ASTVผู้จัดการรายวัน – คลังออกกฎเหล็ก รสก.ต้องการเงินกู้ต้องมีแผนลงทุนชัดและเดินตรงขอกู้เองจากแบงก์พาณิชย์ จะช่วยเฉพาะรสก.ที่ครม.อนุมัติกรณีจำเป็นเท่านั้น
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลและนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจและลดภาระงบประมาณภาครัฐ จากนี้ต่อไปในการพิจารณาเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจต่างๆ จะต้องมีโครงการพิสูจน์หรือมีแผนลงทุนที่ชัดเจนและแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนที่คุ้มค่าเพื่อเสนอต่อสถาบันการเงินขอกู้เอง เช่นเดียวกับบริษัทเอกชนที่ต้องการกู้เงิน ซึ่งหากสถาบันการเงินอนุมัติวงเงินให้ แสดงว่าแผนงานดังกล่าวมีประสิทธิภาพและมีความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามสำหรับบางรัฐวิสาหกิจที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)อนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้เนื่องจากการบริหารงานจำเป็นต้องขาดทุนเพื่อประโยชน์สาธารณะก็ยังต้องจำเป็นที่จะดำเนินการให้
"ที่ผ่านมาแม้กระทรวงการคลังจะถือหุ้นใหญ่ในรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง และต้องเข้าไปค้ำประกันเงินกู้ให้ แต่กลับไม่มีบทบาทหรือมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายใดๆ หลายหน่วยงานขาดทุนจากการดำเนินงานคลังก็ยังต้องแบกภาะ จึงจำเป็นต้องพัฒนาประสิทธิภาพรัฐวิสาหกิจเพื่อให้เลี้ยงตัวเองได้"นายอารีพงศ์กล่าว
สำหรับการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ที่ผ่านมาได้รายงานข้อมูลให้ครม.รับทราบปัญหารัฐวิสาหกิจขาดทุน หรือมีผลการดำเนินงานถดถอย และหาแนวทางที่จะพลิกฟื้นกิจการเหล่านี้ให้ดีขึ้น ยืนยันยังไม่มีนโยบายแปรรูป แต่จะให้รัฐวิสาหกิจที่มีลักษณะการดำเนินงานใกล้เคียงกันร่วมลงทุนร่วมกัน จากเดิมที่แต่ละแห่งลงทุนเอง เพื่อลดต้นทุน เช่น บมจ. ทีโอที และบมจ. กสท.โทรคมนาคม ซึ่งขณะนี้มีหนังสือแจ้งเร่งสะสางคดีความต่าง ๆ ให้ชัดเจนและเสร็จสิ้นโดยเร็ว จากนั้นให้จัดทำเป้าหารายได้ที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ จากปัจจุบันแม้ยังไม่ขาดทุน แต่ผลประกอบการถดถอยลงมาโดยตลอด
โดยที่ผ่านมานายกรณ์ได้ชี้แนะกรณีแหล่งเงินพัฒนาประสิทธิภาพรัฐวิสาหกิจนอกจากการกู้โดยตรงจากสถาบันการเงิน คือการแปรงสินทรัพย์เป็นทุน (ซีเคียรีไทเซชั่น) ซึ่งจากนี้ สคร.เตรียมจะศึกษาวิธีการจัดหาเงินในรูปแบบต่างๆ ต่อไป.
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลและนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจและลดภาระงบประมาณภาครัฐ จากนี้ต่อไปในการพิจารณาเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจต่างๆ จะต้องมีโครงการพิสูจน์หรือมีแผนลงทุนที่ชัดเจนและแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนที่คุ้มค่าเพื่อเสนอต่อสถาบันการเงินขอกู้เอง เช่นเดียวกับบริษัทเอกชนที่ต้องการกู้เงิน ซึ่งหากสถาบันการเงินอนุมัติวงเงินให้ แสดงว่าแผนงานดังกล่าวมีประสิทธิภาพและมีความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามสำหรับบางรัฐวิสาหกิจที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)อนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้เนื่องจากการบริหารงานจำเป็นต้องขาดทุนเพื่อประโยชน์สาธารณะก็ยังต้องจำเป็นที่จะดำเนินการให้
"ที่ผ่านมาแม้กระทรวงการคลังจะถือหุ้นใหญ่ในรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง และต้องเข้าไปค้ำประกันเงินกู้ให้ แต่กลับไม่มีบทบาทหรือมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายใดๆ หลายหน่วยงานขาดทุนจากการดำเนินงานคลังก็ยังต้องแบกภาะ จึงจำเป็นต้องพัฒนาประสิทธิภาพรัฐวิสาหกิจเพื่อให้เลี้ยงตัวเองได้"นายอารีพงศ์กล่าว
สำหรับการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ที่ผ่านมาได้รายงานข้อมูลให้ครม.รับทราบปัญหารัฐวิสาหกิจขาดทุน หรือมีผลการดำเนินงานถดถอย และหาแนวทางที่จะพลิกฟื้นกิจการเหล่านี้ให้ดีขึ้น ยืนยันยังไม่มีนโยบายแปรรูป แต่จะให้รัฐวิสาหกิจที่มีลักษณะการดำเนินงานใกล้เคียงกันร่วมลงทุนร่วมกัน จากเดิมที่แต่ละแห่งลงทุนเอง เพื่อลดต้นทุน เช่น บมจ. ทีโอที และบมจ. กสท.โทรคมนาคม ซึ่งขณะนี้มีหนังสือแจ้งเร่งสะสางคดีความต่าง ๆ ให้ชัดเจนและเสร็จสิ้นโดยเร็ว จากนั้นให้จัดทำเป้าหารายได้ที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ จากปัจจุบันแม้ยังไม่ขาดทุน แต่ผลประกอบการถดถอยลงมาโดยตลอด
โดยที่ผ่านมานายกรณ์ได้ชี้แนะกรณีแหล่งเงินพัฒนาประสิทธิภาพรัฐวิสาหกิจนอกจากการกู้โดยตรงจากสถาบันการเงิน คือการแปรงสินทรัพย์เป็นทุน (ซีเคียรีไทเซชั่น) ซึ่งจากนี้ สคร.เตรียมจะศึกษาวิธีการจัดหาเงินในรูปแบบต่างๆ ต่อไป.
