xs
xsm
sm
md
lg

‘สุเทพ’หงุดหงิดบอร์ดสภาพัฒน์แหกกรอบรถเมล์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เทพเทือก ยอมรับหงุดหงิดบอร์ดสภาพัฒน์ ให้ไปศึกษาควรเช่าหรือซื้อรถเมล์เอ็นจีวี ดันมาเสนอให้ ครม.พิจารณาว่าควรให้ ขสมก.เป็นผู้กำกับควบคุมแทนเป็นผู้ประกอบการเสียเอง ระบุถ้าเสนอแบบนี้จะวุ่นไม่จบ จึงต้องให้ไปศึกษาเรื่องเช่าหรือซื้ออย่างเดียวแล้วนำมาเสนอ ครม.ใหม่ ติงพรรคร่วมก็ควรฟังเหตุผลว่าแบบไหนจะออกมาดี ด้านโฆษกภูมิใจไทย แนะ ครม. กล้าฟันธง ไม่ควรยกเลิกโครงการเพราะเป็นประโยชน์กับประชาชน ลั่นถ้าตัดสินใจไปในแนวทางใดต้องมาคุยกันก่อน ขณะที่ส.ส.เพื่อไทยจับมือสหภาพฯขสมก. เสนอ 5 แนวทางศึกษา ขวางอีทิคเก็ต จะทำให้พนักงาน 9 พันคนตกงาน ด้าน กมธ.ป.ป.ช.สภาฯ ยันผลสอบเช่ารถเอ็นจีวีเสร็จแล้ว เตรียมชงรัฐบาล ป.ป.ช.ดำเนินการ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการศึกษาโครงการจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ของคณะกรรมการสภาพัฒน์ ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าควรจะเช่าหรือซื้อต่อที่ประชุม ครม.ว่า สิ่งที่คณะกรรมการสภาพัฒน์เสนอมามีคำตอบ แต่ไม่ใช่คำตอบที่ ครม.มอบให้ไปศึกษา
ทั้งนี้การบ้านที่ ครม.มอบไปให้ศึกษาคือควรจะซื้อหรือเช่ารถเมล์เอ็นจีวี จึงคุ้มกว่ากัน หรือไม่ควรจะซื้อหรือเช่าก็ให้มาบอก ครม. จะได้ตัดสินใจ แต่ทางสภาพัฒน์กลับย้อนมาให้ ครม.พิจารณาเช่น ให้ดูว่าองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ควรเป็นผู้กำกับ ควบคุม ไม่ใช่มาประกอบการเสียเอง เมื่อเสนอมาแบบนี้ ตนจึงบอกไปว่า ถ้าเสนอมาให้ ครม.ตั้งต้นเรื่องขึ้นอย่างนี้ก็จะวุ่นวายไม่จบ เพราะนอกจากจะต้องมาเถียงกันว่าควรซื้อหรือเช่า ก็ต้องมาเถียงถึงเรื่องบทบาทของ ขสมก.อีก จึงได้ให้นำกลับไปทำให้สมบูรณ์ และบอกมาเลยว่าควรทำอย่างไร ถ้าไม่ทำก็ยกเลิก จะได้ไปเถียงกันเรื่องอื่นไม่ใช่มาเถียงเรื่องเช่าหรือซื้อรถเมล์ เพราะรถเมล์ไม่ใช่ปัญหาสุดท้ายของประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นเพราะรัฐบาลมีนโนยบายไม่แน่นอน ทั้งที่อยากจะเสนอให้มีการเปลี่ยนรถเมล์ใหม่หมด โดยโละของเก่าออก และให้จัดเส้นทางใหม่ แต่ที่ผ่านมามีการดึงกันไปดึงกันมา จึงกลายเป็นแบบนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้ามีคน ที่เป็นกลาง มีความรู้จริง อย่างเช่นสภาพัฒนฯ เสนอมาอย่างนั้นรัฐบาลก็ตัดสินใจ แต่รัฐบาลตัดสินไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าซื้อหรือเช่าแพงกว่ากัน จะทำอย่างไรอย่างนี้เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าหากให้ยกเลิกพรรคร่วมยอมรับได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่เหตุผล พรรคร่วมรัฐบาลไม่ใช่พรรคต่างรัฐบาล อยู่รัฐบาลเดียวกัน ฉะนั้นทุกอย่างต้องมีเหตุผล ถ้าทุกคนมีเหตุผลที่ดี ฟังเหตุผลกันได้ก็ต้องรับกันได้หมด

งบฯไม่ได้มีไว้เพื่อแบ่งกันระหว่างพรรค

ส่วนที่มีการมองกันว่าหากขัดขากันมากๆ อาจจะคอดคอกันตายนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีตนไม่เชื่ออย่างนั้น เมื่อถามว่าล่าสุดแกนนำบางคนก็ออกมาโวยว่า พรรคประชาธิปไตย์ไม่ค่อยให้สำคัญกับพรรคร่วม เช่นไม่ถ่ายงบประมาณให้ในต่างจังหวัด นายสุเทพ กล่าวว่า งบประมาณมีไว้เพื่อแก้ปัญหาประเทศชาติ ประชาขชน ไม่ใช่มีไว้เพื่อไปแบ่งกันระหว่างพรรคการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลถ้าใครตั้งต้นคิดอย่างนั้นไม่ได้ และในการพิจารณางบประมาณดูว่ามีปัญหาอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าอาจจะถูกมองว่าโดดเดี่ยวเขาหรือไม่ เมื่อถึงเวลาใช้ประโยชน์ ก็คุยกับเขาโดยตรง แต่ถ้าไม่ใช่ประโยชน์ของพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง ก็ปล่อยให้เขาโดดเดี่ยว นายสุเทพ กล่าวว่า กำลังตำหนิตนใช่หรือไม่ ตนเป็นคนไปชวนเขามาเอง เมื่อชวนมามีอะไรก็ต้องคุยกัน ตนพบปะพูดคุยกับพรรคร่วมอยู่เรื่อยไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรผิดใจกัน

ภท.ยันจัดหารถเมล์เพื่อประโยชน์ปชช.

นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทยและโฆษกกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การที่ ครม.มีมติยืดเวลาให้สภาพัฒน์ไปศึกษาเปรียบเทียบโครงการจัดหารถเมล์ เอ็นจีวี ว่าควรเช่าหรือซื้อออกไปอีก 30 วันนับตั้งแต่วันที่กระทรวงคมนาคม ส่งข้อมูลให้อีกครั้งเพราะ ครม.อยากให้สภาพัฒน์ฯตอบให้ชัดเจนว่า จะซื้อหรือเช่า หรือมีแนวทางอื่นที่จะเสนอเข้ามา แต่ถ้าจะยกเลิกโครงการนี้นั้นพรรคภูมิใจไทย เห็นว่า โครงการนี้เป็นประโยชน์ แต่ถ้ายกเลิกก็ต้องยอมรับสภาพว่า ปัญหาที่เรื้อรังของ ขสมก. ในด้านต่างๆ ก็ไม่ได้รับการแก้ไขและจะทำให้มีสภาพย้ำแย่ลงไปอีก ซึ่งถ้ามีการตัดสินใจว่าจะทำอะไรให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนเป็นหลัก ก็ต้องตัดสินใจว่าจะซื้อหรือเช่าเท่านั้น อย่างไรก็ตามถ้าครม.จะตัดสินใจไปในทางใดก็ต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง
เข้าใจว่าครม. ต้องใช้ความรอบคอบในการอนุมัติโครงการต่างๆ แต่ก็ต้อง ใช้การตัดสินใจอย่างตรงไปตรงมา เพราะการตัดสินใจในเรื่องใดก็ตามมีผลทั้งด้านบวกและลบ ไม่ควรตัดสินใจแบบกล้าๆ กลัวๆ เพราะการบริหารประเทศในปัจจุบันควรมีความเด็ดขาดมากกว่านี้ และควรตัดสินใจเรื่องผลประโยชน์ของประชาชนมากกว่าเรื่องการเมือง

พท.จับมือสหภาพขสมก.เสนอทางแก้

วานนี้ (1 ก.ค.) นายวิชาญ มีนชัยนันทน์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ขสมก.ร่วมกันแถลงผลการหารือโครงการจัดหา รถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ว่า ขณะนี้ยังมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 5 ข้อ คือ 1.เส้นทางเดินรถ 145 เส้นทาง ที่อาจทับซ้อนกับรถร่วม ฉะนั้นรัฐบาลคงต้อง ศึกษาและจัดเส้นทางเดินรถใหม่ ให้สอดคล้องความต้องการที่แท้จริงของประชาชน เพราะตนได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการรถร่วม นอกจากนี้รถร่วมได้จัดตั้งกลุ่มสหกรณ์ขึ้น ซึ่งรถเมล์เขียวจะมีการเปลี่ยนไปใช้เอ็นจีวีเดือนสิงหาคม 2 พันคัน จึงอยากทราบ การสนับสนุนดังกล่าวจากทางรัฐบาลด้วย
2.ฝ่าย ขสมก. และรถร่วม ไม่ขัดข้องในการใช้เอ็นจีวีเพื่อลดมลพิษ แต่ถ้าจะเปลี่ยนรถร้อนเป็นรถเย็น ต้องดูแหล่งเงินที่จะมาสนับสนุนด้วย 3.สหภาพแรงงาน ขสมก.มองว่า อาจไม่ต้องจัดหาทีเดียว 4 พันคัน เพราะรถที่อายุ 18 ปีขึ้นไป มีประมาณ 500 คัน และมีรถที่เสียอยู่ 700 คัน ฉะนั้นอาจใช้วิธีการจัดหารถแทนเป็นรายปี
4.ขสมก.มีการขาดทุน ส่วนหนึ่งจากการเช่าอู่ ที่ค่าเช่าสูงขึ้นตลอด หรือ อู่ของตนเองที่ทำให้การจราจรบริเวณนั้นหนาแน่น เช่น อู่บางเขน ฉะนั้นควรจำหน่ายอู่ในเมือง และไปซื้ออู่ใหม่นอกเมืองเพื่อเชื่อมต่อระบบรถราง และการที่ใช้เอ็นจีวีต้องต่อท่อ จึงอาจมีอันตรายหากยังมีอู่ในเมือง
5.ระบบอีทิกเก็ต ที่ยังไม่ชัด จึงขอให้รัฐบาลดูรายละเอียดให้ดีก่อน นอกจากนี้ ตนจะเป็นผู้ประสานขสมก.และรถร่วม เพื่อมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลต่อไป
นายสุนทร คมขำ เลขาธิการสหภาพฯขสมก. กล่าวว่า สหภาพฯเห็นด้วยกับหลักการที่จะมีรถใหม่แทนรถเก่า และใช้เอ็นจีวีเพื่อลดมลพิษ แต่ต้องดูจำนวนที่จะเข้ามาทดแทนให้พอเหมาะ ส่วนเส้นทางเดินรถ 145 เส้นทาง ถ้ากระทบกับผู้ประกอบการรถร่วม ก็น่ามาคุยและทำข้อตกลงในการแก้ปัญหา ส่วนอีทิคเก็ต สหภาพฯเห็นว่า ควรชะลอไว้ก่อน และไปศึกษาว่า คุ้มทุนจริงหรือไม่ เพราะจะมีพนักงาน ขสมก.ต้องออกถึง 9 พันคน ไม่เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้คนมีงานทำ

กมธ.เตรียมสรุปผลสอบเช่ารถเมล์ต่อรัฐบาล

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฏร แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้รวบรวมเอกสารหลักฐานการตรวจสอบ โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน เรียบร้อยแล้ว โดยในการประชุมวันที่ 9 ก.ค. กรรมาธิการ จะสรุปผลการตรวจสอบเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลว่า มีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง และใครบ้างที่ทำให้รัฐเสียหาย ซึ่งรัฐบาลจะต้องรับทราบโดยโครงการดังกล่าวรัฐบาล จะต้องศึกษารายละเอียดอย่างรอบคอบ
นายชาญชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการพบข้อมูลเพิ่มเติมนอกจากโครงการยูโรทู และเอ็นจีวี 4 พันคัน ยังบพบว่าในช่วงปี 2547 นาย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.คมนาคม ได้เสนอให้มีการจัดซื้อรถยูโรวันและยูโรทู จำนวน 1,297 คัน รวมมูลค่า 2 พันล้านบาท ทั้งที่ควรจริงรถแต่ละคันมีมูลค่าเฉลี่ยคันละ 5 แสนถึง 1 ล้านบาท แต่นายสุริยะได้เสนอจัดซื้อคันละ 2-6 ล้านบาท ทำให้รัฐเสียหายซึ่งยังไม่มีการตรวจสอบเรื่องนี้ จึงจะส่งข้อมูลให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
นายชาญชัย กล่าวอีกว่า เรื่องทั้งหมดที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ขาดทุนหลายหมื่นล้านบาท ล้วนเกิดจากบุคคลเหล่านี้ ตนขอเรียกร้องให้ภาคประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของเงินภาษีที่ใช้ในการจัดซื้อรถให้ไปร้องกับป.ป.ช. หรือกรรมาธิการ ในฐานะผู้ได้รับความเสียหาย
กำลังโหลดความคิดเห็น