป็นการลงทุนยิงนกครั้งเดียวได้ 2 ตัว เพราะแกนนำ นปช.ทราบดีว่า ฎีกาไปก็ไม่มีผล ซ้ำร้ายยังป่าวประกาศหลอกชาวบ้านให้สำเนาบัตรประชาชนมา เพื่อใช้ในการนี้โดยไม่ให้เขียนระบุในสำเนาว่าใช้ในกรณีฏีกา เพราะต้องการเอาชื่อชาวบ้านมาเป็นสมาชิกแฟนคลับรายการความจริงวันนี้เท่านั้นเอง
ขณะเดียวกัน นายสมชาย แสวงการ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.สรรหา น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ร่วมกันแถลงข่าวคัดค้านกลุ่มคนเสื้อแดงที่กำลังล่ารายชื่อเพื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกาช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้พ้นผิด เพราะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคยาท การล่าชื่อเป็นเรื่องของการโฆษณาชวนเชื่อ เพราะจากที่ดูแบบฟอร์มเป็นการสื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าเมื่อร่วมลงชื่อแล้วจะเป็นการสมานฉันฑ์ ประเทศจะกลับมาปกติสุข และการอภัยโทษ ผู้ที่ได้รับโทษสามารถขออภัยโทษเองได้ แม้แต่ทนายความ และประชาชนทำให้ไม่ได้
ในฐานะที่ผมเป็นสื่อ อยากเรียกร้องให้สื่อวินิจฉัยและพิจารณาในการเสนอข่าว ระวังจะเข้าทางที่เขาวางแผนไว้ ดังนั้นผมจึงอยากเสนอให้สมาคมนักข่าวได้แสดงท่าทีในการพิจารณาในการออกข่าวด้วย นายสมชาย กล่าว
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ อดีต คตส.และนายขวัญสรวง อติโพธิ อดีต ส.ว. ร่วมกันแถลงข่าวคัดค้านการล่าชื่อถวายฎีกาเช่นกัน โดยระบุว่าตนทั้งสองได้ใช้เงินที่ได้รับบริจาคสมทบทุนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่ผ่านมา ซื้อโฆษณาตามหนังสือพิมพ์ต่างๆ เพื่อสื่อไปยังประชาชนซึ่งเป็นพสกนิกรทั่วประเทศว่า ขณะนี้มีขบวนการอย่างไร ในการล่าชื่อ 1 ล้านคนเพื่อถวายฎีกาดังกล่าว และชี้ให้เห็นว่าการกระทำดังกล่าว เป็นวิธีทางการตลาดการเมือง ที่ต้องลการล่าชื่อบีบสถาบันฯ โดยใช้ความจงรักภักดีเป็นค่าใช้จ่าย ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่า จะทำอย่างไรก็ไม่เกิดผล เพราะเป็นการเรียกร้องที่ขัดรัฐธรรมนูญ
นายแก้วสรร กล่าวว่าขอให้ติดตามดูต่อไปว่าจะมีรายการโฆษณาชวนเชื่อตัวเลขยอดประชาชนที่ร่วมลงชื่อเป็นระยะๆ ต่อไปจะมีภาพบางคนคลานเข้าไปถวายบังคมหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ด้วยน้ำตานองหน้า จึงขอถามไปยังพรรคเพื่อไทยว่า เมื่อชนะการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สกลนคร และศรีสะเกษแล้ว หากต้องการหาหัวหน้าพรรคที่เป็นทางเลือกดีกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ตนสนับสนุนเต็มที่ แต่ไม่ควรมาใช้วิธีถวายฎีกา เพราะรู้คำตอบอยู่แล้วว่า ถ้าทรงพระกรุณาให้ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าล่าสุด นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา บิดา และนายเนวิน ชิดชอบ พี่ชายนายศักดิ์สยาม ได้โทรศัพท์มาเคลียร์กับ นายอภิสิทธิ์ เรียบร้อยแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ายิ่งระบุถึงที่มาของรัฐบาลว่ามิชอบ และต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจยิ่งเป็นเรื่องการเมืองจึงไม่เหมาะที่จะดึงสถาบันมาเกี่ยวข้อง รัฐบาลจะให้ทุกหน่วยงานทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อไม่ให้ตกเป็นเยื่อของคนที่พยายามทำให้เกิดความสับสน
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า เนื้อหาในหนังสือถวายฎีกาที่กลุ่มคนเสื้อแดงใช้ล่ารายชื่อประชาชนเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นผิดนั้น เจตนาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและก้าวล่วงระคายเคืองเบื้องพระยุคละบาทอย่างชัดเจน เช่นที่ระบุว่า การยึดอำนาจทางการเมืองเมื่อวันที่ 19 ก.ย. นั่นเป็นการทำลายระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้กลายเป็นระบอบเผด็จการทหารที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถือเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพดึงฟ้าลงต่ำ และหลอกว่าพระเจ้าอยู่หัวไปในที เพราะถ้าจะโจมตีการรัฐประหารก็ต้องพุ่งเป้าไปที่ คมช.
นอกจากนี้ในหนังสือฏีกา ข้อ 2 ยังกล่าวหาศาลและกระบวนการยุติธรรมว่า เลือกปฏิบัติหรือ 2 มาตรฐาน ซึ่งหมายถึงการทำหน้าที่ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองกรณีที่ดินรัชดา ซึ่งกรณีเป็นการหมิ่นศาลอย่างชัดแจ้ง
ที่สำคัญในหนังสือฏีกา ข้อ 4 ที่ระบุว่า ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม มีสายพระเนตรยาวไกล คงจะไม่ปล่อยปละละเลยพสกนิกรให้จมอยู่กับความระทมทุกข์เป็นเวลายาวนานเกินไป ถือว่ามีเจตนาก้าวล่วง กดดันพระเจ้าอยู่หัว เสมือนบีบบังคบให้ต้องมีพระบรมราชวินิจฉัยอภัยโทษ ถ้าไม่วินิจฉัยบ้านเมืองก็จะไม่มีทางสงบสุขไม่สมานฉันท์
นายสุริยะใส กล่าวว่าถ้าอ่านอย่างละเดียดของหนังสือฎีกาทั้งฉบับ แล้วผู้ดำเนินการไม่หวังผลจากพระบรมราชวินิจฉัยอย่างที่พยายามแสดงออก แต่ลึกๆ เนื้อหาระหว่างบรรทัดหรือเจตนาทั้งหมดเป็นเพียงใบปลิวหลอกโจมตีสถาบันพระมหากษัติรย์และสถาบันศาลมากกว่า
เป็นการลงทุนยิงนกครั้งเดียวได้ 2 ตัว เพราะแกนนำ นปช.ทราบดีว่า ฎีกาไปก็ไม่มีผล ซ้ำร้ายยังป่าวประกาศหลอกชาวบ้านให้สำเนาบัตรประชาชนมา เพื่อใช้ในการนี้โดยไม่ให้เขียนระบุในสำเนาว่าใช้ในกรณีฏีกา เพราะต้องการเอาชื่อชาวบ้านมาเป็นสมาชิกแฟนคลับรายการความจริงวันนี้เท่านั้นเอง
ขณะเดียวกัน นายสมชาย แสวงการ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.สรรหา น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ร่วมกันแถลงข่าวคัดค้านกลุ่มคนเสื้อแดงที่กำลังล่ารายชื่อเพื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกาช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้พ้นผิด เพราะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคยาท การล่าชื่อเป็นเรื่องของการโฆษณาชวนเชื่อ เพราะจากที่ดูแบบฟอร์มเป็นการสื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าเมื่อร่วมลงชื่อแล้วจะเป็นการสมานฉันฑ์ ประเทศจะกลับมาปกติสุข และการอภัยโทษ ผู้ที่ได้รับโทษสามารถขออภัยโทษเองได้ แม้แต่ทนายความ และประชาชนทำให้ไม่ได้
ในฐานะที่ผมเป็นสื่อ อยากเรียกร้องให้สื่อวินิจฉัยและพิจารณาในการเสนอข่าว ระวังจะเข้าทางที่เขาวางแผนไว้ ดังนั้นผมจึงอยากเสนอให้สมาคมนักข่าวได้แสดงท่าทีในการพิจารณาในการออกข่าวด้วย นายสมชาย กล่าว
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ อดีต คตส.และนายขวัญสรวง อติโพธิ อดีต ส.ว. ร่วมกันแถลงข่าวคัดค้านการล่าชื่อถวายฎีกาเช่นกัน โดยระบุว่าตนทั้งสองได้ใช้เงินที่ได้รับบริจาคสมทบทุนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่ผ่านมา ซื้อโฆษณาตามหนังสือพิมพ์ต่างๆ เพื่อสื่อไปยังประชาชนซึ่งเป็นพสกนิกรทั่วประเทศว่า ขณะนี้มีขบวนการอย่างไร ในการล่าชื่อ 1 ล้านคนเพื่อถวายฎีกาดังกล่าว และชี้ให้เห็นว่าการกระทำดังกล่าว เป็นวิธีทางการตลาดการเมือง ที่ต้องลการล่าชื่อบีบสถาบันฯ โดยใช้ความจงรักภักดีเป็นค่าใช้จ่าย ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่า จะทำอย่างไรก็ไม่เกิดผล เพราะเป็นการเรียกร้องที่ขัดรัฐธรรมนูญ
นายแก้วสรร กล่าวว่าขอให้ติดตามดูต่อไปว่าจะมีรายการโฆษณาชวนเชื่อตัวเลขยอดประชาชนที่ร่วมลงชื่อเป็นระยะๆ ต่อไปจะมีภาพบางคนคลานเข้าไปถวายบังคมหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ด้วยน้ำตานองหน้า จึงขอถามไปยังพรรคเพื่อไทยว่า เมื่อชนะการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สกลนคร และศรีสะเกษแล้ว หากต้องการหาหัวหน้าพรรคที่เป็นทางเลือกดีกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ตนสนับสนุนเต็มที่ แต่ไม่ควรมาใช้วิธีถวายฎีกา เพราะรู้คำตอบอยู่แล้วว่า ถ้าทรงพระกรุณาให้ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าล่าสุด นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา บิดา และนายเนวิน ชิดชอบ พี่ชายนายศักดิ์สยาม ได้โทรศัพท์มาเคลียร์กับ นายอภิสิทธิ์ เรียบร้อยแล้ว