ASTVผู้จัดการรายวัน-“พงษ์ลาภ”โยนผ้ายอมแพ้ ส่งหนังสือถึงอคส. ขอยกเลิกสัญญาซื้อขายข้าว พร้อมขอคืนเงินค้ำประกัน 5% โดยไม่มีการฟ้องร้อง เหตุไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่เป็นแพะ พ้อนายกรัฐมนตรีไม่ให้ความสำคัญ ก็ไม่รอแล้ว ยอมรับถูกผู้ซื้อต่อว่าเข้ามา แต่จะหาทางชี้แจงเอง เผยราคาข้าวพุ่ง เหตุผู้ส่งออกแย่งซื้อข้าวในตลาด เพื่อส่งมอบลูกค้า
นายสมพงษ์ กิตติเรียงลาภ ประธาน บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ทนายของบริษัททำหนังสือถึงองค์การคลังสินค้า (อคส.) แจ้งขอยกเลิกสัญญาซื้อข้าวที่บริษัททำไว้ เพื่อขอคืนเงินค้ำประกัน 5% ของมูลค่าข้าวที่ชนะการประมูลที่ยังไม่ได้รับมอบ ทั้งในส่วนที่ชำระเงินแล้ว แต่ได้รับข้าวไม่ครบตามจำนวน เนื่องจากถูกอคส. ชะลอรับมอบตามคำสั่งของนางพรทิวา
นาคาศัย รมว.พาณิชย์ และข้าวที่ยังไม่ได้ชำระเงินปริมาณรวมเกือบ 2 แสนตัน โดยจะไม่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับทางอคส.แต่อย่างใด
“จะไม่ทำอะไรอีกแล้ว หลังจากที่เดิมทีจะเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเรื่องสัญญาข้าวให้จบภายในสัปดาห์นี้ แต่ทางนายกฯ เลื่อนนัด และไม่ให้ความสำคัญ ก็คงไม่รอแล้ว จะทำหนังสือถึงอคส. เพื่อขอคืนเงินค้ำประกัน จะได้จบๆ กันไป ผมจะขอเป็นฝ่ายเลิกสัญญาเอง แต่จะไม่มีการฟ้องร้อง เพราะพิจารณาแล้วว่าหากทำการฟ้องร้อง ผู้ที่จะตกเป็นจำเลยที่หนึ่ง คืออคส.ซึ่งเป็นข้าราชการประจำ โดยเป็นผู้รับคำสั่งจากรัฐบาลให้ชะลอรับมอบข้าวอีกทอดหนึ่ง” นายสมพงษ์กล่าว
นายสมพงษ์กล่าวว่า การดำเนินการหลังจากนี้ไป บริษัทจะชี้แจงให้ผู้ซื้อต่างประเทศทราบถึงสาเหตุที่ไม่สามารถส่งมอบข้าวตามคำสั่งซื้อได้บางส่วน เพราะมีปัญหาสัญญาซื้อข้าวจากรัฐบาลที่ล่าช้ามานานกว่า 1 เดือนแล้ว และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ โดยยอมรับว่าอาจถูกผู้ซื้อเรียกค่าเสียหาย และทำให้ภาพลักษณ์ของการส่งออกข้าวไทยได้รับผลกระทบบ้าง
นอกจากนี้ จากปัญหาการประมูลข้าวที่ยืดเยื้อ ทำให้บริษัทต้องหาซื้อข้าวจากโรงสี เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าอย่างเร่งด่วนจำนวนหนึ่ง ซึ่งผู้ส่งออกรายอื่นๆ ก็คงดำเนินการในลักษณะเดียวกันนี้ จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาข้าวในตลาดขณะนี้ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาข้าวขาว 5% อยู่ที่ตันละ 1.75 หมื่นบาท สูงกว่าราคาที่ชนะประมูลสต๊อกข้าวจากรัฐบาลในราคา 1.5-1.55 หมื่นบาท แต่ข้าวที่ซื้อในตลาดไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง เพราะมีคุณภาพดีกว่าข้าวรัฐบาล ที่จะต้องจ่ายค่าปรับปรุงเพิ่มอีกตันละ 1,000 บาท
ก่อนหน้านี้ นายยงยศ ปาละนิติเสนา รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า จะนำผลสรุปข้าวจากผู้ชนะประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลทั้ง 17 ราย จำนวน 1.95 ล้านตัน โดยทำหนังสือต้องการข้าวในส่วนที่ชำระเงินแล้ว 9.6 หมื่นตัน และแจ้งยกเลิกไม่ต้องการข้าวตามสัญญา 3 แสนตัน ที่เหลืออีก 1.4 ล้านตัน จะรอดูความชัดเจนจากนโยบายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่ามีแนวทางอย่างไร ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือร่วมกับเอกชนอีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า หลังจากเสร็จภารกิจเดินทางไปเยือนประเทศจีน โดยทางอคส. จะทำรายงานข้อสรุปทั้งหมดเสนอให้รมว.พาณิชย์รับทราบก่อนแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีรับทราบต่อไป
นายสมพงษ์ กิตติเรียงลาภ ประธาน บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ทนายของบริษัททำหนังสือถึงองค์การคลังสินค้า (อคส.) แจ้งขอยกเลิกสัญญาซื้อข้าวที่บริษัททำไว้ เพื่อขอคืนเงินค้ำประกัน 5% ของมูลค่าข้าวที่ชนะการประมูลที่ยังไม่ได้รับมอบ ทั้งในส่วนที่ชำระเงินแล้ว แต่ได้รับข้าวไม่ครบตามจำนวน เนื่องจากถูกอคส. ชะลอรับมอบตามคำสั่งของนางพรทิวา
นาคาศัย รมว.พาณิชย์ และข้าวที่ยังไม่ได้ชำระเงินปริมาณรวมเกือบ 2 แสนตัน โดยจะไม่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับทางอคส.แต่อย่างใด
“จะไม่ทำอะไรอีกแล้ว หลังจากที่เดิมทีจะเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเรื่องสัญญาข้าวให้จบภายในสัปดาห์นี้ แต่ทางนายกฯ เลื่อนนัด และไม่ให้ความสำคัญ ก็คงไม่รอแล้ว จะทำหนังสือถึงอคส. เพื่อขอคืนเงินค้ำประกัน จะได้จบๆ กันไป ผมจะขอเป็นฝ่ายเลิกสัญญาเอง แต่จะไม่มีการฟ้องร้อง เพราะพิจารณาแล้วว่าหากทำการฟ้องร้อง ผู้ที่จะตกเป็นจำเลยที่หนึ่ง คืออคส.ซึ่งเป็นข้าราชการประจำ โดยเป็นผู้รับคำสั่งจากรัฐบาลให้ชะลอรับมอบข้าวอีกทอดหนึ่ง” นายสมพงษ์กล่าว
นายสมพงษ์กล่าวว่า การดำเนินการหลังจากนี้ไป บริษัทจะชี้แจงให้ผู้ซื้อต่างประเทศทราบถึงสาเหตุที่ไม่สามารถส่งมอบข้าวตามคำสั่งซื้อได้บางส่วน เพราะมีปัญหาสัญญาซื้อข้าวจากรัฐบาลที่ล่าช้ามานานกว่า 1 เดือนแล้ว และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ โดยยอมรับว่าอาจถูกผู้ซื้อเรียกค่าเสียหาย และทำให้ภาพลักษณ์ของการส่งออกข้าวไทยได้รับผลกระทบบ้าง
นอกจากนี้ จากปัญหาการประมูลข้าวที่ยืดเยื้อ ทำให้บริษัทต้องหาซื้อข้าวจากโรงสี เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าอย่างเร่งด่วนจำนวนหนึ่ง ซึ่งผู้ส่งออกรายอื่นๆ ก็คงดำเนินการในลักษณะเดียวกันนี้ จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาข้าวในตลาดขณะนี้ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาข้าวขาว 5% อยู่ที่ตันละ 1.75 หมื่นบาท สูงกว่าราคาที่ชนะประมูลสต๊อกข้าวจากรัฐบาลในราคา 1.5-1.55 หมื่นบาท แต่ข้าวที่ซื้อในตลาดไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง เพราะมีคุณภาพดีกว่าข้าวรัฐบาล ที่จะต้องจ่ายค่าปรับปรุงเพิ่มอีกตันละ 1,000 บาท
ก่อนหน้านี้ นายยงยศ ปาละนิติเสนา รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า จะนำผลสรุปข้าวจากผู้ชนะประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลทั้ง 17 ราย จำนวน 1.95 ล้านตัน โดยทำหนังสือต้องการข้าวในส่วนที่ชำระเงินแล้ว 9.6 หมื่นตัน และแจ้งยกเลิกไม่ต้องการข้าวตามสัญญา 3 แสนตัน ที่เหลืออีก 1.4 ล้านตัน จะรอดูความชัดเจนจากนโยบายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่ามีแนวทางอย่างไร ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือร่วมกับเอกชนอีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า หลังจากเสร็จภารกิจเดินทางไปเยือนประเทศจีน โดยทางอคส. จะทำรายงานข้อสรุปทั้งหมดเสนอให้รมว.พาณิชย์รับทราบก่อนแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีรับทราบต่อไป
