"ความถ่อย...ความเถื่อน... ของแก๊งนรกป่วนกรุง(นปก) ที่ออกอาละวาดโจมตีรัฐบาลในยุค คมช.ยังคงเป็นสิ่งที่ประชาชนจดจำได้ติดตา กับการเข้าสลายม็อบ นปก.หน้าบ้านป๋าเปรม เมื่อ 22 ก.ค. 50 ที่ตำรวจใช้ความรุนแรงทั้งทุบ ตี ด้วยกระบอก ยิงแก๊สน้ำตามุ่งเป้าต้องสลายให้ได้ การเข้าสลายม็อบ นปก.ครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ารุกจู่โจมยิงแก๊สน้ำตา ถึง 3 ครั้ง เนื่องจากกลุ่ม นปก.ป่วนเมืองต่อสู้ ต่อต้านโดยการทำลายทรัพย์สินหน้าบ้านป๋า ใช้อิฐตัวหนอนปาหัวตำรวจ ใช้เหล็กใช้ไม้เข้าห่ำหั่น เพื่อต้านกำลังตำรวจที่เข้าสลาย แต่ในที่สุดกลุ่มผู้ชุมนุม นปก.ก็พ่ายแพ้แตกกระเจิด กระเจิงไปกันคนละทิศ ละทาง โดยแกนนำ นปก.ในครั้งนี้มี "วีระ มุสิกพงศ์ - ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ - จตุพร พรหมพันธ์ - จักรภพ เพ็ญแข" พาประชาชนเข้าบุกบ้านสี่เสาเทเวศน์
แต่ ณ วันนี้เวลาผ่านมากว่า ขวบปี ขวบเดือน กลุ่มเถื่อน นปก. กลับเปรียบเหมือนโจรที่นั่งเรือ มีฝีพายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ทรงเกียรติ พายเรือให้โจร นปก.นั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหลาย คงจะลบเลือน ลืมเลือน กับเหตุการณ์ที่เคยเข้าสลายม็อบ นปก.ไปแล้ว อย่างสิ้นเชิง ถึงได้ยืนยิ้มกริ่ม สนุกสนาน สดชื่นกับดอกไม้ได้ที่รับจากกลุ่มม็อบถ่อย นปก.ผู้ที่เคยสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองเมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมาได้หมดสิ้น
การเข้าสลายการชุมนุมของ นปก. หน้าบ้าน"ป๋าเปรม"นายตำรวจระดับสูงใน สตช. บช.น. ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า กระทำเพื่อให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบ เนื่องจาก นปก.สร้างความแตกแยกในสังคม พูดจาจาบจ้วงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดังนั้นตำรวจจำเป็นต้องทำ แต่เพียงแค่ช่วงข้ามคืนวัน กาลเวลาเปลี่ยนแปลง รัฐบาลสามารถเปลี่ยนนายตำรวจระดับสูงในวงการสีกาสีให้สนองตอบตนเองได้ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เป็นตำรวจหันกระบอกปืน หันหัวยิงแก๊สน้ำตาหน้า บช.น. ยิงเข้าสลายผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ อีกทั้งยังบุกเข้าทุบตี ผลักดัน ประชาชนมือเปล่าในทำเนียบรัฐบาลที่ต่อต้านการทำงานที่เข้าข่ายคอร์รัปชั่น ไม่โปร่งใส ขับไล่นายกรัฐมนตรี "สมัคร สุนทรเวช" ออกจากตำแหน่ง พร้อมกับตะโกนบอกกล่าวให้คนทั้งชาติรับรู้ถึงพฤติกรรม การกระทำที่บ้าระห่ำ ย่ำยี่ทั้งเกียรติ ศักดิ์ศรี ทำร้ายร่างกาย และจิตใจ จนประชาชนได้รับบาดเจ็บหัวแตก แขนหัก เบ้าตาแดงแสบจากควันแก๊สน้ำตา
นี่หรือคือตำรวจในยุค "พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" นี่หรือคืออำนาจเต็มที่ "พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ" มท. 1 ร่วมกันประสานงานสนอง "หมักหอกหัก" ผู้แต่งตั้งบุคคลทั้งสองดูแลการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และนี่คือคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่า ใครเป็นใหญ่ในขณะนี้ ตำรวจก็สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามกระแสขาขึ้นขาลงได้ทันที หรือว่ากฎหมายที่กุมอำนาจอยู่มันทำให้ทำร้ายประชาชนได้ทุกเมื่อ
แม้ว่าที่ผ่านมาตำรวจจะตามล้างตามเช็ดกับการที่ นปก.หมิ่นเบื้องสูง โดยได้ออกหมายจับสมุน นปก. ที่ปราศรัยโจมตี พูดจาจาบจ้วง สามหาว หมิ่นเบื้องสูง ไม่ว่าจะเป็น "วีระ มุสิกพงศ์ " ที่ปราศรัยที่ท้องสนามหลวงหมิ่มองค์รัชทายาท นางสาวดารณี เชิงชาญศิลปกุล "ดา ตอร์ปิโด" แกนนำกลุ่มสภาประชาชนสนามหลวง ที่ปราศรัยพาดพิงก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ท้องสนามหลวงเมื่อ 18 ก.ค. 50
ต่อมา 15 ส.ค. 51 ออกหมายจับ “นางบุญยืน ประเสริฐยิ่ง” แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยก้าวหน้า แก๊ง นปก.ที่ขึ้นปราศรัยที่เวทีท้องสนามหลวง ซึ่งในการปราศรัยได้มีบางช่วงกล่าวพาดพิงถึงองค์รัชทายาท เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
สุดอืดกับการกว่าจะคลอดหมายจับ "ชูชีพ ชีววิสุทธิ์" ประธานชมรมพิทักษ์รัฐ คนสนิท "ทักษิณ ชินวัตร" เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ได้นายชูชีพ ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือที่เปลี่ยนมาเป็น แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) บริเวณท้องสนามหลวง เมื่อช่วงค่ำวันที่ 10 มิ.ย.2551 มีถ้อยคำหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างต่อเนื่องตลอดการปราศรัยนานกว่า 1 ชั่วโมง รวมถึงคำพูดของ นายชูชีพ ที่พูดผ่านทางรายการวิทยุชุมชนเวทีทวงคืนประชาธิปไตยและการนำมาเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตด้วย
"จักรภพ เพ็ญแข" หรือ เจ๊เพ็ญ ที่จำต้องออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ด้วยเพราะเหตุพูดจาจาบจ้วง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพเช่นกัน แต่จะมีจุดจบอย่างไรทุกอย่างยังคงค้างอยู่ที่คณะกรรมการระดับ ตร. ที่มี "วงกต มณีรินทร์" เพื่อนแม้ว เป็นประธานพิจารณาชี้ขาดจะให้ติดคุกหรือให้ลอยนวลเท่านั้น
30 ส.ค. 51 เวลา 14.00 น. กลุ่ม นปก.สารเลวประมาณ 200 คน ถูกขุดขึ้นมาจากหลุม นัดรวมพลกันที่ท้องสนามหลวง เพื่อออกมาปั่นป่วน สร้างความแยกแตกในมวลชน เดินหน้าสร้างกระแสต้านพันธมิตรฯ โดยได้ขู่จะเคลื่อนพลมารุกรานสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แต่ต่อมาก็เป็นแค่การพ่นน้ำลายฟ่อเท่านั้น
เวลา 21.00 น. นปก.ระดมคนกว่าหมื่น โดยรัฐบาลจัดฉากวิ่งเทิดพระเกียรติบังหน้า แท้จริงขนอันธพาลเตรียมชนพันธมิตร หลัง " 3 เกลอหัวเกรียน" ออกมาจ้อในรายการ"ความจริงวันนี้" ที่สถานีสุดบิดเบือนความจริง (NBT) ปลุกระดมคนนปก.อีกครั้ง ขณะที่ตำรวจ รีบปฏิเสธเสียงแข็งไม่เคยทำร้ายพันธมิตรฯ และจะไม่มีการสลายการชุมนุมที่รุนแรง
31 ส.ค. 51 เวลา 09.00 น. นปก. กว่าพันโผล่หัวไปหน้ารัฐสภา มอบดอกไม้ให้นายตำรวจระดับสูง สนับสนุนให้ "หมักหอกหัก" นั่งแช่ทำลายชาติต่อไป พร้อมทั้ง นปก. ที่ตำรวจเคยสลายหน้าบ้านป๋าเปรม ทั้งถูกตีหัวแตก และโดนแก๊สน้ำตา ก็ได้มอบดอกไม้ให้"โกวิท -สุรพล" ที่ยืนทำหน้าระรื่นรับดอกไม้ที่นปก.มาให้กำลังใจ อยู่บันคราบน้ำตาของพันธมิตรฯผู้รักชาติ
ความอหังการ ที่ นปก.นรกป่วนกรุง ออกมาสร้างความฮึกเหิมในครั้งนี้ยังไม่หยุดการกระทำที่สร้างความร้าวฉาน ความแตกแยกในสังคม 1 ก.ย. 51 เวลา 09.10 น. "พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์" รองผบ.ตร.พูดถึงเรื่องเหตุระเบิด ป้อมตำรวจจราจรบริเวณเชิงสะพานตรงข้ามคุรุสภา โดยฟันธงว่าเป็นมือที่สาม ที่หวังผลทางการเมือง แต่ก็ไม่ได้แอะใจ หรือ สงสัย กลุ่ม นปก.แม้แต่น้อย...
ส่วนท้ายสุด...ความเป็นธรรม จะมีเกิดขึ้นในบ้านเมืองหรือไม่? ยังต้องเฝ้าติดตามกันต่อไป ผู้บริสุทธิ์จะต้องสูญเสียความรู้สึก เสียเลือดหัว แลกกับความถูกต้องกันอีกมากน้อยแค่ไหน ตำรวจผู้กุมอำนาจย่อมรู้ดีแก่ใจ จะเลือกพายเรือให้โจร(นปก.)นั่งอย่างสบายใจเฉิบ...ท่ามกลางกระแสต่อต้านผู้นำประเทศ "หมักหอกหัก" ต่อไป ฤาจะต้องแลกกับชีวิตประชาชนผู้รักชาติต่อไป เลือกเอาข้างถูก หรือ ข้างที่ผิด ตามที่ "สมัคร สุนทรเวช"พูดชี้นำสร้างความแตกแยกในประเทศชาติมากขึ้น ....กันยาทมิฬ นี้รู้แน่!
แต่ ณ วันนี้เวลาผ่านมากว่า ขวบปี ขวบเดือน กลุ่มเถื่อน นปก. กลับเปรียบเหมือนโจรที่นั่งเรือ มีฝีพายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ทรงเกียรติ พายเรือให้โจร นปก.นั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหลาย คงจะลบเลือน ลืมเลือน กับเหตุการณ์ที่เคยเข้าสลายม็อบ นปก.ไปแล้ว อย่างสิ้นเชิง ถึงได้ยืนยิ้มกริ่ม สนุกสนาน สดชื่นกับดอกไม้ได้ที่รับจากกลุ่มม็อบถ่อย นปก.ผู้ที่เคยสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองเมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมาได้หมดสิ้น
การเข้าสลายการชุมนุมของ นปก. หน้าบ้าน"ป๋าเปรม"นายตำรวจระดับสูงใน สตช. บช.น. ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า กระทำเพื่อให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบ เนื่องจาก นปก.สร้างความแตกแยกในสังคม พูดจาจาบจ้วงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดังนั้นตำรวจจำเป็นต้องทำ แต่เพียงแค่ช่วงข้ามคืนวัน กาลเวลาเปลี่ยนแปลง รัฐบาลสามารถเปลี่ยนนายตำรวจระดับสูงในวงการสีกาสีให้สนองตอบตนเองได้ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เป็นตำรวจหันกระบอกปืน หันหัวยิงแก๊สน้ำตาหน้า บช.น. ยิงเข้าสลายผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ อีกทั้งยังบุกเข้าทุบตี ผลักดัน ประชาชนมือเปล่าในทำเนียบรัฐบาลที่ต่อต้านการทำงานที่เข้าข่ายคอร์รัปชั่น ไม่โปร่งใส ขับไล่นายกรัฐมนตรี "สมัคร สุนทรเวช" ออกจากตำแหน่ง พร้อมกับตะโกนบอกกล่าวให้คนทั้งชาติรับรู้ถึงพฤติกรรม การกระทำที่บ้าระห่ำ ย่ำยี่ทั้งเกียรติ ศักดิ์ศรี ทำร้ายร่างกาย และจิตใจ จนประชาชนได้รับบาดเจ็บหัวแตก แขนหัก เบ้าตาแดงแสบจากควันแก๊สน้ำตา
นี่หรือคือตำรวจในยุค "พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" นี่หรือคืออำนาจเต็มที่ "พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ" มท. 1 ร่วมกันประสานงานสนอง "หมักหอกหัก" ผู้แต่งตั้งบุคคลทั้งสองดูแลการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และนี่คือคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่า ใครเป็นใหญ่ในขณะนี้ ตำรวจก็สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามกระแสขาขึ้นขาลงได้ทันที หรือว่ากฎหมายที่กุมอำนาจอยู่มันทำให้ทำร้ายประชาชนได้ทุกเมื่อ
แม้ว่าที่ผ่านมาตำรวจจะตามล้างตามเช็ดกับการที่ นปก.หมิ่นเบื้องสูง โดยได้ออกหมายจับสมุน นปก. ที่ปราศรัยโจมตี พูดจาจาบจ้วง สามหาว หมิ่นเบื้องสูง ไม่ว่าจะเป็น "วีระ มุสิกพงศ์ " ที่ปราศรัยที่ท้องสนามหลวงหมิ่มองค์รัชทายาท นางสาวดารณี เชิงชาญศิลปกุล "ดา ตอร์ปิโด" แกนนำกลุ่มสภาประชาชนสนามหลวง ที่ปราศรัยพาดพิงก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ท้องสนามหลวงเมื่อ 18 ก.ค. 50
ต่อมา 15 ส.ค. 51 ออกหมายจับ “นางบุญยืน ประเสริฐยิ่ง” แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยก้าวหน้า แก๊ง นปก.ที่ขึ้นปราศรัยที่เวทีท้องสนามหลวง ซึ่งในการปราศรัยได้มีบางช่วงกล่าวพาดพิงถึงองค์รัชทายาท เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
สุดอืดกับการกว่าจะคลอดหมายจับ "ชูชีพ ชีววิสุทธิ์" ประธานชมรมพิทักษ์รัฐ คนสนิท "ทักษิณ ชินวัตร" เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ได้นายชูชีพ ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือที่เปลี่ยนมาเป็น แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) บริเวณท้องสนามหลวง เมื่อช่วงค่ำวันที่ 10 มิ.ย.2551 มีถ้อยคำหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างต่อเนื่องตลอดการปราศรัยนานกว่า 1 ชั่วโมง รวมถึงคำพูดของ นายชูชีพ ที่พูดผ่านทางรายการวิทยุชุมชนเวทีทวงคืนประชาธิปไตยและการนำมาเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตด้วย
"จักรภพ เพ็ญแข" หรือ เจ๊เพ็ญ ที่จำต้องออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ด้วยเพราะเหตุพูดจาจาบจ้วง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพเช่นกัน แต่จะมีจุดจบอย่างไรทุกอย่างยังคงค้างอยู่ที่คณะกรรมการระดับ ตร. ที่มี "วงกต มณีรินทร์" เพื่อนแม้ว เป็นประธานพิจารณาชี้ขาดจะให้ติดคุกหรือให้ลอยนวลเท่านั้น
30 ส.ค. 51 เวลา 14.00 น. กลุ่ม นปก.สารเลวประมาณ 200 คน ถูกขุดขึ้นมาจากหลุม นัดรวมพลกันที่ท้องสนามหลวง เพื่อออกมาปั่นป่วน สร้างความแยกแตกในมวลชน เดินหน้าสร้างกระแสต้านพันธมิตรฯ โดยได้ขู่จะเคลื่อนพลมารุกรานสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แต่ต่อมาก็เป็นแค่การพ่นน้ำลายฟ่อเท่านั้น
เวลา 21.00 น. นปก.ระดมคนกว่าหมื่น โดยรัฐบาลจัดฉากวิ่งเทิดพระเกียรติบังหน้า แท้จริงขนอันธพาลเตรียมชนพันธมิตร หลัง " 3 เกลอหัวเกรียน" ออกมาจ้อในรายการ"ความจริงวันนี้" ที่สถานีสุดบิดเบือนความจริง (NBT) ปลุกระดมคนนปก.อีกครั้ง ขณะที่ตำรวจ รีบปฏิเสธเสียงแข็งไม่เคยทำร้ายพันธมิตรฯ และจะไม่มีการสลายการชุมนุมที่รุนแรง
31 ส.ค. 51 เวลา 09.00 น. นปก. กว่าพันโผล่หัวไปหน้ารัฐสภา มอบดอกไม้ให้นายตำรวจระดับสูง สนับสนุนให้ "หมักหอกหัก" นั่งแช่ทำลายชาติต่อไป พร้อมทั้ง นปก. ที่ตำรวจเคยสลายหน้าบ้านป๋าเปรม ทั้งถูกตีหัวแตก และโดนแก๊สน้ำตา ก็ได้มอบดอกไม้ให้"โกวิท -สุรพล" ที่ยืนทำหน้าระรื่นรับดอกไม้ที่นปก.มาให้กำลังใจ อยู่บันคราบน้ำตาของพันธมิตรฯผู้รักชาติ
ความอหังการ ที่ นปก.นรกป่วนกรุง ออกมาสร้างความฮึกเหิมในครั้งนี้ยังไม่หยุดการกระทำที่สร้างความร้าวฉาน ความแตกแยกในสังคม 1 ก.ย. 51 เวลา 09.10 น. "พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์" รองผบ.ตร.พูดถึงเรื่องเหตุระเบิด ป้อมตำรวจจราจรบริเวณเชิงสะพานตรงข้ามคุรุสภา โดยฟันธงว่าเป็นมือที่สาม ที่หวังผลทางการเมือง แต่ก็ไม่ได้แอะใจ หรือ สงสัย กลุ่ม นปก.แม้แต่น้อย...
ส่วนท้ายสุด...ความเป็นธรรม จะมีเกิดขึ้นในบ้านเมืองหรือไม่? ยังต้องเฝ้าติดตามกันต่อไป ผู้บริสุทธิ์จะต้องสูญเสียความรู้สึก เสียเลือดหัว แลกกับความถูกต้องกันอีกมากน้อยแค่ไหน ตำรวจผู้กุมอำนาจย่อมรู้ดีแก่ใจ จะเลือกพายเรือให้โจร(นปก.)นั่งอย่างสบายใจเฉิบ...ท่ามกลางกระแสต่อต้านผู้นำประเทศ "หมักหอกหัก" ต่อไป ฤาจะต้องแลกกับชีวิตประชาชนผู้รักชาติต่อไป เลือกเอาข้างถูก หรือ ข้างที่ผิด ตามที่ "สมัคร สุนทรเวช"พูดชี้นำสร้างความแตกแยกในประเทศชาติมากขึ้น ....กันยาทมิฬ นี้รู้แน่!