นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการรับประทานอาหารกลางวันกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่บ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ไม่มีนัยยะทางการเมือง เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพราะมีหลายประเด็น ที่มีการวิจารณ์พาดพิงกันก็ไปปรับความเข้าใจกัน ยืนยันไม่มีการเคลียร์ใจ แต่เป็นการอธิบายให้ทราบว่า แต่ละเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการนั้นมีแนวทางอย่างไร การแก้ปัญหาของประเทศต้องทำอย่างไร ขอย้ำว่าปัญหาของรัฐบาลใน 2-3 เดือนที่ผ่านมา เกิดจากประชาชนมองว่า ขาดความเป็นเอกภาพและบางโครงการไม่มั่นใจในความโปร่งใส จึงต้องหยุดสภาวะนี้ไม่อย่างนั้นจะทำงานได้ยาก
นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าหลังการหารือแล้วจะทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นดีขึ้นจะทำให้ หลายอย่างทำงานได้ลงตัวมากขึ้น โครงการที่มีความเห็นไม่ตรงกันก็ต้องมาพูดคุยกันให้รอบคอบตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของครม.แล้วเกิดปัญหาไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่น ฉะนั้นสิ่งใดที่เป็นปัญหาควรจะหารือให้รู้เรื่องก่อน
หากรัฐบาลไม่สามารถทำงานเป็นเอกภาพและไม่สามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆ ให้ลุล่วงอย่างรวดเร็วและตอบสนองประชาชนได้ พรรคร่วมรัฐบาลจะเดือดร้อนทุกคน ซึ่งนายเนวินก็เข้าใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้หารือกับนายเนวินเกี่ยวกับการปรับครม.ในส่วนของ พรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เพราะสังคมมองว่า รัฐมนตรีบางคนของพรรคนี้อาจทำงาน ไม่ได้ นายกฯกล่าวว่า ตนบอกไปว่าในที่สุดเราต้องประเมินตัวเอง ฉะนั้นหากงานต่างๆ ไม่สามารถตอบสนองได้ก็จำเป็นต้องปรับ แต่ตอนนี้ยืนยันว่าครม.ทุกคนเข้าใจว่า ความเร่งด่วนของปัญหาโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจนั้นจะต้องเร่งดำเนินการ เมื่อสภาฯ อนุมัติงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งแล้ว ต้องทำให้เห็นว่าโครงการนี้เดินหน้า ได้จริงตั้งแต่เดือนสค.-ก.ย.เป็นต้นไป
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่าในการจัดสรรงบประมาณ ตนจะขจัดเสียงวิจารณ์ที่ว่า พื้นที่ของ ส.ส.ฝ่ายค้านจะได้งบฯน้อยและช้า ตนได้บอกทุกระทรวงว่าต้องดูแล ไม่ให้มีเรื่องพวกนี้ พื้นที่ของส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลต้องได้งบฯเสมอภาค
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำงานร่วมกันได้นานหรือไม่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระบุว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน นายอภิสิทธิ์ ยิ้ม ก่อนจะตอบว่า ประโยคนี้พูดมาหลายครั้งและหลายเดือนแล้ว ตนกระชับจุดที่คิดว่า ยังมีปัญหากับผู้ที่รับผิดชอบแล้วเช่น เศรษฐกิจ ความมั่นคง ว่าต้องทำงานหนักและเข้าใจความรู้สึกรวมทั้งความคาดหวังของประชาชนด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในกลางเดือน ก.ค.นี้ ตนจะลงพื้นที่ภาคอีสาน โดยไปที่ จ.บุรีรัมย์เป็นจังหวัดแรก เพื่อไปดูโครงการและความพร้อมในโครงการไทยเข้มแข็ง โดยเฉพาะแหล่งน้ำ ถนน ซึ่งเรื่องถนนนั้นนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมรับผิดชอบและจะเลือกโครงการที่คิดว่ามีความพร้อมที่สุด
เมื่อถามว่าจังหวัดนี้คือฐานเสียงของพรรคภูมิใจไทย หากลงพื้นที่นี้จะคล้ายว่า นายกรัฐมนตรียอมลงให้พรรคภูมิใจไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ไม่มีใครเป็น เจ้าของจังหวัดไหน คนไทยคือเจ้าของประเทศไทย ส่วนจะไปจังหวัดอื่นๆอีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเวลา ตนไม่ไปเพียงภาคเดียวและจะต้องไปทุกภาค
ส่วนจังหวัดพื้นที่สีแดงที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลนี้จะลงพื้นที่หรือไม่ เช่นจ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย นายอภสิทธิ์ กล่าวว่า ยินดีจะไป ขอย้ำอีกครั้งว่า กรุณาไปถามคนขัดขวาง ตนไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง หากสังคมบอกว่าตนควรจะไปแล้วเกิดการปะทะกันบ้างแล้วไม่เป็นไร ตนก็ไม่มีปัญหา เเต่ขอถามว่าคุ้มกันหรือเปล่า ถ้าตนไปแล้วเกิดการปะทะกัน และคนที่มาขัดขวางนั้นเป็นประชาธิปไตยจริงหรือไม่ หากเป็นประชาธิปไตยต้อง เปิดโอกาสให้ทุกคนทำงาน และหากทำอย่างนั้นมันเกิดความเสียหายกับภาพลักษณ์ของประเทศแต่กลับพยายามอ้างว่าเป็นปัญหาของรัฐบาล หากคิดแบบนั้นก็ไม่ใช่ ถ้ารัฐบาลเห็นแก่ตัวไม่คิดถึงประโยชน์ของประเทศก็เดินทางไปแต่เกิดปัญหาปะทะและภาพออกไปทั่วโลกนั้นมันเพื่ออะไร
ผมยึดประโยชน์ประเทศและทำงานได้ที่จริงแล้ว ตนลงพื้นที่มากกว่า อดีตนายกฯที่ผ่านมาเสียอีก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อด้วยว่า เด็กอีสานได้เรียนฟรี ผู้สูงอายุได้เบี้ยยังชีพ โครงการไทยเข้มแข็งก็ได้รับเหมือนภาคอื่นๆ และไม่น้อยกว่าที่อื่น มติ ครม. 3 เดือนนี้ แก้ปัญหาภาคอีสานและเหนือได้รับประโยชน์ที่สุด ส่วนการทำความเข้าใจกับประชาชน นั้นต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจและเมื่องานปรากฏจะเป็นคำตอบ
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่าในฐานะส.ส.พรรคภูมิใจไทยจะลงพื้นที่ไปพร้อมกันด้วย เพราะว่า พรรคภูมิใจไทยก็มีแผนลงพื้นที่เหมือนกัน
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เจาะจงลงพื้นที่จ.บุรีรัมย์ ตนเห็นว่า นายกรัฐมนตรีมีอำนาจ สิทธิที่จะสามารถลงได้ทุกพื้นที่ หากนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ภาคอีสานกระแสของพรรคร่วมรัฐบาลจะดีขึ้น และต้องลองพิสูจน์ดูว่ากระแสจะรับใครกันแน่ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรกับ นายอภิสิทธิ์ ทั้งนี้พรรคภูมิใจไทยจะลงพื้นที่เพื่อขายนโยบายให้กับประชาชนทั้งในเรื่องคาร์บอร์นเครดิตและเรื่อง1ตำบล 1โรงสี 1 ธนาคารข้าว
ส่วนที่นายเนวิน ชิดชอบ ร่วมรับประทานอาหารกับนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลกนั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า คงกินข้าวในฐานะที่เป็นคนคุ้นเคยกัน ไม่น่าจะมีอะไร หากมีการพูดคุยเรื่องโครงการของพรรคภูมิใจไทย ตนคงเข้าไปด้วยแล้ว ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่าไม่ได้งอนนายเนวิน ตามที่เป็นข่าว ซึ่งนายเนวินก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ตนฟัง และตนก็ไม่ได้ถามเพราะว่าไม่ใช่น่าที่ของตน และต่อไปก็เชื่อว่าคงไม่มีเรื่องขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์
นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และส.ส.บุรีรัมย์ กลุ่มเพื่อนแนวิน พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะลงไปดูโครงการถนนปลอดฝุ่น และโครงการชลประทานเป็นเรื่องหลัก ส่วนสาเหตุที่เลือกจังหวัดดังกล่าว เพราะนายอภิสิทธิ์ไปแล้วไม่มีปัญหา ซึ่งหากไปจังหวัดที่มีปัญหา เมื่อไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อถามว่าจะมีกลุ่มเสื้อแดงออกมาคัดค้านหรือไม่ นายโสภณ กล่าวอย่างมั่นใจว่า จังหวัดบุรีรัมย์ไม่มีสี เรามีเพียงสีเดียวคือสีธงชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการลงพื้นที่ภาคอีสานของ นายอภิสิทธิ์ ที่จ.บุรีรัมย์ เป็นแห่งแรกสร้างความไม่พอใจให้กับ ส.ส.อีสานของพรรคประชาธิปัตย์หลายคน เพราะไม่ทราบเรื่องมาก่อน โดยเฉพาะ นายดนัย นพสุวรรณวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ และ ส.ส.ของพรรคที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่ทราบเรื่องมาก่อน จนต้องเข้าที่ทำการพรรคเพื่อถามข้อเท็จจริงจากแกนนำ
นอกจากนี้ ส.ส.อีสานหลายคนยังข้องใจวาทำไมนายอภิสิทธิ์ จึงเลือกจ.บุรีรัมย์ เป็นจังหวัดแรก เพราะไม่มีประโยชน์ต่อการหาเสียงในภาคอีสาน ซึ่งจะยิ่งตอบย้ำว่านายอภิสิทธิ์ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ต้องพึ่งนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิไทยในการเจาะฐานเสียงภาคอีสาน
นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความ เห็นด้วยกับความเห็นของนายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่คัดค้านแนวคิดที่จะให้พรรคภูมิใจไทยทำการเมืองในภาคอีสานแทนพรรคประชาธิปัตย์
นางรัชฎาภรณ์ กล่าวว่า พูดกันมานานแล้วว่า ในศึกสงครามเราไปฝากให้คนอื่น ทำแทนไม่ได้ คะแนนของใครต้องทำกันเอง เพราะช่วงตะลุมบอนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ตนคิดว่าแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยมีแนวคิดฝากเลี้ยง หรือให้ใครอุ้มบุญ เพราะหากทำอย่างนั้นแล้วพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นพรรคการเมืองไปทำไม ซึ่งหากมีข้อตกลงนั้นจริง ตนจะขอลาออกจากพรรคดีกว่า
นางรัชฎาภรณ์ กล่าวว่า การหาเสียงของพรรคในภาคอีสานขณะนี้ก็ทำอยู่ตลอด เวลา โดยแบ่งโซนความรับผิดชอบกับดูแล เป็นอีสานเหนือและอีสานใต้ โดยนายไกรศักดิ์ ชุนหะวัณ ส.ส.สัดส่วน นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน ฯลฯ แยกย้ายกันดูตามเขต เบื้องต้นต้องการรักษาเก้าอี้ส.ส.เขตทั้ง 5 ตัวไว้ก่อน ซึ่งเชื่อว่า หากการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสรักษาเก้าอี้ที่มีไว้ได้ และอาจจะได้มากขึ้นด้วย
กระแสของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและคนเสื้อแดง ไม่ได้ครอบคลุมทั้งจังหวัด ต้องมีการจัดตั้งและทำได้เพียงจุดๆเท่านั้น ดังนั้นผลการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสกลนคร และศรีสะเกษ จึงเกิดจากการจัดตั้ง และไม่สะท้อนว่าหากมีการเลือกตั้งใหญ่ในอนาคต แล้วพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณคงไม่สามารถโฟนอิน ได้ทุกหมู่บ้าน
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วยกับนายสุทัศน์ เงินหมื่น คัดค้านแนวคิดที่จะให้พรรคภูมิใจไทย ทำการเมืองในภาคอีสานแทนพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เรื่องนี้ไม่ขอที่จะตอบโต้ เพราะจะไม่เกิดประโยชน์ต่อการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้พรรคไม่ต้องการเป็น แนวหน้าในภาคอีสาน แต่วันนี้พรรคของเราขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจพรรคภูมิใจไทย
นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าหลังการหารือแล้วจะทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นดีขึ้นจะทำให้ หลายอย่างทำงานได้ลงตัวมากขึ้น โครงการที่มีความเห็นไม่ตรงกันก็ต้องมาพูดคุยกันให้รอบคอบตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของครม.แล้วเกิดปัญหาไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่น ฉะนั้นสิ่งใดที่เป็นปัญหาควรจะหารือให้รู้เรื่องก่อน
หากรัฐบาลไม่สามารถทำงานเป็นเอกภาพและไม่สามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆ ให้ลุล่วงอย่างรวดเร็วและตอบสนองประชาชนได้ พรรคร่วมรัฐบาลจะเดือดร้อนทุกคน ซึ่งนายเนวินก็เข้าใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้หารือกับนายเนวินเกี่ยวกับการปรับครม.ในส่วนของ พรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เพราะสังคมมองว่า รัฐมนตรีบางคนของพรรคนี้อาจทำงาน ไม่ได้ นายกฯกล่าวว่า ตนบอกไปว่าในที่สุดเราต้องประเมินตัวเอง ฉะนั้นหากงานต่างๆ ไม่สามารถตอบสนองได้ก็จำเป็นต้องปรับ แต่ตอนนี้ยืนยันว่าครม.ทุกคนเข้าใจว่า ความเร่งด่วนของปัญหาโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจนั้นจะต้องเร่งดำเนินการ เมื่อสภาฯ อนุมัติงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งแล้ว ต้องทำให้เห็นว่าโครงการนี้เดินหน้า ได้จริงตั้งแต่เดือนสค.-ก.ย.เป็นต้นไป
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่าในการจัดสรรงบประมาณ ตนจะขจัดเสียงวิจารณ์ที่ว่า พื้นที่ของ ส.ส.ฝ่ายค้านจะได้งบฯน้อยและช้า ตนได้บอกทุกระทรวงว่าต้องดูแล ไม่ให้มีเรื่องพวกนี้ พื้นที่ของส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลต้องได้งบฯเสมอภาค
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำงานร่วมกันได้นานหรือไม่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระบุว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน นายอภิสิทธิ์ ยิ้ม ก่อนจะตอบว่า ประโยคนี้พูดมาหลายครั้งและหลายเดือนแล้ว ตนกระชับจุดที่คิดว่า ยังมีปัญหากับผู้ที่รับผิดชอบแล้วเช่น เศรษฐกิจ ความมั่นคง ว่าต้องทำงานหนักและเข้าใจความรู้สึกรวมทั้งความคาดหวังของประชาชนด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในกลางเดือน ก.ค.นี้ ตนจะลงพื้นที่ภาคอีสาน โดยไปที่ จ.บุรีรัมย์เป็นจังหวัดแรก เพื่อไปดูโครงการและความพร้อมในโครงการไทยเข้มแข็ง โดยเฉพาะแหล่งน้ำ ถนน ซึ่งเรื่องถนนนั้นนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมรับผิดชอบและจะเลือกโครงการที่คิดว่ามีความพร้อมที่สุด
เมื่อถามว่าจังหวัดนี้คือฐานเสียงของพรรคภูมิใจไทย หากลงพื้นที่นี้จะคล้ายว่า นายกรัฐมนตรียอมลงให้พรรคภูมิใจไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ไม่มีใครเป็น เจ้าของจังหวัดไหน คนไทยคือเจ้าของประเทศไทย ส่วนจะไปจังหวัดอื่นๆอีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเวลา ตนไม่ไปเพียงภาคเดียวและจะต้องไปทุกภาค
ส่วนจังหวัดพื้นที่สีแดงที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลนี้จะลงพื้นที่หรือไม่ เช่นจ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย นายอภสิทธิ์ กล่าวว่า ยินดีจะไป ขอย้ำอีกครั้งว่า กรุณาไปถามคนขัดขวาง ตนไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง หากสังคมบอกว่าตนควรจะไปแล้วเกิดการปะทะกันบ้างแล้วไม่เป็นไร ตนก็ไม่มีปัญหา เเต่ขอถามว่าคุ้มกันหรือเปล่า ถ้าตนไปแล้วเกิดการปะทะกัน และคนที่มาขัดขวางนั้นเป็นประชาธิปไตยจริงหรือไม่ หากเป็นประชาธิปไตยต้อง เปิดโอกาสให้ทุกคนทำงาน และหากทำอย่างนั้นมันเกิดความเสียหายกับภาพลักษณ์ของประเทศแต่กลับพยายามอ้างว่าเป็นปัญหาของรัฐบาล หากคิดแบบนั้นก็ไม่ใช่ ถ้ารัฐบาลเห็นแก่ตัวไม่คิดถึงประโยชน์ของประเทศก็เดินทางไปแต่เกิดปัญหาปะทะและภาพออกไปทั่วโลกนั้นมันเพื่ออะไร
ผมยึดประโยชน์ประเทศและทำงานได้ที่จริงแล้ว ตนลงพื้นที่มากกว่า อดีตนายกฯที่ผ่านมาเสียอีก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อด้วยว่า เด็กอีสานได้เรียนฟรี ผู้สูงอายุได้เบี้ยยังชีพ โครงการไทยเข้มแข็งก็ได้รับเหมือนภาคอื่นๆ และไม่น้อยกว่าที่อื่น มติ ครม. 3 เดือนนี้ แก้ปัญหาภาคอีสานและเหนือได้รับประโยชน์ที่สุด ส่วนการทำความเข้าใจกับประชาชน นั้นต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจและเมื่องานปรากฏจะเป็นคำตอบ
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่าในฐานะส.ส.พรรคภูมิใจไทยจะลงพื้นที่ไปพร้อมกันด้วย เพราะว่า พรรคภูมิใจไทยก็มีแผนลงพื้นที่เหมือนกัน
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เจาะจงลงพื้นที่จ.บุรีรัมย์ ตนเห็นว่า นายกรัฐมนตรีมีอำนาจ สิทธิที่จะสามารถลงได้ทุกพื้นที่ หากนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ภาคอีสานกระแสของพรรคร่วมรัฐบาลจะดีขึ้น และต้องลองพิสูจน์ดูว่ากระแสจะรับใครกันแน่ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรกับ นายอภิสิทธิ์ ทั้งนี้พรรคภูมิใจไทยจะลงพื้นที่เพื่อขายนโยบายให้กับประชาชนทั้งในเรื่องคาร์บอร์นเครดิตและเรื่อง1ตำบล 1โรงสี 1 ธนาคารข้าว
ส่วนที่นายเนวิน ชิดชอบ ร่วมรับประทานอาหารกับนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลกนั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า คงกินข้าวในฐานะที่เป็นคนคุ้นเคยกัน ไม่น่าจะมีอะไร หากมีการพูดคุยเรื่องโครงการของพรรคภูมิใจไทย ตนคงเข้าไปด้วยแล้ว ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่าไม่ได้งอนนายเนวิน ตามที่เป็นข่าว ซึ่งนายเนวินก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ตนฟัง และตนก็ไม่ได้ถามเพราะว่าไม่ใช่น่าที่ของตน และต่อไปก็เชื่อว่าคงไม่มีเรื่องขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์
นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และส.ส.บุรีรัมย์ กลุ่มเพื่อนแนวิน พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะลงไปดูโครงการถนนปลอดฝุ่น และโครงการชลประทานเป็นเรื่องหลัก ส่วนสาเหตุที่เลือกจังหวัดดังกล่าว เพราะนายอภิสิทธิ์ไปแล้วไม่มีปัญหา ซึ่งหากไปจังหวัดที่มีปัญหา เมื่อไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อถามว่าจะมีกลุ่มเสื้อแดงออกมาคัดค้านหรือไม่ นายโสภณ กล่าวอย่างมั่นใจว่า จังหวัดบุรีรัมย์ไม่มีสี เรามีเพียงสีเดียวคือสีธงชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการลงพื้นที่ภาคอีสานของ นายอภิสิทธิ์ ที่จ.บุรีรัมย์ เป็นแห่งแรกสร้างความไม่พอใจให้กับ ส.ส.อีสานของพรรคประชาธิปัตย์หลายคน เพราะไม่ทราบเรื่องมาก่อน โดยเฉพาะ นายดนัย นพสุวรรณวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ และ ส.ส.ของพรรคที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่ทราบเรื่องมาก่อน จนต้องเข้าที่ทำการพรรคเพื่อถามข้อเท็จจริงจากแกนนำ
นอกจากนี้ ส.ส.อีสานหลายคนยังข้องใจวาทำไมนายอภิสิทธิ์ จึงเลือกจ.บุรีรัมย์ เป็นจังหวัดแรก เพราะไม่มีประโยชน์ต่อการหาเสียงในภาคอีสาน ซึ่งจะยิ่งตอบย้ำว่านายอภิสิทธิ์ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ต้องพึ่งนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิไทยในการเจาะฐานเสียงภาคอีสาน
นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความ เห็นด้วยกับความเห็นของนายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่คัดค้านแนวคิดที่จะให้พรรคภูมิใจไทยทำการเมืองในภาคอีสานแทนพรรคประชาธิปัตย์
นางรัชฎาภรณ์ กล่าวว่า พูดกันมานานแล้วว่า ในศึกสงครามเราไปฝากให้คนอื่น ทำแทนไม่ได้ คะแนนของใครต้องทำกันเอง เพราะช่วงตะลุมบอนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ตนคิดว่าแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยมีแนวคิดฝากเลี้ยง หรือให้ใครอุ้มบุญ เพราะหากทำอย่างนั้นแล้วพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นพรรคการเมืองไปทำไม ซึ่งหากมีข้อตกลงนั้นจริง ตนจะขอลาออกจากพรรคดีกว่า
นางรัชฎาภรณ์ กล่าวว่า การหาเสียงของพรรคในภาคอีสานขณะนี้ก็ทำอยู่ตลอด เวลา โดยแบ่งโซนความรับผิดชอบกับดูแล เป็นอีสานเหนือและอีสานใต้ โดยนายไกรศักดิ์ ชุนหะวัณ ส.ส.สัดส่วน นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน ฯลฯ แยกย้ายกันดูตามเขต เบื้องต้นต้องการรักษาเก้าอี้ส.ส.เขตทั้ง 5 ตัวไว้ก่อน ซึ่งเชื่อว่า หากการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสรักษาเก้าอี้ที่มีไว้ได้ และอาจจะได้มากขึ้นด้วย
กระแสของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและคนเสื้อแดง ไม่ได้ครอบคลุมทั้งจังหวัด ต้องมีการจัดตั้งและทำได้เพียงจุดๆเท่านั้น ดังนั้นผลการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสกลนคร และศรีสะเกษ จึงเกิดจากการจัดตั้ง และไม่สะท้อนว่าหากมีการเลือกตั้งใหญ่ในอนาคต แล้วพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณคงไม่สามารถโฟนอิน ได้ทุกหมู่บ้าน
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วยกับนายสุทัศน์ เงินหมื่น คัดค้านแนวคิดที่จะให้พรรคภูมิใจไทย ทำการเมืองในภาคอีสานแทนพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เรื่องนี้ไม่ขอที่จะตอบโต้ เพราะจะไม่เกิดประโยชน์ต่อการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้พรรคไม่ต้องการเป็น แนวหน้าในภาคอีสาน แต่วันนี้พรรคของเราขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจพรรคภูมิใจไทย
