xs
xsm
sm
md
lg

ฉะจาบจ้วงถวายฎีกาช่วย "นช.แม้ว"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “อภิสิทธิ์”วางเงื่อนไขยุบสภา ต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจ กติกาใหม่พร้อม และความตึงเครียด 2 ขั้วลด ปัดตอบสมุนล่าล้านชื่อถวายฎีกาอภัยโทษให้ “นช.แม้ว” ด้าน ปชป.ซัด “วีระ” หน้าม้าชงถวายฎีกา ระบุเป็นการจวบจ้างใช้มวลชนหยิบมือเดียวกดดันพระราชอำนาจ แนะควรเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายจะเหมาะกว่า

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงที่ประกาศนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งใน 1 เดือนข้างหน้าว่าการชุมนุมถ้าอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญก็ไม่น่ามีปัญหา เรื่องนี้ถือว่าเป็นสิทธิที่ทำได้

ส่วนที่นปช. เรียกร้องให้ยุบสภา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นข้อเรียกร้องเดิมที่ตนเคยเรียนให้ทราบไปแล้วว่าเรื่องการเลือกตั้งนั้นควรจะมีการพูดคุยเรื่องกติกา ต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อน และน่าจะให้โอกาสในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงนี้ก่อน นอกจากนี้ความตึงเครียดระหว่างขั้วการเมืองต่างๆ จะต้องลดลง ซึ่งถ้ามีการเลือกตั้งใหม่แล้วยังเกิดความรุนแรงขึ้นอีก จะเกิดความเสียหายกับประชาธิปไตยอย่างมาก

**”มาร์ค”ปัดตอบสมุน”แม้ว”ถวายฎีกา
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่นปช. ขีดเส้น 1 เดือนกลับมาชุมนุมใหม่ จะเป็นการกดดันการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายค้าน รัฐบาลและวุฒิสภากำลังทำงานในเรื่องรัฐธรรมนูญ และแนวทางการแก้ไขปัญหาทางการเมือง ตรงจุดนี้น่าจะเปิดโอกาสให้ทำงานกันอย่างเต็มที่ ถ้าหลังจากมีการเลือกตั้ง ตนก็เคยบอกไปแล้วว่าไม่ขัดข้อง

“ขณะนี้กติกาใหม่ก็ยังไม่เสร็จ เศรษฐกิจก็มีปัญหา แถมยังมีการขู่ที่จะใช้ความรุนแรงอยู่อีก มันก็ไม่ส่งเสริมประชาธิปไตย ถ้าต้องการประชาธิปไตยจริงๆ ก็ต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมเป็นเพราะยังไม่เข้าใจการชี้แจงของรัฐบาล และรัฐบาลต้องทำความเข้าใจมากขึ้นหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า อาจจะเป็นความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่รัฐบาลจะมุ่งทำความเข้าใจต่อไป

ส่วนกรณีที่ นปช. ประกาศล่าชื่อประชาชน 1 ล้านชื่อเพื่อถวายฎีกาขออภัยโทษ ให้พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือว่าเหมาะสมหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธจะตอบคำถามดังกล่าว แล้วเดินเลี่ยงขึ้นรถไปทันที

**”เทพเทือก”เอือมเสื้อแดงร้องยุบสภา
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนคงไม่พูดแล้วที่กลุ่มคนเสื้อแดงเรียกร้องให้ยุบสภา ส่วนที่กลุ่มเสื้อแดงพยายามนำเงื่อนไขนี้มาปลุกระดมประชาชนนั้นเป็นเรื่องของทุกคนในบ้านเมืองที่ต้องช่วยกัน เพราะเรามีวิกฤติเศรษฐกิจเหมือนประเทศอื่นๆ ฉะนั้นเป็นเวลาที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน สามัคคีต่อสู้วิกฤติเศรษฐกิจ แต่ถ้าเรามามัวสร้างความวุ่นวายกันเองในบ้านเมือง ก็จะเป็นปัญหาและอุปสรรคในการแก้วิกฤติเศรษฐกิจทำให้เสียโอกาสทั้งประเทศ จึงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่ต้องช่วยกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่คนต่างจังหวัดที่ถูกชวนมาร่วมชุมนุมก็ยังไม่เข้าใจ โดยถูกปลุกประดมให้มาร่วมชุมนุมอยู่ นายสุเทพกล่าวว่า คงต้องชี้แจงและทำความเข้าใจกันต่อไปและต้องทำเพิ่มขึ้น

ส่วนที่กลุ่มเสื้อแดงนัดชุมนุมอีกครั้งในอีก 1 เดือนข้างหน้านั้น นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่อยากพูดถึง เพราะถ้าพูดไป ก็จะเป็นการท้าทาย ยั่วยุกัน และจะถูกนำไปแปลง แต่ตนอยากบอกประชาชนว่า ต้องหยุดได้แล้ว ต้องพอได้แล้ว และหันหน้าเข้าหากกันช่วยกันจะดีกว่า มีอะไรที่จะให้รัฐบาลทำเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศและวิกฤติเศรษฐกิจก็บอกมา ส่วนเรื่องการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ก็ว่ากันไปตามกันไปตามกระบวนการตามปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าจะมีการชุมนุมยืดเยื้อ รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไร นายสุเทพ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เมื่อถามย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่หยุดโฟนอิน นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนั้น ก็ไม่อยากพูดแล้วเหมือนกัน

**”เทพไท”เย้ยม็อบมีแค่หมื่นกว่าๆ
นายเทพไท เสนพงษ์
โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอขอบคุณกลุ่มเสื้อแดงที่ชุมนุมภายใต้กฎหมายไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่จะเห็นได้ว่าการชุมนุมครั้งนี้มีจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมน้อยกว่าทุกครั้ง โดยรัฐบาลมีการประเมินว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมร่วม 3 หมื่นคน แต่ความจริงแล้ว มีผู้มาร่วมชุมนุมแค่หลักหมื่นกว่าๆ และมีคน กทม.เข้าร่วมชุมนุมเพียง 10 % นอกนั้นเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมจากต่างจังหวัดที่มีการจัดตั้งเข้ามา จนทำให้การชุมนุมต้องอยู่กันจนถึงเช้าเพราะไม่สามารถขนคนออกในช่วงกลางคืน ดังนั้นสิ่งที่แกนนำต้องกลับไปดูกันว่าสาเหตุที่พลาดเป้าครั้งนี้มีการอมหรือหักค่าหัวคิวเกิดขึ้นหรือไม่ แม้ว่าจะพลาดเป้าไปบ้างแต่การจัดการครั้งนี้ก็ประสบผลสำเร็จทำให้แกนนำสามารถจัดงานครั้งนี้ได้

“เหมือนกับรายการทีวีที่ได้ยกเลิกไปแล้วคือ รายการสู้แล้วรวย ถ้ารายการนี้ยังมีอยู่อยากให้เชิญแกนนำ นปช.มาออกรายการให้เป็นตัวอย่างการหารายได้ให้กับประชาชนเพราะรวยกันทุกคน”

นายเทพไทกล่าวว่าการชุมของนปช.ครั้งนี้เหมือนฟ้าดินเป็นใจ ที่มีฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก จะเห็นได้ว่า การชุมนุมของนปช.2 ครั้งเหมือนถูกฟ้าดินลงโทษโดยที่รัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องไปควบคุมอะไรทั้งสิ้น แต่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมา กล่าวหาว่ารัฐบาลมีการสร้างแดงเทียม น้ำเงินเทียม รวมถึงฝนเทียมขึ้นมา จึงไม่เข้าใจ แนวคิดของกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะฝนเทียมใครก็ทำได้ แต่ถ้าจะเป็นฟ้าผ่าเทียมคงทำไม่ได้ ถ้าทำได้ก็จะทำให้ฟ้าผ่าลงเวทีของคนเสื้อแดง

**จวกจาบจ้วงถวายฎีกาให้นช.ทักษิณ
นายเทพไทกล่าวว่า สำหรับเป้าหมายของการชุมนุมครั้งนี้มีการขึ้นป้ายหลังเวทีว่า “สืบสานเจตนาคณะราษฎร์”โค่นรัฐบาลอำมาตย์ ทวงคืนประชาธิปไตย” อาจจะสับสนในเป้าหมายเพราะจุดยืนบนเวทีต้องการที่จะพา พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน โดยการโยนลูกถามเรื่องถวายฎีกาให้พ.ต.ท.ทักษิณพูด โดยมีนายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำคนเสื้อแดง ทำหน้าที่เป็นอัศวพักตร์ พูดง่ายๆ คือหน้าม้า ทำหน้าที่ในการพูด โฟนอินเรื่องถวายฎีกาให้พ.ต.ท.ทักษิณตอบรับ ถึงขนาด พ.ต.ท.ทักษิณออกมาระบุว่า สุดแท้แต่พระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งภาษาชาวบ้านแปลว่า สุดแต่จะตัดสินใจ ถือเป็นพฤติกรรมที่จาบจ้วง ไม่ควรใช้มติของคนแค่หยิบมือเดียวมากดดัน ถ้าอยากให้พระราชทานอภัยโทษควรถามนายวีระ เพราะเคยคิดคุกมาก่อน แล้วได้รับพระราชทานอภัยโทษ นายวีระคงลืมไปว่าคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ถือ พล.อ.เปรม แต่วันนี้นายวีระ สนองคุณพล.อ.เปรมอย่างไรประชาชนรู้ดี

นายเทพไทกล่าวว่า ถ้าการขอพระราชทานอภัยโทษทำได้ คนที่อยู่ในคุกจำนวนมากก็จะลุกขึ้นมาเรียกร้องเช่นเดียวกัน และถ้าคนที่มาขอพระราชทานอภัยโทษเป็นนักการเมืองที่โกงกิน จนถูกจับได้ และต้องเข้าคุก แต่มีมวลชนในมือ นักการเมืองเหล่านั้นก็สามารถทำได้ อย่างไรก็ตามพ.ต.ท.ทักษิณมีสิทธิ์ที่จะทำได้ แต่ต้องทำในฐานะส่วนตัว และเงียบๆ ไม่มีใครประกาศเอามวลชนมากดดันพระราชอำนาจ

“การที่พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินว่า ตนเองรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ต่างประเทศมานาน3 ปี เหงาเหลือเกิน แสดงว่าคิดถึงแต่เรื่องตัวเอง กลัวจะถูกโดดเดี่ยว กลัวว่าตัวเองจะได้รับโทษจึงต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศถึง3 ปี แต่ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณยอมเข้าคุกอยู่ในคุกแค่ 2 ปี อีก1 ปีคือว่ากำไร แต่สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณทำขณะนี้คือต้องการดิ้นให้หลุดคดี การติดคุก 2 ปี แต่ลืมไปว่ายังมีคดีที่รอการพิจารณาอยู่ในชั้นศาลอีก 17 คดี ดังนั้นหากจะทำการถวายฎีกาต้องทำถึง17 ครั้ง”

นายเทพไทกล่าวว่าเนื้อหาการโฟนอินยังมีการโจมตีการทำงานของรัฐบาล โดยทำตัวเป็นผู้วิเศษพยายามพูดว่าตัวเองเพียงคนเดียวที่จะสามารถแก้ไขวิกฤต และพาประเทศนี้ให้พ้นจากวิกฤตได้ พร้อมตั้งฉายารัฐบาลชุดนี้ว่า รัฐบาลกู้หนี ขึ้นภาษี ไล่บี้ทักษิณ ตนขอตั้งฉายารัฐบาลทักษิณว่า รัฐบาลทักษิณโกงกิน ขายสมบัติชาติ ผูกขาดตัดตอน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลอยู่ในระหว่างแก้ไขวิกฤตของประเทศชาติ แต่สถานการณ์ขณะนี้ไมได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่เกิดขึ้นทั่วโลก

**ปลุกระดมยากถ้ามาม็อบหน้าทำเนียบฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเคลื่อนไหวอีก2 ครั้งของกลุ่มนปช. พรรคประชาธิปัตย์ประเมินว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมมากขึ้นหรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับประเด็นที่จะชูขึ้นมา เช่นการเคลื่อนไหวครั้งนี้มีการชูเรื่องการโคนอำมาตยาธิปไตย แต่จะเห็นว่าประชาชนเข้ามาร่วมจำนวนน้อย เพราะรู้ว่าที่มาของรัฐบาลชุดนี้ไม่ต่างจากรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช หรือ รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่มาจากรัฐธรรมนูญ ปี 50 โดยมาจาก ส.ส. ชุดเดียวกันผ่านกลไกในสภา

ดังนั้น การเคลื่อนไหวอีก 2 ครั้งจึงขึ้นอยู่กับประเด็นว่าจะทำให้ประชาชนให้ความสนใจอยากเข้าร่วมด้วยหรือไม่ เพราะยุทธศาสตร์สำคัญจะมีการเปลี่ยนจาก สนามหลวง มาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กองทัพบก และทำเนียบรัฐบาล แต่ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะประชาชนได้รับบทเรียนจากเหตุการณ์ ความรุนแรงเมื่อวันที่ 13 เม.ย. จึงไม่มีใครอยากให้มาทำลายประเทศบ้านเมืองนอกจากจะช่วยให้พ้นวิกฤต

**โฆษกปชป.แนะเข้าสู่กระบวนการของกม.
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมามีความพยายามแก้ไขภาพลักษณ์ของการชุมนุม เพื่อลบล้างภาพการชุมนุมก่อจลาจลในช่วงเดือน เม.ย.ถือว่าเป็นการชุมนุม ในทางที่ดีขึ้นอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายตามแนวทางประชาธิปไตย แต่เนื้อหาสาระของการชุมนุมยังเป็นการปลุกระดมสร้างความแตกแยก และมีการก้าวล่วงพระราชอำนาจ โดยเฉพาะแนวทางการถวายฎีกา

“”ปชป.ขอวิงวอนไปยังประชาชนทุกหมู่เหล่าทุกสีให้ร่วมกันสร้างความสมานฉันท์และสร้างความเป็นปึกแผ่น เพราะการเคลื่อนไหวของนปช.ครั้งนี้เป็นการปูทางเพื่อต้องการพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศ โดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อความผิดที่ได้กระทำขึ้น โดยและขณะนี้ยังเหลือการชุมนุมของนปช.ที่จะช่วยได้ จึงอยากให้กลุ่มนปช.พยายามทำตามกระบวนการของกฎหมายและขอให้เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปเหมือนที่พรรคเพื่อไทย ได้เข้าสู่กระบวนการโดยการ เข้ามาเป็นส่วนร่วมของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างวันที่8-15 เม.ย. รวมถึงคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปทางการเมือง

**เตือนเสื้อแดงหยุดละเมิดพระราชอำนาจ
นายสาธิต ปิตุเตชะ
กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในครั้งนี้ ได้มีการพูดถึงประเด็นเรื่องการถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่บังควร เข้าข่ายละเมิดพระราชอำนาจ รวมไปถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มเสื้อแดงจะยื่นถวายฎีกาให้พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชายชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ลาออกจาก ตำแหน่งถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะทั้ง3 ท่านเป็นองคมนตรี การจะเข้าสู่ตำแหน่ง หรือออกจากตำแหน่งเป็นพระราชวินิจฉัย จึงอยากเรียกร้องให้นปช. ยุติการดำเนินการ ดังกล่าวเพราะไม่เกิดประโยชน์ ในการแก้ไขวิกฤติของประเทศชาติ

“เข้าใจว่าคนเสื้อแดงมีความจงรักภักดีต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งการจงรักภักดีไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่เป็นปัญหาของประเทศ แต่อย่าเอาความจงรักภักดีมาเกี่ยวข้องกับสถาบัน เพราะสถาบันอยู่เหนือความขัดแย้ง ขณะนี้ประเทศกำลังเดินหน้าแก้ปัญหาวิกฤต การเคลื่อนไหวไม่ควรจะทำให้เกิดวิกฤตทางการเมืองเกิดขึ้นอีก เหมือนเครื่องบินที่กำลังเทกออฟ หากเกิดปัญหาวิกฤตการเมืองเกิดขึ้นอีก การประคับประคองเครื่องบินนี้ก็จะตกลงได้

**ส.ว.เชื่อล่าชื่อถวายฎีกาไม่สำเร็จ
นายสมชาย แสวงการ
ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะรวบรวม รายชื่อประชาชน เพื่อยื่นถวายฎีกาเพื่อขออภัยโทษให้ พ.ต.ท. ทักษิณ กลับเข้ามาเมืองไทยโดยไม่มีคดีติดตัวว่า แสดงว่าเป็นการอ้างประชาชนจำนวนเป็นล้าน เพื่อกดดัน อยากให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ถามประชาชนอีก 64 ล้านคนด้วยว่าเขาต้องการ ทำเช่นนั้นหรือไม่ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าการล่ารายชื่อครั้งนี้จะไม่สำเร็จแน่นอน เพราะประชาชนที่จะไปร่วมลงชื่อก็ต้องคิดหนักว่าทำไมต้องไปรับใช้นักการเมืองเหล่านี้

“หาก พ.ต.ท.ทักษิณ รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม ทำไมไม่เข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน ลองมาเข้าเรือนจำก่อน ค่อยมาขออภัยโทษ แต่นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีสิทธิ์อะไรเลยที่จะทำเช่นนี้ และผมเชื่อว่ารัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์ เขาจะให้ความเป็นธรรม หากพ.ต.ท.ทักษิณ กลับเข้ามาเมืองไทยจริงๆ และอยากฝากบอกว่าคนที่เขาจงรักภักดี เขาไม่ทำกันอย่างนี้หรอก”

** อัยการไม่รู้ “แม้ว” กลับมาอยู่เอเชีย
นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ
อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่าขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาอยู่ในประเทศแถบเอเชียว่า ในส่วนของอัยการยังไม่เคยได้รับการยืนยันจากกระทรวงการต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีหน้าที่ติดตามหาที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เข้ามาอยู่ในประเทศแถบเอเชียแล้ว

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศ สามารถยืนยันที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ เฉพาะในประเทศสหรัฐอาหรับอามิเรสต์ หรือ UAE และที่ประเทศนิการากัว เท่านั้น และนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด ในฐานะผู้ประสานงานกลางการติดตามผู้ร้ายข้ามแดน ได้มีหนังสือเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผ่านวิถีทางการทูตให้กระทรวงต่างประเทศ ยื่นต่อสองประเทศดังกล่าวเพื่อให้จับกุม พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้ก่อนหากพบตัว เพื่อทางการไทยจะได้ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศทางอาญาขอให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนโดยวิธีการต่างตอบแทน เพื่อนำตัวกลับมารับโทษในไทย

** โพลชี้ปชช.เชื่อ-ไม่เชื่อโฟนอินสูสี
สวนดุสิตโพลล์ ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับการเมืองไทย โดยสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ซึ่งสุ่มกระจายไปยังจังหวัดที่เป็นตัวเเทนของภูมิภาค จำนวน 6,147 คน พบว่ามีประชาชนร้อยละ 40.47 อยากรับรู้รับฟังการโฟนอิน ส่วนผู้ที่ไม่อยากรับรู้รับฟังมี ร้อยละ 31.39 เมื่อได้รับฟังแล้วประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 38.43 มีความรู้สึกสงสาร อยากให้กลับมาบริหารประเทศ อยากให้มีการอภัยโทษ เนื่องจากเชื่อว่าน่าจะกลับมาช่วยกอบกู้เศรษฐกิจประเทศได้ และมีประชาชนร้อยละ 33.26 อยากให้หยุดการโฟนอินเพื่อบ้านเมืองจะได้สงบ

ขณะเดียวกัน ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.08 ค่อนข้างเชื่อข้อความการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นเรื่องที่ถูกกีดกัน ไม่ได้รับความเป็นธรรม มีประชาชนร้อยละ 37.53 ไม่ค่อยเชื่อ และร้อยละ 11.55 ไม่เชื่อเลย เพราะเห็นว่าเป็นการปลุกปั่นประชาชนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

**เพื่อไทยอ้างกอ.รมน.วางแผนคุมกำเนิด
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่รัฐบาลปูดแผนตากสิน 2 โดยกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเสื้อแดง โดยยืนยันว่า ไม่มีแผนตากสิน 2 แน่นอน รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลเด็กเลี้ยงแกะ เพราะการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.เป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ แต่มาร่วมชุมนุมด้วยจิตใจความเป็นประชาธิปไตย ทราบมาว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงจากภาคอีสาน ภาคเหนือ ประมาณ 1,500 คน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่าน ถ.พระราม 9 โดยไม่ให้สื่อมวลชนเข้ารับฟัง ซึ่งการประชุมดังกล่าวมีการวางแผนการใช้งบประมาณ เพื่อสกัดการเติบโตของพรรคเพื่อไทย และประชาชนที่มีความเห็นต่างจากรัฐบาล ในลักษณะเดียวกับที่กองทัพเคยใช้งบ 2,000 พันล้านบาทเพื่อกำจัดกลุ่มเสื้อแดง เนื่องจากขณะนี้พรรคเพื่อไทยแข็งแกร่งกว่าที่คิด ทำให้หลายฝ่ายหวาดผวา โดยเฉพาะหลังจากที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งที่จ.สกลนคร อย่าคิดว่าพรรคไม่ทราบเรื่องนี้ ขณะนี้พรรคกำลังติดตามว่า มีการวางแผนการอย่างไร และใช้งบประมาณเท่าไรมาสกัดกั้นพรรคเพื่อไทย

โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการที่พรรคเพื่อไทยมีความแข็งแกร่งในขณะนี้ ทำให้มี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค และอดีตส.ส.พลังประชาชน ภาคอีสาน ภาคเหนือ ที่ตีจากไปสังกัดพรรคร่วมรัฐบาล ได้แจ้งความประสงค์ผ่านทางผู้ใหญ่พรรคเพื่อไทยว่า จะขอกลับมาอยู่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย เบื้องต้นมีประมาณ 11 คน ซึ่งเป็นผลมาจากพรรคเพื่อไทยได้รับกระแสความนิยมจากประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคอีสาน ทำให้ส.ส.เหล่านี้อยากกลับมาร่วมงานกับพรรคอีกครั้ง ยิ่งถ้าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งซ่อม จ.ศรีสะเกษ จะยิ่งมีส.ส.ขอกลับมาอยู่พรรคเพื่อไทยมากกว่า 11 คนแน่นอน ชนิดไม่ต้องดูดตัวส.ส.เลย
กำลังโหลดความคิดเห็น